ยอมรับว่าเตรียมจะไปศรีธัญญา “สามมิตร”ชะลอเดินสายโชว์ดูด ปชป.เมินต้อนรับครม.สัญจรใต้

“เสก โลโซ”โพสต์ประกาศหนุน “เทือก-มาร์ค-เนวิน-สมศักดิ์” ชู”บิ๊กตู่” เป็น นายกฯต่อ บริหารประเทศจนกว่าจะสงบ แต่ยอมรับตัวเองเป็นบ้าเตรียมไปร.พ.ศรีธัญญา แกนนำกลุ่มสามมิตรเพลาเดินสายดูด งดโชว์บิ๊กเซอร์ไพรส์ หลัง”บิ๊กป๊อก”ฮึ่มเอาผิดฐานขัดคำสั่ง คสช. “สมศักดิ์”ยังกั๊กเข้าพรรคพลังประชารัฐ อ้างไม่ได้สนิทกับ”สมคิด” ภูมิใจไทยจี้”คสช.-กกต.”จัดการกลุ่มสามมิตร กกต.ใหม่เริ่มงานวันแรก “อิทธิพร”ลั่นลุยจัดเลือกตั้งให้นานาชาติยอมรับ วิษณุนัดหารือปมปลดล็อก-แบ่งเขต-ไพรมารีโหวต ปชป.ชุมพร เมินรับครม.สัญจรใต้ เตือนม็อบเกษตรกรมาแน่

“บิ๊กตู่”งดจ้อการเมือง

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 ส.ค. ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี “61” อย่างไรก็ตาม ภายหลังเยี่ยมชมนิทรรศการ พล.อ. ประยุทธ์ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “เข้าไปดูวิทยาศาสตร์ความ เป็นจริง ไม่ใช่การเมือง”

วิษณุถกกกต.”ปลดล็อก-ไพรมารี”

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า ในสัปดาห์หน้าได้นัดพบกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ ซึ่งแจ้งผ่านพ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.แล้ว ส่วนจะเป็นวันที่ 20 ส.ค.หรือไม่นั้นยังไม่ทราบ เนื่องจากวันที่ 20 ส.ค.ตนมีวาระงานจะต้องลงพื้นที่ในการประชุม ครม.สัญจร จึงอาจมีเวลาพูดคุยกันได้ไม่มาก ดังนั้น ในวันที่ 20 ส.ค.อาจจะหาข้อสรุปจากการประชุมกับกกต.ยังไม่ได้ จึงอาจจะต้องนัดคุยกันอีกครั้ง ทั้งนี้ จะพูดคุยกันหลายเรื่องที่เกี่ยวกับการทำงาน ทั้งทำไพรมารี โหวต การแบ่งเขตเลือกตั้ง รวมถึงข้อสรุปเรื่องการปลดล็อกพรรคการเมืองด้วย

นายวิษณุกล่าวว่า จากนั้นจะนำผลการหารือมาเสนอ คสช.ให้พิจารณา เช่น จะทำไพรมารีโหวตในรูปแบบใด ส่วนการแบ่งเขตเลือกตั้งจะต้องดูข้อมูลต่างๆ ประกอบกันว่ามีความพร้อมหรือไม่ ก่อนจะออกคำสั่งมารองรับ ซึ่งทำได้ในช่วง 90 วันภายหลังพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งเราต้องบริหารเวลาให้เป็นประโยชน์ เพื่อไม่ต้องไปเบียดกับเวลา 150 วันในการเตรียมการเลือกตั้ง และหลังจากได้ข้อสรุปจากการหารือกับ กกต.ชุดใหม่แล้วก็จะชัดเจนว่าการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครั้งที่ 2 ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.เป็นประธานนั้น จะเกิดขึ้นวันใดในเดือนก.ย.

โต้สมชัย-ย้ำเลือกตั้งปี”62

ส่วนการขอแก้พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต. ของสมาชิก สนช. เพื่อล้มผู้ตรวจการเลือกตั้งจะยกเลิกหรือไม่ ภายหลัง สนช.ถอนร่างไม่ขอแก้ไขนั้น รองนายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดข้อกฎหมาย เพราะเริ่มต้นที่ สนช.เป็นผู้เสนอก็ควรจบที่สนช. แม้ตนจะเป็นผู้รับผิดชอบฝ่ายกฎหมาย แต่รับผิดชอบเฉพาะกฎหมายในส่วนของรัฐบาลเท่านั้น ที่ผ่านมาไม่เคยนำเรื่องนี้มาพูดคุยในครม. ส่วนการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ตรวจการเลือกตั้งทั้ง 616 คนที่จะครบ 15 วัน ถือเป็นอำนาจของ กกต.ชุดใหม่ รวมถึงพิจารณาคำร้องคัดค้านด้วย หากเห็นว่าอะไรที่ควรเปลี่ยนแปลงก็เป็นเรื่องของ กกต.ใหม่ แต่การจะโละใหม่ทั้งหมดคงยาก

เมื่อถามว่านายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ระบุจะไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในปี 2562 เพราะรัฐบาลจะใช้เทคนิคทางกฎหมายเพื่อเลื่อนออกไปอีก นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องที่นายสมชัยพูด แต่รัฐบาลยังยืนยันว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นในปี 2562 นายสมชัยอาจจะมีข้อมูลลับจากทางไหนก็ได้ที่รัฐบาลกับ คสช.ไม่มี เขาเป็นคนรู้เทคนิคเยอะ

ลั่น 5 กกต.ทำงานเป็นเอกภาพ

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สำนักงาน กกต. นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. พร้อมกกต. 4 คน ประกอบด้วย นายสันทัด ศิระอนันต์ไพบูลย์ นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี และนายปกรณ์ มหรรณพ รวมทั้งพ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. และเจ้าหน้าที่ สักการะองค์พระพรหม ที่บริเวณศาลพระพรหม อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ

ต่อมาเวลา 11.40 น. นายอิทธิพร และ กกต.อีก 4 คนเข้าร่วมพิธีรับสนองพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งประธานและกรรมการการเลือกตั้ง โดยมีเลขาธิการ กกต. และพนักงาน กกต.ร่วมพิธี พร้อมมอบแจกันดอกไม้เพื่อแสดงความยินดีกับ กกต.ทั้ง 5 คน ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง โดยเลขาธิการ กกต.กล่าวว่า สำนักงานพร้อมสนับสนุนการทำงานของ กกต.อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการเตรียมการเลือกตั้ง ซึ่งได้เตรียมพร้อมทั้งบุคลากรและทุกด้าน เพื่อให้การเลือกตั้งประสบความสำเร็จ สุจริตและเที่ยงธรรม

ด้านนายอิทธิพรกล่าวว่า ตนพร้อมทำงานร่วมกับ กกต.อีก 4 คนอย่างเป็นเอกภาพ นับถือให้เกียรติกัน เดินหน้าไปด้วยกัน พวกเรา 5 คนจะทำงานร่วมกับสำนักงาน ที่ถือว่าองค์กรเป็นส่วนสำคัญ อย่างซื่อสัตย์ สุจริต เดินหน้าไปด้วยกัน มีความเป็นกลาง ตรงไปตรงมา

ยันจัดเลือกตั้งให้ต่างชาติยอมรับ

นายอิทธิพรให้สัมภาษณ์ว่า ในการประชุม กกต.วันที่ 21 ส.ค. จะกำหนดวิสัยทัศน์ร่วมของ กกต.ทั้งชุด ซึ่งทุกคนมีความมุ่งมั่นทำหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อเตรียมการเลือกตั้งเพราะเป็นหน้าที่โดยตรง โดยพ.ร.ป.ว่าด้วย กกต.ระบุชัดต้องเป็นกลาง มีความกล้าหาญตัดสินใจ ไม่ถูกครอบงำจากอำนาจใดๆ เป็นคาถาหรือบทบัญญัติที่ กกต.ทุกคน รวมทั้งตนต้องยึดมั่นอย่างจริงจัง เพราะจะเป็นคาถาชี้นำสู่การทำงานที่ถูกต้อง แม้ไม่ง่ายในการปฏิบัติ แต่จะไม่เกิดปัญหาหากเรายึดมั่นในคาถานี้ เป็นกลาง ไม่เข้าข้างใคร ซื่อสัตย์สุจริต ยึดกฎหมายเป็นหลัก

นายอิทธิพรกล่าวว่า ส่วนที่ตนเป็นประธาน กกต.คนแรกที่ไม่ได้มาจากสายศาล แต่มาจากนักการทูตจะทำให้ชี้แจงกับต่างประเทศได้ง่ายขึ้นหรือไม่นั้น เป็นเพียงประเด็นหนึ่งเท่านั้น ที่สำคัญคือจัดการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ เที่ยงธรรม ให้ต่างประเทศยอมรับ ซึ่ง กกต.ทุกคนพร้อมให้ความเชื่อมั่น ชี้แจงกับประชาคมระหว่างประเทศที่ติดตามการเลือกตั้งของไทย ว่าจะเป็นไปตามกฎหมาย แม้พวกตนจะไม่มีประสบการณ์จัดการเลือกตั้งมาก่อน แต่จะมุ่งมั่นเรียนรู้อำนาจหน้าที่ เพื่อทำงานตามความรับผิดชอบ เพื่อให้สังคมมั่นใจว่าในฐานะ ผู้จัดการเลือกตั้งสามารถทำงานได้

ไม่ติดใจชุดเก่าคัดผู้ตรวจฯ

นายอิทธิพรกล่าวถึง กกต.ชุดเก่าดำเนินการคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งโดยไม่รอ กกต.ชุดใหม่ว่า ไม่ติดใจ คิดว่าเป็นอำนาจหน้าที่โดยในช่วงบ่ายก็จะได้หารือกับ กกต.ชุดเก่าว่าจะมอบงานมาให้อย่างไร ไม่คิดว่ามีอะไรที่เป็นอุปสรรค ส่วนในวันที่ 20 ส.ค.ที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ จะมาหารือกับ กกต.นั้น ทราบว่าเป็นเรื่องการจัดทำไพรมารีโหวต ซึ่งจะได้คุยกับสำนักงาน กกต. เพื่อเตรียมประเด็นไว้หารือด้วย แต่ยังไม่ทราบว่าในวันนั้นจะได้บทสรุปเลยหรือไม่ว่าจะเลือกแนวทางใดจาก 2 แนวทางที่นายวิษณุเสนอมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภารกิจสำคัญที่รอให้ กกต.ชุดใหม่เข้ามาดำเนินการ อาทิ การออกระเบียบและประกาศรองรับพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. การพิจารณาร่วมกับ คสช.และพรรคการเมืองเกี่ยวกับการแก้ไขคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนก.ย.นี้ รวมถึงการแบ่งเขตเลือกตั้งและการจัดทำไพรมารีโหวต

“ศุภชัย”พร้อมให้คำปรึกษา

ต่อมาเวลา 13.00 น. นายอิทธิพรพร้อมด้วย กกต.ได้พบและหารือกับอดีต กกต. ประกอบด้วยนายศุภชัย สมเจริญ อดีตประธาน กกต. นายบุญส่ง น้อยโสภณ นายประวิช รัตนเพียร และนายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ อดีต กกต. ทั้งนี้ นายศุภชัยได้มอบแจกันดอกไม้แสดงความยินดีกับ กกต.ชุดใหม่ พร้อมระบุว่า หากมีสิ่งใดที่จะให้ช่วยเหลือก็พร้อมสนับสนุน เพราะเราเข้ามาทำงานเพื่อประเทศชาติ ไม่ได้มากอบโกยผลประโยชน์ ขอให้ทำงานประสบความสำเร็จ ไม่มีอุปสรรค และยินดีให้คำปรึกษาในฐานะ กกต.รุ่นพี่ แต่จะไม่แทรกแซงการทำงาน

จากนั้นนายอิทธิพรเป็นประธานพิธีปิดการอบรมและมอบประกาศนียบัตรหลักสูตรสืบสวนและไต่สวน สำหรับผู้บริหารสำนักงาน กกต. เพื่อเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นภารกิจอย่างเป็นทางการครั้งแรกในฐานะประธาน กกต.คนใหม่

นายอิทธิพรกล่าวถึงการหารือกับอดีต กกต.ว่า เป็นการส่งมอบงานกัน รวมถึงประเด็นผู้ตรวจการเลือกตั้ง โดยต้องรอว่าผู้ได้รับการคัดเลือกมีรายใดถูกร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่หรือไม่ หลังจากนำรายชื่อไปประกาศให้ประชาชนได้รับทราบ

“เสก”เชียร์ตู่-มาร์ค-เนวิน-เทือก

นายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือเสก โลโซ นักร้องชื่อดังไลฟ์สด โพสต์ข้อความทาง เฟซบุ๊ก SEK LOSO แสดงความเห็นทางการเมือง โดยโพสต์ข่าวภาพนายสมศักดิ์ เทพ สุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร พร้อมระบุกับ ผู้ติดตามว่า หากรักตนขอให้เลือกนายสมศักดิ์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นาย เนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย โดยต้องสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เพื่อดูแลบ้านเมือง จนกว่าจะสงบเรียบร้อย

“ถ้ารักเฮียให้สนับสนุนพี่สมศักดิ์, พี่สุเทพ, พี่มาร์ค อภิสิทธิ์, พี่เนวิน และแน่นอนที่สุดต้องสนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ดูแลบ้านเมืองไปก่อนจนกว่าจะสงบเรียบร้อยดีแล้ว เราค่อยมาเลือกตั้งกัน” นายเสกสรรค์ระบุ

ลั่นเตรียมไปศรีธัญญา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้า เสก ได้ไลฟ์พูดถึงเรื่องเงินบริจาค และขอบคุณแฟนคลับที่เป็นห่วง พร้อมทั้งระบุว่า “เพื่อให้ทุกคนสบายใจ จะไปหาหมอรักษาโรคประสาท รู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นบ้า จะแวะไปศรีธัญญา ถ้ารักษาไม่หายก็จะไปรักษาที่อื่นต่อ หายแล้วจะกลับมาทำงานต่อ ถ้าประเทศไทยไม่หายก็จะไปรักษาที่ต่างประเทศ ตอนนี้ก็จะดีบ้างไม่ดีบ้าง ถ้าเป็นบ้าก็จะด่าพวกคุณ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เสก โลโซ ได้ไลฟ์สดผ่านมือถือติดต่อกัน 5 วัน โดยระบุว่า ได้เสนอกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกฯ ให้ยุติบทบาททางการเมืองเสีย เพราะบ้านเมืองต้องการความสงบสุข ซึ่งตนทราบมาว่านายทักษิณมีภารกิจบางอย่างที่จะทำ ตนจึงขอให้ยุติภารกิจที่กำลังจะทำ เพราะตนก็หยุดไลฟ์แล้วเช่นกัน

“สมศักดิ์”โต้ทหารให้ไฟเขียว

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการของกลุ่มสามมิตรว่า ทุกอย่างเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ที่ผ่านมานายดร งามธุระ ที่ปรึกษากฎหมายกลุ่มสามมิตรได้ตอบคำถามไปหมดแล้วว่าทำอะไรได้แค่ไหนอย่างไร ตนถือเป็นผู้ปฏิบัติ ก็เชื่อในแนวทางของนักกฎหมาย ส่วนที่มีเสียงวิจารณ์ถึงการเดินสายลงพื้นที่นั้น เรายืนยันว่ามีเจตนาบริสุทธิ์ ไปรับฟังปัญหาของชาวบ้าน

ส่วนที่วิจารณ์การลงพื้นที่เพื่อไปดูดนั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า เราไม่ได้บอกว่าเราไปดูดเขา แต่อาจกระทบกระเทือนใจคนอื่นได้ ส่วนที่พรรคต่างๆ มองว่าทหารไฟเขียวให้กลุ่มสามมิตรมากเกินไปนั้น เขาอาจจะมองแบบนั้น แต่ความจริงไม่ใช่ เพราะทุกพรรคทำงานเหมือนกันหมด แต่อาจไม่เป็นข่าวเหมือนกลุ่มสามมิตร จึงเป็นที่รำคาญของคนที่ยังทำอะไรไม่ถูกและไม่ได้ออกมา และที่ผ่านมาเราพยายามดูกฎเกณฑ์ระเบียบให้อยู่ในกรอบ

ตอนนี้เรายังไม่มีพรรค ส่วนอนาคตการเมืองนั้นตนไม่เคยบอกว่าจะหยุดเล่นการเมือง เพราะเป็นนักการเมืองตั้งแต่อายุ 25 ปีจนตอนนี้ 60 กว่าปีแล้ว และไม่เคยบอกว่าจะหยุดเล่นการเมือง แต่จะไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่มีประโยชน์ก็เลิกตอนนั้น ส่วนกลุ่มสามมิตรจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ต่อหรือไม่ ตนไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ในกลุ่มสามมิตร

อ้างไม่ได้สนิทกับ”สมคิด”

เมื่อถามว่ามีคนมองว่าการที่กลุ่มสามมิตรยังไม่มีการประกาศจุดยืนชัดเจนเพราะต้องการเรียกเรตติ้งให้ตัวเองมีราคา นายสมศักดิ์กล่าวว่า กลุ่มสามมิตรมีคนที่ทำหน้าที่แตกต่างกัน ตนมีหน้าที่พูดคุยรับฟังความเห็นของชาวบ้าน เราไม่ได้เรียกเรตติ้ง สิ่งใดที่เหมาะสมและเปิดโอกาสให้เราทำได้ก็จะทำไปเรื่อยๆ ส่วนความเป็นไปได้ระหว่างกลุ่มสามมิตรกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นั้น เรายังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคใดเลย แต่ไม่ได้ปิดกั้น เรื่องพรรคเรายังไม่อยากพูดถึง เพราะพูดถึงเขาจะเดือดร้อนกันเปล่าๆ

เมื่อถามว่าคนในกลุ่มสามมิตรเคยอยู่พรรคไทยรักไทยมาก่อนและวันนี้มาตั้งกลุ่มสามมิตร จะเกิดรอยร้าวกับพรรคเพื่อไทยหรือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่ นาย สมศักดิ์กล่าวว่า พวกเราเป็นนักคิด และเป็นเรื่องนโยบายที่จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม เราทำตามแนวทางที่วางไว้ และมีแนวทางบางอย่างในอดีตที่คิดไว้แต่ยังไม่ได้ทำ เราก็อยากนำเสนอให้รัฐบาลรับไปทำ และบางอย่างที่เราคิดไว้รัฐบาลชุดนี้ก็นำไปทำแล้ว

“บางคนคิดว่ากลุ่มสามมิตรจะมากุยทางให้พรรค พปชร. เพราะสนิทสนมกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นั้น ผมก็ไม่รู้ว่าสนิทแบบไหน เพราะเจอนายสมคิด เมื่อเดือนธ.ค. 2560 ล่าสุดผ่านมา 6 เดือนเพิ่งมาเจอกันอีกครั้ง” นายสมศักดิ์กล่าว

โวมี”ดาวฤกษ์”-รอวันเลือกตั้ง

เมื่อถามว่าคิดอย่างไรกับนักการเมืองคนรุ่นใหม่ เช่น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตอนนี้ถ้าเป็นคนหนุ่มนายธนาธรก็มาแรง แต่จะเป็นถึงนายกฯ หรือไม่นั้นตนไม่ทราบ ครั้งนี้เราไม่ได้สนับสนุนนายธนาธร ส่วนเด็กปั้นหน้าใหม่ของกลุ่มสามมิตรยอมรับว่ามีหลายคน ที่เป็นคนใหม่ เปรียบเสมือนเป็นดาวฤกษ์ที่มีแสงในตัวเอง เราจะเน้นดาวฤกษ์แม้เป็นดวงเล็ก มีอายุมากหรือน้อยก็พิจารณาต่อไป

เมื่อถามถึงช่วงเวลาที่จะตัดสินใจเดินหน้าการเมืองอย่างเป็นรูปธรรม นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ความพร้อมอยู่ที่ว่ากำหนดวันเลือกตั้งเมื่อใด เพราะรัฐบาลและ คสช.ยังไม่ปล่อยให้พรรคเดินหน้า เราต้องดูกฎหมาย กลุ่มสามมิตรจะตัดสินใจเดินหน้าเมื่อถึงเวลาสมบูรณ์แล้ว เราจะไม่ผลีผลาม ตอนนี้ถือว่ามีความคล่องตัวมาก ซึ่งการไปรับฟังปัญหาเราไม่ได้สัญญาว่าจะให้ แต่จะช่วยนำเสนอนโยบายที่ดีๆ เพื่อต่อยอดต่อไป

กั๊กเปิดบิ๊กเซอร์ไพรส์-กลัวผิดกม.

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่สนามศุภชลาศัย นายสมศักดิ์เป็นประธานเปิดการแข่งขันฟุตบอลการกุศล ระหว่างทีมอดีตผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมกับทีมอดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย และทีมรวมดาราการกุศลกับสื่อมวลชนสายกีฬา เพื่อนำรายได้มอบให้กับสมาคมสหพันธ์กีฬาผู้พิการแห่งอาเซียน โดยมีนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ร่วมกิจกรรมด้วย

นายสมศักดิ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ระบุการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายว่า อะไรที่ก่อให้เกิดความยุ่งยาก สร้างความร้าวฉานแก่ประชาชน เรายินดีจะชะลอ แต่จะไปรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านตามกฎเกณฑ์ระเบียบที่มีอยู่ ส่วนที่เคยบอกว่าจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ 2 เรื่อง หากเปิดเผยแล้วผิดเราก็จะยังไม่เปิด เพราะไม่ควรสวนทางระเบียบกฎเกณฑ์ที่ได้มีการวางเอาไว้ แต่เราจะเคลื่อนไหวให้ถูกต้องตามระเบียบกฎเกณฑ์ หลีกเลี่ยงในสิ่งที่ล่อแหลม

ส่วนการเดินสายพบประชาชนของกลุ่มสามมิตรเพื่อรับฟังปัญหา เหมือนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรัฐบาล นายสมศักดิ์กล่าวว่า เราทำหน้าที่เสมือนไปรษณีย์ เป็นหน้าที่ของผู้แทนอยู่แล้ว แต่ถ้าถูกมองว่าเกิดความได้เปรียบ เสียเปรียบ เราจะหลีกเลี่ยงการเป็นข่าว เช่น ไม่ให้สัมภาษณ์ หรือสัมภาษณ์ให้น้อยลง เราไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกับใคร เราแค่เดินเพื่อสะท้อนปัญหาชาวบ้าน

ถูกโจมตีหนัก-จ่อเดินสายน้อยลง

เมื่อถามถึงช่วงเวลาที่ชัดเจนที่กลุ่ม สามมิตรจะร่วมสังกัดพรรค นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คงไม่จำเป็นต้องบอกว่าวันไหน เรายังไม่ได้คุยกับผู้ก่อตั้งพรรค พปชร. ส่วนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ได้คุยกันตอนไปประชุม ครม.สัญจรที่ จ.สุโขทัย ปลายปีที่ผ่านมา ถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้พบกัน เพราะถ้าเป็นเรื่องการเมืองนายสมคิดจะไม่ค่อยคุยข้อกล่าวหาว่าการเมืองน้ำเน่า ตนพยายามจะไม่ยุ่ง ส่วนจะมีไปใครร้องเรียน กกต.ถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ หากร้องเรียนแล้วไม่ผิด ผู้ที่ร้องก็จะมีปัญหา

ต่อข้อถามว่ากลุ่มสามมิตรกำลังใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเคลื่อนไหวอยู่ฝ่ายเดียวหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนไม่ใช่นักกฎหมาย ไม่รู้ว่ามีช่องโหว่ แต่คิดว่าการแสดงออกถึงความรักความสามัคคีของคนในชาติคงไม่ใช่ความผิด และเมื่อมีเสียงวิจารณ์เราก็จะผ่อนคลายการเคลื่อนไหว รอจนกว่าทุกอย่างจะชัดเจน แต่ทุกคนก็ต้องทำงาน เพราะอยู่เฉยๆคงไม่ได้

แรมโบ้รอซบพรรคพลังประชารัฐ

ที่ จ.นครราชสีมา นายสุภรณ์ อัตถาวงษ์ หรือแรมโบ้อีสาน อดีตรองเลขาธิการ นายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนทางการเมืองว่า จะไม่ยอมแบ่งสีแบ่งเหล่า มุ่งมั่นให้เกิดความสามัคคีของทุกกลุ่ม ที่จะเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างแท้จริง ส่วนกระแสข่าวกลุ่มสามมิตรจะเข้ามาดูดตนเข้าร่วมกลุ่มนั้น ยืนยันว่าตนและแกนนำกลุ่มสามมิตรนั้น มีไมตรีต่อกัน อยู่ร่วมกันเหมือนพี่น้องมาตลอดเวลาที่เดินทางสายการเมือง รวมถึงมีหลายคนเคยสังกัดพรรคไทยรักไทยด้วยกันมา

นายสุภรณ์กล่าวว่า ส่วนการเข้าสังกัดพรรคนั้นยังรอดูว่าเมื่อใดพรรค พปชร.จะก่อตั้งโดยสมบูรณ์ เมื่อถึงวันนั้นจะพิจารณาว่าจะเข้าสมัครหรือไม่ แต่ตอนนี้ขั้นตอนการก่อตั้งพรรคยังไม่สมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม วันนี้ตนรู้สึกสบายใจมากที่ได้ไปกราบถอนคำสาบานย่าโม และเชื่อว่าย่าโมจะให้โอกาสตนรับใช้ประเทศชาติอีกครั้ง ที่ผ่านมาขอขอบคุณชาวนครราชสีมาที่ยังให้กำลังใจ ตนลงพื้นที่เมื่อใดก็ยังไม่มีใครตำหนิติเตียน มีแต่สนับสนุนและให้กำลังใจให้เดินหน้าต่อไป เพื่อทำให้โคราชพัฒนารุ่งเรืองเดินหน้าต่อไป

ภท.จี้คสช.-กกต.จัดการ 3 มิตร

นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เปิดเผยผ่านรายการริงไซด์การเมืองว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรถือว่าประสบความสำเร็จ สามารถช่วงชิงพื้นที่ข่าวได้ระดับหนึ่ง และยังทำให้พรรคต่างๆ ตื่นตัว ตรวจสอบลูกพรรค อย่างไรก็ตาม ต้องจับตากลุ่มสามมิตรเนื่องจากเคลื่อนไหวได้เพียงกลุ่มเดียว ขณะที่พรรค ไม่สามารถขยับตัวได้ ถือเป็นความได้ เปรียบเสียเปรียบในสนามการเมือง จะอ้างว่าไม่ใช่พรรคไม่ได้ เพราะพฤติกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองชัดเจน ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องดำเนินการ เพราะขัดคำสั่ง คสช.ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ซึ่งทั้ง กกต.และ คสช.ต้องมาพิจารณาว่าผิดกฎหมายหรือผิดคำสั่ง คสช.หรือไม่

นายสรอรรถกล่าวต่อว่า เชื่อว่าในปี 2562 คสช.จะจัดให้มีการเลือกตามโรดแม็ป อีกทั้งสมาชิก สนช.ยอมถอยการแก้ไขกฎหมาย กกต. รวมทั้งเสียงสะท้อนจากประชาชนว่าต้องการการเลือกตั้ง จึงไม่น่ามีเหตุอะไรที่ทำให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไปอีก

ปชป.ขู่ครม.สัญจรใต้-เจอม็อบแน่

นายธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ อดีตส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุม ครม.สัญจรที่ จ.ระนอง และชุมพร ในวันที่ 20-21 ส.ค.ว่า ยังไม่เห็นมีการเชิญอย่างเป็นทางการ ทราบเพียงว่าจะเชิญตนให้ไปรับและพูดคุยกับนายกฯ ด้วย แต่ตนไม่ไป เพราะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพื้นที่ เขตเลือกตั้งที่ 3 อ.หลังสวน อ.สวี ยกเว้นมีชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนไปเอง หากตนไปซึ่งเป็นพรรคการเมือง อาจถูกกล่าวหาว่านักการเมืองเข้าไปยุ่งด้วย ดังนั้น ต้องรอให้มีการเลือกตั้ง แต่เห็นว่าเมื่อนายกฯ ลงมา จ.ชุมพร แล้ว สิ่งที่ค้างคาอยู่น่าจะได้อะไรบ้าง คิดว่าสนามบินที่ อ.ปะทิว ก็น่าจะได้รันเวย์ใหม่

ด้านนายสราวุธ อ่อนละมัย อดีตส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่ได้รับเชิญให้ไปพบกับนายกฯ และครม. ถึงเชิญก็ไม่ไป เพราะไม่อยู่ในพื้นที่เนื่องจากติดภารกิจ อย่างไรก็ตาม น่าจะมีชาวบ้านไปชูป้ายเรียกร้องเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตร แต่คงไม่ใช่การประท้วง เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาดูแลอยู่ ส่วนเรื่องสนามบินก็อยากให้มีการขยายสนามบิน

“ลูกหมี”ก็ไม่ไปรับ”บิ๊กตู่”

นายชุมพล จุลใส อดีตส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตแกนนำ กปปส. กล่าวว่า เมื่อ ครม.มาสัญจรที่ จ.ชุมพร ก็ยินดีต้อนรับด้วยความเต็มใจ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีการเชิญให้ตนไปต้อนรับ แต่ถึงไม่เชิญหากสุขภาพของตนพร้อมก็จะไปต้อนรับ แต่ตอนนี้ร่างกายยังไม่สะดวก เวลานี้ถือว่าตนเป็นประชาชนคนหนึ่งไม่ได้เป็นนักการเมือง ส่วนชาวบ้านก็ดีใจและไปต้อนรับอยู่แล้ว เพราะนายกฯ จะได้มาดูปัญหาด้วยตัวเอง รวมทั้ง ครม.จะได้ดูปัญหาความเดือดร้อนประชาชน ซึ่งตรงนี้ทางจังหวัดระนอง และชุมพร คงรายงานให้ ครม.ทราบแล้ว เพราะเป็นเรื่องของจังหวัด

“อ๋อย”เตือน”ตู่”ยิ่งอยู่ยิ่งเสื่อม

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษา ธิการ และแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ระบุจะไม่ลงรับเลือกตั้ง แต่จะมาอย่างไรให้ตามดูว่า ต้องถามพล.อ.ประยุทธ์ ว่าถ้าหมายถึงการ ไม่ลงสมัครส.ส. อันนี้เข้าใจอยู่แล้ว เพราะพล.อ.ประยุทธ์ไม่ลงสมัครส.ส.แน่ แต่ถ้าหมายถึงจะไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อ 1 ใน 3 คนที่พรรคเสนอ การจะมาเป็นนายกฯ ได้ต้องมาจากคนนอก หมายถึงจะมาในรอบ 2 ซึ่งแบบนั้นต้องอาศัยวิธีที่ซับซ้อนมากขึ้น อาจใช้อำนาจหรือแสดงอิทธิฤทธิ์มากขึ้น คือทำให้พรรคไม่สามารถตั้งรัฐบาลกันเองได้ จากนั้นบีบให้พรรคและนักการเมือง ยอมให้มีการ ลงมติรอบ 2 เพื่อเลือกคนนอกเป็นนายกฯ นั่นหมายถึงจะต้องสร้างเงื่อนไขต่อรองผลประโยชน์ต่างๆ อีกมาก ซึ่งวิธีดังกล่าวถือว่าไม่สง่างาม

นายจาตุรนต์กล่าวอีกว่า การตั้งธงว่าจะเป็นนายกฯ คนนอกให้ได้ และพยายามใช้วิธีต่างๆที่ไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ทำให้ความเสื่อมมาถึงเร็วขึ้น ฉะนั้น กว่า เราจะรู้ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะทำอย่างไรต่อไป จะมาเป็นนายกฯ ด้วยวิธีไหนกันแน่ พล.อ. ประยุทธ์ก็อาจจะเสื่อมมากกว่านี้ก็ได้

“เทือก”จวกปปช.มีอคติปมโรงพักฉาว

เวลา 17.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) และอดีตรองนายกฯ ไลฟ์สดผ่านเพจเฟซบุ๊ก กรณีป.ป.ช. มีมติแจ้งข้อกล่าวหาตนเองและพวกรวม 17 คน ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ กรณีสร้างแฟลตตำรวจ 163 แห่ง และโรงพักทดแทน 396 แห่งว่า เมื่อป.ป.ช.ทำบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาต่อตน เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2558

ตนให้ความร่วมมือกับป.ป.ช.โดยรวบรวมหลักฐานเอกสารข้อเท็จจริงทุกอย่าง ทั้งหมดมี 94 หน้า ยื่นให้คณะอนุกรรมการไต่สวนของป.ป.ช. เชื่อว่าถ้าอนุกรรมการไม่มีอคติ ได้พิจารณาหลักฐานเอกสารข้อเท็จจริงต่างๆ ไม่เป็นเรื่องยากเลยที่จะพิจารณาวินิจฉัยกรณีนี้ ไม่ต้องใช้เวลาหลายปี แต่ถึงวันนี้ตนจำเป็นต้องเอาหลักฐานเอกสารเหล่านั้น มาแสดงให้ประชาชนว่าการสั่งการของตน ในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างงานก่อสร้างโครงการสถานีตำรวจทดแทนทั้ง 396 แห่ง ตนตัดสินใจให้ความเห็นชอบหรืออนุมัติไปตาม หลักฐาน ข้อเสนอของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)

นายสุเทพกล่าวว่า การกล่าวหาว่าตนมีเจตนาพิเศษหวังจะช่วยผู้รับเหมาคนใดคนหนึ่งให้ได้รับงาน แล้วเป็นเหตุให้ก่อสร้างไม่สำเร็จอย่างนี้ คิดว่าเป็นการตั้งข้อหาที่มีอคติ เพราะในวันที่ตนอนุมัติให้ใช้วิธีการจัดจ้างตามที่ตร.เสนอนั้น ตนไม่มีโอกาสทำนายล่วงหน้าว่าผู้ประกอบการรายใด จะเป็นผู้ชนะการประกวดราคา และการเสนอราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ทำเมื่อวันที่ 29 ก.ค.2553 เคาะแข่งกัน 73 ครั้ง ผู้เสนอราคาต่ำสุด 5,848 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 540 ล้านบาท

คณะกรรมการเห็นว่าสมควรให้ผู้ประกอบการรายนี้เป็นผู้รับจ้างก่อสร้าง ตนก็ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2553 จากนั้นเขาทำสัญญาก่อสร้างกัน ปรากฏว่าก่อสร้างไม่เสร็จตามสัญญา ในสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้อนุมัติให้มีการขยายเวลาตามสัญญาออกไปอีก 3 ครั้ง ในที่สุดเขาก็บอกเลิกสัญญา ป.ป.ช.ก็เอาประเด็นนี้มากล่าวหาว่าที่เขาก่อสร้างไม่เสร็จ เพราะตนไปเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง ถือว่าการกล่าวหาอย่างนี้มีอคติ ไม่ได้พิจารณาข้อเท็จจริง

รับฟ้อง”วัฒนา-กี้ร์”โกงบ้านเอื้อฯ

วันที่ 17 ส.ค. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ ศาลนัดฟังคำสั่งคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ หมายเลขดำ อม.42/2561 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และแกนนำพรรคเพื่อไทย, นายมานะ วงศ์พิวัฒน์ อดีตกรรมการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) และอดีตประธานอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการปี 2548-2549, นายพรพรหม วงศ์พิวัฒน์ อดีตผอ.ฝ่ายการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน),

นายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร นักธุรกิจค้าข้าวรายใหญ่, น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง ลูกน้องคนสนิทเสี่ยเปี๋ยง, น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว พนักงาน บจก.เพรซิเดนท์อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด, น.ส.รุ่งเรือง ขุนปัญญา พนักงาน บจก.เพรซิเดนท์ฯ, บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด โดยนายปกรณ์ อัศวีนารักษ์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน และบริษัท ซิลเวอร์ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท ไทย เฉน หยู อินเตอร์เนชั่นแนลคอนสตรัคชั่น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) โดยนางพิมพ์วรา รัชต์ธนโรจน์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน เป็นจำเลยที่ 1-9

ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และ 157 ความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6, 11 และเป็น ผู้สนับสนุนการกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 91

องค์คณะพิจารณาคำฟ้องแล้วเห็นว่า คดีอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 จึงให้ประทับรับฟ้องไว้พิจารณาเพื่อมีคำพิพากษาต่อไป

ขณะเดียวกันศาลได้นัดฟังคำสั่งคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรอีกสำนวน หมายเลขดำ อม.102/2561 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง หรือกี้ร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย, บริษัท พาสทิญ่าไทย จำกัด, บริษัท นามแฟทท์ คอนสตรัคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท พรินซิพเทค ไทย จำกัด และน.ส.สุภาวิดา คงสุข กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทน บริษัท ไทยเฉนหยูฯ

เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนนายวัฒนา และสนับสนุนนายมานะ วงศ์พิวัฒน์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86, 91 ซึ่งศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องไว้เช่นเดียวกัน โดยทั้งสองคดีศาลจะได้นัดพิจารณาคดีครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การจำเลยต่อไป

ศาลปค.ถอนตั้งเลขาฯปปท.

เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาให้เพิกถอนมติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในการประชุมเพื่อพิจารณาคัดเลือกผู้ดำรง ตำแหน่งเลขาธิการป.ป.ท. เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2560 กรณีพิจารณาลงคะแนนคัดเลือกพ.ท. กรทิพย์ ดาโรจน์ รองเลขาธิการป.ป.ท. ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ท.

โดยให้มีผลนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด เนื่องจากการประชุมในวันดังกล่าวไม่ได้มีหนังสือเชิญเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นกรรมการของคณะกรรมการ ป.ป.ท.โดยตำแหน่ง จึงเป็นการประชุมที่ไม่ชอบด้วยขั้นตอนวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กฎหมายกำหนด และส่งผลกระทบถึงความสมบูรณ์ของมติที่ประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ท. ดังนั้น การที่คณะกรรมการป.ป.ท. มีมติพิจารณาคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการป.ป.ท. เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2560 จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

สำหรับคดีนี้ นายฉัตร์ชัย ยอดอุดม รองเลขาธิการป.ป.ท. ได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการป.ป.ท. ต่อศาลปกครองกลางว่า ดำเนินการประชุมเพื่อพิจารณาคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการป.ป.ท. เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2560 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน