รองปลัดกระทรวงดีอีวอนแฮ็กเกอร์อย่าจับประชาชนเป็นตัวประกันถล่มเว็บราชการ แนะให้มาพูดคุยหารือกันดีกว่า ขณะที่รัฐมนตรีอ้างพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มีประโยชน์ บิ๊กตู่ปลื้มเปิดเดินขบวนรถไฟชั้น 3 ที่ปรับปรุงใหม่ล็อตแรก 20 ขบวน ระบุเป็นความฝันในรอบ 60 ปีที่จะทำให้รถไฟเป็นของคนทุกอาชีพ ยันทำเพื่อคนมีรายได้น้อย ไม่มีประโยชน์ทับซ้อน ด้านรฟท.เล็งปรับปรุงอีก 148 ขบวน คาดพร้อมใช้ในวันสถาปนาการรถไฟฯครบ 120 ปี 26 มี.ค.ปีหน้า เพื่อไทยเหน็บโทษประหารชีวิตซื้อขายตำแหน่ง ระบุเล่นงานเฉพาะนักการเมืองของคนที่ไม่คิดเล่นการเมือง ปชป.ก็ติงด้วยไม่ครอบคลุมถึงคนนอกที่อาจทำความผิดในกรณีเดียวกัน คลังยันแฮ็กเกอร์เจาะระบบการเงินไม่ได้แน่

บิ๊กตู่เปิดเดินรถไฟโฉมใหม่ชั้น 3

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 ธ.ค. ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานเปิดเดินรถไฟโดยสารชั้น 3 ของการรถไฟแห่งประเทศ ไทยที่ปรับปรุงใหม่ โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรฟท. และผู้บริหารระดับสูงให้การต้อนรับ

สำหรับการปรับปรุงรถไฟโดยสารชั้น 3 เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตการเดินทางของประชาชนทางรถไฟให้สะดวกสบาย รวดเร็ว สะอาดและปลอดภัย ปรับปรุงในระยะแรก 20 ขบวน เพื่อเปิดให้บริการเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน จากนั้นจะทยอยปรับปรุงอย่างต่อเนื่องรวม 148 ขบวน ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการรถโดยสารโฉมใหม่เต็มรูปแบบในวันฉลองคล้ายวันสถาปนากิจการรถไฟครบรอบ 120 ปี วันที่ 26 มี.ค. 2560 คาดว่าจะปรับปรุงรถโดยสารชั้น 3 ได้ทั้ง 148 ขบวน ภายในเดือนธ.ค.2560 โดยปรับปรุงขบวนรถโดยสารชั้น 3 ที่พ่วงอยู่ในขบวนรถเร็ว 8 ขบวน ใน 4 เส้นทาง ซึ่งการปรับปรุงรถโดยสาร 1 คัน ใช้งบ 1 ล้านบาท ทำสีใหม่ทั้งภายในและภายนอก ปรับปรุงระบบน้ำใช้ ห้องน้ำและเครื่องสุขภัณฑ์ให้สะอาด ปราศจากกลิ่นรบกวนระหว่างทาง ปรับปรุงประตู หน้าต่าง บานกระจกใหม่ ปรับปรุงสภาพพื้นในตัวรถให้มีความสะอาดแข็งแรง เปลี่ยนเบาะนั่ง พนักพิงใหม่ให้นั่งสะดวกสบาย ซ่อมแซมพัดลมให้ใช้งานได้ตามปกติทุกตัว เบื้องต้นรถโดยสารที่ปรับปรุงใหม่จะนำไปต่อพ่วงกับรถไฟที่คิดค่าบริการ ก่อนจะขยายไปยังรถไฟฟรีต่อไป

ฝันในรอบ 60 ปี-รฟ.ทุกอาชีพ

นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ถือเป็นความฝันในรอบ 60 ปีของการรถไฟฯและเป็นความฝันของตนด้วย ซึ่งที่ผ่านมามีการปรับปรุงรถไฟชั้นอื่นแล้วและผู้โดยสารรถไฟชั้น 3 ก็ต้องการรถใหม่และสะอาด จึงต้องทำให้ประชาชนได้สัมผัสว่าเป็นรถไฟของทุกอาชีพ ส่วนของรถไฟชั้น 1 ถูกจองล่วงหน้ายาวถึง 6 เดือนแล้ว แสดงว่ามีการปรับปรุงที่ดีขึ้น จึงต้องพัฒนาระบบขนส่งอย่างอื่นด้วย และเราต้องทำให้รถไฟไทยเป็นรถไฟสายประเทศเป็นขบวนเดียวกันให้ได้ในอนาคต

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือการสร้างความเข้าใจ วันนี้สิ่งที่เห็นในสื่อยังมีความไม่เข้าใจว่ารัฐบาลคิดและทำอะไร ขอให้สร้างความเข้าใจใหม่ เพราะหลายอย่างยังอยู่ที่เดิมในแง่การรับรู้ และความเข้าใจ ซึ่งตนพูดคนเดียวไม่ได้ ต้องช่วยกันพูดว่ารัฐบาลทำเพื่อใคร ทำทั้งการปรับปรุงรถไฟเก่าและจัดหารถไฟใหม่ ถือเป็นสิ่งใหม่เพราะหลายอย่างไม่เคยเกิดขึ้น จึงเป็นความภาคภูมิใจขององค์กร และขอให้ทั้งลูกจ้างและสหภาพร่วมมือกับรัฐบาล มองถึงผลประโยชน์ของประชาชน ทั้งนี้ รัฐบาลจะเดินหน้าพัฒนาตามระยะเวลาที่มีอยู่ และนำทุกคนไปด้วยกันเพราะเป็นคนไทย

“ยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยไปรังแกใคร แต่อยากให้มีชีวิตที่ดีขึ้น ขออย่าหลงเชื่อการบิดเบือน ซึ่งรัฐบาลเน้นย้ำการจัดซื้อจัดจ้างที่โปร่งใส ต้องไม่มองว่าทุจริตตั้งแต่ต้น เว้นแต่มีหลักฐานก็ต้องตรวจสอบ และไม่ให้ล่าช้า และไม่เคยรู้จักใครในกระบวนการซื้อขายรถไฟ ไม่มีญาติหรือพี่น้องเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ถึงมีก็ไม่ทำให้ เพราะต้องการทำให้คนไทย ดังนั้นเรื่องผลประโยชน์จะมาพูดกับผม ไม่ได้” นายกฯกล่าว

วันหน้าต้องได้รบ.ที่เหมาะสม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รถไฟความเร็วสูงจำเป็นต้องมี แต่ค่อยๆ พัฒนาตามขีดความสามารถที่เป็นธรรม วันนี้ขอมอบนโยบายว่าภายในปี 2560 จะต้องมีที่จอดรถใต้ดินขนาดใหญ่เชื่อมโยงกับระบบรางรถไฟ และรถสถานะโดยเฉพาะในพื้นที่ธุรกิจ สถานที่ราชการ เพื่อการเชื่อมต่อและแก้ปัญหาจราจรติดขัด เชื่อว่าภาคธุรกิจพร้อมร่วมมือ และอยากให้นำรถไฟโบราณมาวิ่งในบางเส้นทาง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ทุกอย่างต้องใช้เวลาแก้ทั้งระเบียบและกฎหมาย อย่าลืมว่าประชาชนต้องการอะไร ทุกคนคือคนไทยจึงต้องทำเพื่อคนไทยไม่ว่าจะรัฐบาลนี้หรือรัฐบาลหน้าขอให้วันหน้าได้รัฐบาลที่เหมาะสม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายกฯพร้อมคณะ เยี่ยมชมรถดีเซลราง 4 คัน ที่การรถไฟฯ นำขบวนรถท้องถิ่นในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือมาปรับปรุงภายในและภายนอก เพื่อส่งมอบให้ประเทศกัมพูชา ก่อนจะร่วมเดินทางด้วยขบวนรถโดยสารชั้น 3 ที่ปรับปรุงใหม่จากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ไปถึงป้ายหยุดรถโรงพยาบาลรามาธิบดีเพื่อร่วมพิธีเปิดนิทรรศการในหลวง (รัชกาลที่ 9) กับรฟท. ซึ่งจัดแสดงไว้ที่สถานีรถไฟหลวงจิตรลดา

ท้าดวลปิงปองพ่ายรูดทั้ง 3 เซ็ต

ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นำทีมข้าราชการและเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบ ออกกำลังกายประจำวันพุธ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 โดยนายกฯ ได้อบอุ่นร่างกายด้วยการเต้นแอโรบิก ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ร่วมกับข้าราชการและ เจ้าหน้าที่นาน 15 นาที โดยมีเจ้าหน้าที่จากการกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) มาเป็นผู้นำ

จากนั้น นายกฯ โชว์ลีลาการตีเทเบิลเทนนิส หรือปิงปอง ภายในห้องโถงตึกสันติไมตรี กับเจ้าหน้าที่กกท. โดยในเซ็ตแรก นายกฯแพ้ไปด้วยสกอร์ 2:11 และเซ็ตที่สอง ก็ยังคงแพ้ด้วยสกอร์ 3:11 จากนั้นนายกฯ ท้าดวลกับตัวแทนสื่อมวลชน ปรากฏว่า นายกฯยังคงแพ้ในสกอร์ 7:11 ท่ามกลางเสียงเชียร์ของข้าราชการอย่างสนุกสนาน

ภายหลัง นายกฯ ได้พูดคุยกับนายลักยิ้ม งามพจนวงศ์ ผู้แทนสมาคมเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทย ว่า ยินดีสนับสนุนกีฬาเทเบิลเทนนิส ขอให้สมาคมพยายามหานักกีฬาใหม่ๆ เนื่องจากสมัยนี้นักกีฬาต้องมาจากยุวชนรุ่นใหม่ โดยให้จัดแข่งขันเพื่อหาช้างเผือกเข้ามาฝึกสอนให้เกิดการเรียนรู้ฝึกซ้อม และฝึกฝนเพื่อให้มีพัฒนาการที่ดี

วิษณุแจงเปล่าลดงานรองนายกฯ

ที่สถาบันการประชาสัมพันธ์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับแผนการทำงานแต่ละด้านของรองนายกรัฐมนตรี หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์มอบหมายให้ไปจัดทำในรายละเอียด ว่า การปรับแผนความรับผิดชอบงานของรองนายกรัฐมนตรี 6 คน ไม่ใช่การลดงานของรองนายกรัฐมนตรี เพื่อไปเพิ่มงานให้รัฐมนตรี

ทั้งนี้ในช่วงที่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศในระยะแรก ต้องการขับเคลื่อนงานหลายอย่าง จึงให้รองนายกรัฐมนตรีทั้ง 6 คน แบกรับงานเอาไว้ ทั้งงานปกติ งานเชิงยุทธศาสตร์ และงานเชิงพื้นที่บูรณาการ ทำให้รองนายกรัฐมนตรีแต่ละคนต้องแบกงานไว้คนละ 7 อย่างประกอบด้วย 1.งานกำกับกระทรวง 2.การร่วมขับเคลื่อนงานของกระทรวงนั้นๆ 3.การทำหน้าที่เป็นประธานหรือรองประธานคณะกรรมการระดับชาติหลายคณะ 4.การลงมาขับเคลื่อนงานยุทธศาสตร์ด้านต่างๆ 5.การรับงานตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เฉพาะเรื่อง 6.งานตรวจราชการในพื้นที่ 7.การดูแลกลุ่มงานลักษณะที่เป็นคลัสเตอร์

สุวพันธุ์ลั่นทำงานยธ.ได้-ให้รอดู

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม เข้าพบนายวิษณุ เพื่อรับมอบนโยบายการทำงานภายหลังเข้ารับ ตำแหน่งรมว.ยุติธรรม โดยใช้เวลานานประมาณ 30 นาที

นายสุวพันธุ์ให้สัมภาษณ์ว่า นายวิษณุกำชับให้ดูแลงาน ทั้งตามแผนงานที่เป็นนโยบายของกระทรวงยุติธรรมและการทำงานพิเศษ เพราะงานของกระทรวงยุติธรรมมีความสำคัญ เมื่อรับนโยบายแล้วตนจะนำไปสื่อสารต่อ และชี้แจงทำความเข้าใจแก่ ผู้บริหารและบุคลากรภายในกระทรวงยุติธรรม ในวันพฤหัสฯ ที่ 22 ธ.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม นายวิษณุไม่ได้เน้นย้ำอะไรพิเศษ เนื่องจากกระบวนการยุติธรรมต้องทำตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความกดดันหรือไม่ เนื่องจากถูกคาดหวังจากประชาชนสูงในการดำเนินการคดีวัดพระธรรมกาย นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ตนปฏิบัติงานเต็มที่ ตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนที่ได้กล่าวไว้ และยึดหลักการปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด จากนี้ขอให้รอดู

ทีมซินแสปรับฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมได้จัดเตรียมห้องทำงานให้นายสุวพันธุ์เรียบร้อยแล้วโดยนำป้ายชื่อมาติดที่หน้าห้องทำงานรัฐมนตรี และปรับเปลี่ยนโต๊ะทำงานรัฐมนตรี นอกจากนี้ยังให้เจ้าหน้าที่ทีมงานอัญเชิญพระพุทธรูปที่นำมาจากสำนักนายกฯ มาตั้งไว้ภายในห้องทำงานด้วย นอกจากนี้ได้นำพรมสีแดงผืนสี่เหลี่ยมที่เคยวางไว้บริเวณพื้นทางเดินหน้าห้องทำงานรมว.ยุติธรรม ในช่วงที่พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็นรมว.ยุติธรรมออกจากหน้าห้องด้วย มีการรายงานข่าวว่า ทีมซินแสจะมาดูฮวงจุ้ยที่ห้องทำงานเพื่อปรับตำแหน่งการตั้งโต๊ะของนายสุวพันธุ์อีกครั้งในวันที่ 22 ธ.ค.นี้

ทั้งนี้ นายสุวพันธุ์จะเข้ามาสักการะศาลพระพรหมในวันที่ 22 ธ.ค. เวลา 06.45 น. และเป็นประธานประชุมผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ที่ห้องประชุมชั้น 9 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ที่กระทรวงยุติธรรมด้วย หลังจากได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรมว.ยุติธรรม

ส่วนห้องทำงานของผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ชั้น 9 กระทรวงยุติธรรม ที่มีพล.อ.นิวัตร มีนะโยธิน นั่งทำงานนั้น เจ้าหน้าที่เก็บข้าวของเครื่องใช้ออกไปหมดแล้วเช่นกัน เนื่องจากพล.อ.นิวัตร ยื่นหนังสือลาออกกับนายกฯ แล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงทีมงานที่ปรึกษารัฐมนตรีชุดเดิม ก็เก็บของออกจากกระทรวงแล้วเช่นกัน

แบ่งงานแล้วรมต.สำนักนายกฯ

ด้านนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.นั้น พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้แบ่งงานในส่วนของรมต.ประจำสำนัก นายกฯ ด้วยวาจา แต่ตนยังไม่สามารถพูดได้ว่าจะดูงานในส่วนไหนบ้าง ต้องรอให้คำสั่งออกมาอย่างเป็นทางการก่อน แต่เบื้องต้นคงจะดูงานในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครอง ผู้บริโภค และกรมประชาสัมพันธ์ เป็นต้น

ด้านนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้มอบหมายให้ดูแลสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กองทุนหมู่บ้าน และคณะกรรมการประสานงานร่วม 3 ฝ่าย (วิป 3 ฝ่าย)ด้วย ซึ่งนายกฯได้กำชับให้มีการปฏิรูปประเทศ และเร่งผลักดันการขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่จะต้องทำให้สำเร็จภายใน 1 ปี ตนยืนยันจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศ

มีชัยยอมปรับพรบ.พรรคการเมือง

ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมกรธ.ถึงการปรับแก้ร่างพ.ร.บ.ประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองว่า เราปรับตามเพราะข้อเสนอแนะไม่ได้กระทบหลักใหญ่ อย่างเรื่องทุนประเดิม 1 ล้านบาท จึงปรับลดเกณฑ์ให้เหลือ 1,000 บาท ไม่เกิน 300,000 บาท ใครมีมากจ่ายมาก ส่วนบทลงโทษการซื้อขายตำแหน่งที่ก่อให้เกิดความเสียหายใหญ่จึงคงโทษประหารไว้ ส่วนการรับเงินมาทำกิจกรรมที่อาจเป็นอันตราย ต่อบ้านเมืองก็ให้อำนาจศาลเป็นคนคิด มีโทษลดหลั่นลงมา

ประธานกรธ.กล่าวว่า ขณะที่มาตรา 23 เกี่ยวกับการบังคับ 4 กิจกรรม เข้าใจว่ามันยากจะชี้ชัดว่าใช่หรือไม่ใช่ แล้วโทษยุบพรรคมันรุนแรง จึงปรับให้พรรคทำแผนนำเสนอต่อกกต. เพื่อประกาศให้ประชาชนทราบว่าพรรคจะทำอะไรบ้าง หากไม่ทำกกต.มีสิทธิเตือน ถ้าไม่ฟังก็ไปตัดเงินสนับสนุน ไม่เอาผิดกรรมการบริหารพรรค ส่วนการลดจำนวนสมาชิกเหลือ 10,000 คนภายใน 4 ปี คิดว่าไม่น้อยเกินไป ลดเพื่อไม่ให้ดูว่ากรธ.ไปรังเกียจพรรคเล็ก ทำให้เป้าสมาชิกอยู่ในวิสัยที่จะหาและทำให้เขาอยู่ต่อได้

นายมีชัยกล่าวถึงกกต.เตรียมส่งข้อเสนอแนะเกี่ยวกับผู้ตรวจการเลือกตั้งว่า จะรับมาพิจารณา ที่ผ่านมากกต.จังหวัดก็มีทั้งเป็นข้าราชการประจำและไม่ประจำ ใน 5 คนจะมี 1-2 คนที่เป็นข้าราชการประจำ แต่กรธ.มองว่าหากให้ข้าราชการประจำมาดูการเลือกตั้ง จะทำให้ไม่มีอิสระ ถูกสั่งได้ สิ่งสำคัญขึ้นกับกกต.เอง ต้องทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้นักการเมืองมาแทรกแซง ซึ่งเราเปิดช่องไว้ให้ไปออกประกาศหลักเกณฑ์ กำหนดวิธีการเอง ทั้งนี้ ใครมีข้อเสนออะไรก็ช่วยกันคิด กกต.คิดอะไรได้ดีกว่าก็บอกมา สนช. สปท.ก็ช่วยกันคิด มาคุยกันไม่มีปัญหา สำหรับคนที่เขาไม่เอา ยังไงเขาก็ไม่เอา ส่วนกรธ.ในฐานะผู้จุดประกายก็พร้อมรับฟังแล้วปรับแก้

พท.ชี้กม.พรรคขัดหลักนิติธรรม

วันเดียวกัน นายคณิน บุญสุวรรณ ประธานคณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีกรธ.ยังคงโทษประหารชีวิตในความผิดฐานซื้อขายตำแหน่งทางการเมือง และตำแหน่งราชการว่า อาจเป็นเพราะไม่มีกรธ.คนไหนคิดจะเป็นสมาชิกพรรค ตั้งพรรค เป็นกรรมการบริหารพรรค โดยเฉพาะลงสมัคร ส.ส. เพราะในมาตรา 44 และ 105 ของร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดความผิดฐานซื้อขายตำแหน่ง มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต แต่กฎหมายนี้นำไปใช้บังคับกับบุคคลอื่นที่ซื้อขายตำแหน่งเช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้เป็นพรรค สมาชิกพรรค หรือกรรมการบริหารพรรคไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นส.ว. ปลัดกระทรวง ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้ว่าฯ อธิบดี รัฐมนตรี หรือนายกฯที่ไม่ได้เป็นส.ส. จึงเป็นการตรากฎหมายขึ้นเพื่อใช้บังคับแก่กรณีใดกรณีหนึ่งหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งขัดหลักนิติธรรมอย่างร้ายแรง และโทษฐานซื้อขายตำแหน่งเป็นข้อหาที่ครอบจักรวาล เป็นนามธรรมจับต้องได้ยาก และง่ายแก่การกล่าวหาและสร้างหลักฐานเท็จเพื่อกลั่นแกล้ง ทำลาย หรือใส่ร้ายฝ่ายตรงข้าม หรือดิสเครดิตคู่แข่งขันในตำแหน่งต่างๆ ทั้งทางการเมืองหรือตำแหน่งราชการ

นายคณินกล่าวว่า ผู้บังคับใช้กฎหมายและผู้ตัดสินคดีความ แม้จะใช้บังคับกฎหมายหรือวินิจฉัยกฎหมายอย่างเที่ยงธรรมและปราศจากอคติ ก็ยากที่จะอำนวยความยุติธรรมได้เต็มร้อย เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับการใช้ดุลพินิจ และถ้าภายหลังมีหลักฐานและความจริงเป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ผู้ที่ทำให้ถูกประหารชีวิต รวมทั้งผู้เขียนกฎหมายฉบับนี้จะรับผิดชอบอย่างไร และจะมีหลักประกันอะไรที่จะบอกว่าผู้ใช้บังคับกฎหมายและ ผู้ตัดสินคดีนี้จะไม่ใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ

ลิดรอนเสรีภาพส่วนบุคคลด้วย

นายคณินกล่าวว่า รัฐธรรมนูญบังคับให้ ผู้สมัครส.ส. ต้องเป็นสมาชิกพรรคติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน นับถึงวันเลือกตั้ง และยังระบุว่าหากส.ส.ลาออกจากสมาชิกพรรคนั้น ก็ต้องพ้นจากส.ส.ด้วย ดังนั้น การเขียนกฎหมายเพื่อเอาผิดกับสมาชิกพรรคซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต จึงเท่ากับไม่ให้เกียรติส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้ง ไม่ให้เกียรติประชาชน ที่ไปลงคะแนน

นายคณินกล่าวว่า กรธ.ต้องไม่ลืมว่าการจัดตั้งพรรคและการเป็นสมาชิกพรรค ถือเป็นเสรีภาพของบุคคล แต่การออกกฎหมายเช่นนี้ เป็นการลิดรอนสิทธิหรือเสียประโยชน์อันควรมีควรได้ เหตุเพราะเป็นสมาชิกพรรคเท่านั้น และยังขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 ดังนั้น คงไม่มีใครอยากเป็นสมาชิกพรรค และการที่กรธ. ระบุไว้ในมาตรา 32 ว่าใน 1 ปี พรรคต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 5,000 คน แต่ละสาขาพรรคต้องมีสมาชิกในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 500 คน และต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 20,000 คน ภายใน 4 ปี ถามว่ากรธ.ฝันไปหรือเปล่า

ปล่อยพรรคพัฒนาตามศักยภาพ

นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย คณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรธ. ยอมปรับร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยยกเลิกโทษยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค ลดทุนประเดิมจาก 2,000 บาท เหลือ 1,000 บาท ว่า ก็ดีใจ ถือว่ากรธ.ยังรับฟังความเห็นจากพรรค แต่ยังมีอีกหลายประเด็นที่ควรแก้ไข เช่น ค่าบำรุงพรรคของสมาชิก ถ้าไปตั้งหลักว่าใครเป็นสมาชิกต้องจ่ายค่าบำรุง มันไม่น่าจะใช่ บางคนไม่จ่ายเงินแต่ออกแรงกายและกำลังสมองช่วยงานพรรค ตรงนี้มีค่ามากกว่าค่าบำรุงพรรคด้วยซ้ำ ดังนั้น ไม่ควรบังคับให้จ่ายค่าบำรุง เว้นแต่ใครสะดวกและสมัครใจ ไม่ใช่เอาเงินเป็นตัวตั้งเพราะจะทำให้เป็นปัญหา และหากบังคับให้ต้องเรียกเก็บ หากใครไม่จ่ายจะต้องพ้นสภาพสมาชิกพรรค ตรงนี้จะบั่นทอนความเข้มแข็งของพรรค แทนที่จะเสริมสร้างความเข้มแข็ง

นายสามารถกล่าวว่า ในภาพรวมของ พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองนั้น ตนมองว่าทั้งเรื่องเงินทุน หรือการกำหนดให้มีสมาชิก 500 คน และ 2 ปี ต้องมีสมาชิก 20,000 คน ก็ยังคงเป็นปัญหา เพราะควรให้แต่ละพรรคได้พัฒนาพรรคตามศักยภาพ การบังคับเป็นกฎหมายถือว่าจำกัดสิทธิเสรีภาพในการตั้งพรรคตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ กลายเป็นว่ากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญบัญญัติขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญเอง

วัฒนาเหน็บบิ๊กตู่แทรกแซงปปช.

วันเดียวกัน นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พาณิชย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ข่าวที่นายกฯ สั่งการในที่ประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(คตช.) เร่งรัดคดีทุจริตที่สร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับประเทศ เช่น คดีบ้านเอื้ออาทร พร้อมให้รวบรวมรายชื่อนักธุรกิจที่ทุจริตขึ้นบัญชีดำ ป้องกันไม่ให้เข้ามาประมูลงานภาครัฐได้อีก แสดงถึงการลุแก่อำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ผู้เป็นรัฏฐาธิปัตย์ที่กำลังแทรกแซงการทำงานของ ป.ป.ช. เพื่อใช้เป็นเครื่องมือจัดการกับฝ่ายตรงข้าม ทั้งนี้ คดีบ้านเอื้ออาทรอยู่ระหว่างการไต่สวนของป.ป.ช. ฝ่ายบริหารไม่ควรเข้าไปแทรกแซง รวมถึงไปสั่งขึ้นบัญชีดำนักธุรกิจขณะที่การไต่สวนยังไม่เสร็จ ก่อนหน้านี้พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิวัติเมื่อปี 2549 ก็ไม่เคยแทรกแซงการทำงานของ คตส. แม้จะเป็น ผู้แต่งตั้ง ทำให้ตนยังเคารพความเป็นนักเลงและการรู้ควรของท่าน

“การที่ผมวิจารณ์การทำงานของ คสช. ทำให้ผมถูกรังแกสารพัด ถูกลอบทำร้าย ถูกทหารอุ้มตัวมาคุมขัง ถูกยัดคดีอาญาทั้งศาลปกติและศาลทหาร ลูกสาวผมถูกสั่งให้ไปต่างประเทศ ไม่ให้ช่วยเหลือผมระหว่างถูกควบคุมตัว ดังนั้นการที่ผู้นำจะแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม สั่งการให้ ป.ป.ช.เล่นงานผมจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ส่วนที่สั่งให้เร่งรัดคดีทุจริตนั้น อย่าลืมดำเนินคดีกับพวกที่โกงอำนาจประชาชนด้วย เพราะการยึดอำนาจมาเป็นของตัวเองคือการทุจริตอย่างหนึ่งที่ทำบ้านเมืองเสียหายยับเยิน คำว่าละอายที่แม้แต่เด็กอนุบาลก็ยังสะกดได้ แล้วหัวหน้า คสช.สะกดคำนี้เป็นบ้างมั้ย” นายวัฒนาระบุ

ปชป.แนะลดค่าธรรมเนียมสมาชิก

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่กรธ.ปรับปรุงแก้ไขใหม่ว่า สิ่งที่ควรสนับสนุนคือ 1.ให้พรรคเป็นของประชาชนมากกว่าเป็นของนายทุน 2.ให้สาขาพรรคมีบทบาทสนับสนุนหรือส่งเสริมการเสนอชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง เช่น จัดทำไพรมารี่โหวตร่วมกับกรรมการบริหารพรรค 3.พรรคต้องป้องกันการแทรกแซงจากบุคคลภายนอก เช่น คนทางไกลไม่ให้มีอิทธิพลบริหารหรือสั่งการกิจการพรรค และ 4.กรรม การบริหารพรรคหรือพรรคที่สนับสนุนการซื้อเสียงหรือการทำผิดกฎหมายต้องยุบพรรค ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคและมีโทษอาญาสำหรับกรรมการบริหารพรรคนั้น

นายวิรัตน์กล่าวต่อว่า เห็นด้วยกับการแก้ไขเรื่องการจัดตั้งพรรค ซึ่งคงสมาชิกไว้ที่ 500 คนและทุนประเดิม 1 ล้านบาท พร้อมปรับเกณฑ์ขั้นต่ำและขั้นสูงหรือจากคนละ 2,000 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท เป็นคนละ 1,000 บาท แต่ไม่เกิน 300,000 บาท รวมถึงที่ปรับโทษของมาตรา 23 ที่เปลี่ยนจากยุบพรรคและตัดสิทธิ์คณะกรรมการบริหาร เป็นลดเงินสนับสนุนพรรคเพราะเป็นเรื่องกิจกรรมที่พรรคต้องสนับสนุน และเห็นด้วยเรื่องการหาสมาชิกพรรคปีแรกคงไว้ที่ 5,000 คน และ 4 ปีปรับลดจาก 20,000 คนเหลือ 10,000 คน ถือว่ากมธ.ได้รับฟังปัญหาของพรรค

นายวิรัตน์กล่าวว่า สิ่งที่กรธ.จะต้องปรับอีกคือ การลดค่าธรรมเนียมทุกปีจากสมาชิกเป็นครั้งแรกเพียงครั้งเดียว และต้องปรับให้พรรคที่มีสมาชิกอยู่แล้วให้ชำระค่าสมาชิกพรรคที่มีอยู่เดิมภายใน 4-5 ปีเพราะบางพรรคอาจมีสมาชิกมาก ต้องใช้เวลาให้สมาชิกหาเงินมาสมัครเป็นค่าสมาชิก และตัวแทนพรรคระดับจังหวัดซึ่งตามร่างเดิมจะเป็นการแต่งตั้ง ควรหรือไม่ที่จะปรับให้มีการเลือกตั้ง จากสาขานั้นๆ หรือจากจังหวัดนั้นๆ ซึ่งจะได้เป็นตัวแทนของประชาชน ตามเจตจำนงของระบอบประชาธิปไตย

ติงโทษประหารไม่ถึงคนนอก

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องทุนประเดิมพรรค 1 ล้านบาทนั้น ตนไม่มีปัญหา แต่ควรป้องกันนายทุนเข้ามาครอบงำพรรค เพราะการเข้ามาครอบงำพรรคของนายทุนไม่มีการแสดงตัวตนอย่างเปิดเผย อาจส่งลูก หลานมาเป็นนอมินีแทน หรือเข้ามาเป็นรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี กรรมการบอร์ดรัฐวิสาหกิจ จึงขอให้กรธ.คำนึงถึงประเด็นเหล่านี้ด้วยว่าควรมีการตรวจสอบ

“ความจริงเวลาเลือกตั้งพรรคต้องใช้เงินจำนวนมากและมีนายทุนเข้ามาสนับสนุน การที่บอกว่าพรรคมีทุนประเดิม 1 ล้านบาท เชื่อว่าไม่เพียงพอที่จะใช้เลือกตั้ง หากพิจารณาโดยรวมแล้วการปรับแก้ของกรธ.ยังไม่ตรงประเด็น เพราะประเด็นใหญ่ๆ เชื่อว่ากรธ.ไม่มีการปรับแก้แน่นอน” นายนิพิฏฐ์กล่าว

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ไข ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง ของกรธ.ว่า ประเด็นที่ปรับแก้นั้น ปรับไปก็ไม่มีผล เพราะที่ผ่านมาพรรคทำตามอยู่แล้ว แต่มาตรา 44 ที่กรธ.ไม่ได้เปลี่ยนแปลงนั้น ที่ผ่านมาตนไม่ได้ทักท้วงเรื่องโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต หรือบังคับใช้กับนักการเมือง แต่เห็นว่าถ้า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อย่างนายกฯคนนอก หรือรัฐมนตรีที่ไม่สังกัดพรรค ที่อาจทำความผิดแบบเดียวกันได้ จึงสงสัยว่าทำไมโทษเหล่านี้ถึงเอาผิดแค่คนที่อยู่ในพรรคเท่านั้น ทำไมไม่ครอบคลุมถึงคนกลุ่มอื่นด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ติดใจโทษรุนแรงเพราะไม่ได้คิดจะทำผิดอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าพอใจภาพรวมประเด็นการแก้ไขหรือไม่ นายองอาจกล่าวว่า ตนจะใช้คำว่าพอใจก็ไม่ได้ ต้องใช้คำว่าไม่ติดใจมากกว่า ซึ่งเราทำหน้าที่นำเสนอความคิดเห็นไปแล้ว และเห็นว่าร่างกฎหมายนี้ถูกปรับแก้เพียงระดับหนึ่ง ซึ่งแล้วแต่วิจารณญาณของ กรธ. ที่จะแก้ไขต่อไป

ดีอีฮึ่มแฮ็กเกอร์อย่าป่วนเว็บรัฐ

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ที่กระทรวงการคลัง นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงกรณีเพจพลเมืองต่อต้านซิงเกิล เกตเวย์ ก่อกวนระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐ (GFMIS) และระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ทำให้ระบบกรมบัญชีกลางล่มว่า ยืนยันว่ายังไม่สามารถเจาะในระบบลึกของกระทรวงการคลังได้ เนื่องจากระบบไอทีของกระทรวงมีความปลอดภัย และยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการจ่ายเงินเดือนของข้าราชการอย่างแน่นอน เนื่องจากข้อมูลต่างๆ อยู่ที่สถาบันการเงินเป็นผู้จ่ายเงินอยู่แล้ว

นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า พ.ร.บ.ด้วยการ กระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฉบับนี้ พยายามมาเกือบปีที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยเนื้อหา 90 เปอร์เซ็นต์ ของพ.ร.บ.นี้ต้องการให้สังคมได้ประโยชน์ และไม่ปฏิเสธว่าอีก 5-10 เปอร์เซ็นต์ มีความไม่แน่นอนและชัดเจน ส่วนหนึ่งมาจากเทคโนโลยีไปเร็ว อีกส่วนหนึ่งต้องการความมั่นใจ ซึ่งพ.ร.บ.ฉบับนี้ยังไม่จบ มีเวลาประกาศใช้ 120 วัน ดังนั้น จะมีการพูดคุย แสดงความคิดเห็นในทุกฝ่ายเพื่อทำงานร่วมกัน และจัดกระบวนการให้พ.ร.บ.ฉบับนี้มีความชัดเจนอย่างที่สังคมต้องการเห็น

นายพิเชฐกล่าวว่า ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีดิจิทัลไปไกลและเร็วมาก ทำให้สังคมโลกและประเทศต้องปรับตัวให้เร็วตามไปด้วย สิ่งที่เรากำลังทำคือ ทำให้สังคมมีความมั่นคงและดูแลตนเองได้ โดยมีเครื่องมือกำกับดูแล และยืนยันว่าไม่มีเรื่องซิงเกิล เกตเวย์ รวมทั้งการตัดมาตรา 14 (1) ที่มีข้อห่วงใยว่าจะมีการใช้อำนาจรัฐไปกระทบสิทธิของประชาชนนั้นได้ตัดออกไปแล้ว สิ่งที่ปรากฏในโซเชี่ยลไม่ใช่ความจริง ในเรื่องที่รัฐจะเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว การลิดรอนหรือปิดกั้นเสรีภาพประชาชน รวมถึงความกังวลว่าจะทำให้ระบบอินเตอร์เน็ตช้า ขั้นตอนสำคัญของพ.ร.บ.คือการดำเนินการใดๆ ต้องผ่านศาล ไม่ใช้อำนาจของรมต. หน้าที่ของเราคือช่วยดูแลให้ทุกอย่างเดินไปได้อย่างเหมาะสม และเป็นประโยชน์ต่อสังคม จึงอยากให้ทุกคนและสังคมเข้าใจ

นายพิเชฐกล่าวว่า กรณีกลุ่มแฮ็กเกอร์ที่โจมตีเว็บไซต์ของรัฐเพื่อต่อต้านพ.ร.บ.นี้ ไม่ใช่ปรากฏการณ์แบบที่ควรจะเป็น อยากเห็นสังคมที่สงบ และทำมาหากินโดยไม่ใช้เทคโนโลยีมาทำให้เกิดความเสียหาย แม้ปรากฏการณ์นี้จะเป็นแบบยุงกัด แต่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนคือประชาชน ที่เข้ามาใช้บริการผ่านเว็บไซต์นั้น

น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงดีอี กล่าวว่า ขณะนี้มีทีมงานดูแลการถูกโจมตีเว็บไซต์จากกลุ่มแฮ็กเกอร์อยู่อย่างเข้มงวด โดยทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถดูแลได้เป็นอย่างดี ส่วนผู้กระทำความผิด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)จะเป็นผู้ดำเนินการ ขณะนี้จับกุมผู้กระทำผิดได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ขอความกรุณาผู้ที่กระทำว่าไม่ใช่เรื่องที่เกิดประโยชน์ ควรมาพูดคุย เสนอความคิดเห็นร่วมกันดีกว่า เพราะเว็บดังกล่าวเป็นข้อมูลเปิดเผยให้ประชาชนเข้ามาใช้งาน หากใช้งานไม่ได้ ประชาชนคือผู้ที่เดือดร้อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน