‘ไอ้ก้านยาว’ หนุนปลดล็อก อยากเห็นเลือกตั้ง ขอยืนอยู่กับประชาชน

‘ไอ้ก้านยาว’ หนุนปลดล็อก เลือกตั้งโดยเร็ว! วันที่ 10 ก.ย.นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ อดีตรมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอดีตคนเดือนตุลาคม 16 ฉายา ไอ้ก้านยาว ปัจจุบัน ฐานะประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ได้เดินทางมาบรรยายพิเศษเรื่อง “การต่อต้านคอร์รัปชั่นแห่งชาติ” ที่ทางองค์กรเครือข่ายต้านการทุจริต ภาคประชาชน จ.นครราชสีมา หรือ คตช.นม. จัดขึ้นที่ห้องประชุมศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน อ.เมืองนครราชสีมา

โดยมีผู้ร่วมฟังบรรยายกว่า 30 คน อาทิ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตรมว.อุตสาหกรรม, นายสุนทร จันทร์รังสี อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 50, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีตแกนนำพันธมิตรฯ และนายจักริน เชิดฉาย อดีตประธานกปปส. จังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น

นายประพัฒน์ กล่าวถึงการเลือกตั้ง และกระแสข่าวการเดินสายซื้อเสียงล่วงหน้าแล้ว ว่า ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรตนไม่ทราบ แต่การเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะถึงนี้ ตนเห็นว่าควรจะเป็นการเลือกตั้งที่ขาวสะอาด ตนไม่อยากให้เกิดความด่างพร้อยจริงๆ เพราะจุดหนึ่งที่ฝ่ายตรงข้ามกับฝ่ายประชาธิปไตยอ้างมาโดยตลอดว่า การเลือกตั้งมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงกันอย่างไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม จึงเป็นข้อด่างพร้อยของฝ่ายที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

ถ้าหากทุกคนอยากที่จะต่อสู้เพื่อให้ระบอบประชาธิปไตยมีความยั่งยืน ก็อยากให้นักการเมืองทุกคนเล่นการเมืองด้วยความยุติธรรม และละเว้นเรื่องการซื้อสิทธิ์ขายเสียงแบบเก่าเสีย แต่ให้เอาความนิยมด้านความคิด นโยบาย และการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนจะยั่งยืนกว่า

“ขณะเดียวกันพี่น้องประชาชนก็ควรยั้งคิดด้วยว่า การที่เราไปรับเงินจากนักการเมืองเพียงไม่กี่บาทมา แล้วถูกนักการเมืองเหล่านั้นเอาอำนาจของเราไปถึง 4 ปี มันไม่คุ้มหรอก สู้เราเลือกเขาเข้าไปในรัฐสภาใช้ทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนรวมจะดีกว่า ต้องการประโยชน์อะไร ก็เสนอให้เป็นนโยบายทางการเมือง ให้นักการเมืองไปทำงาน จะเกิดประโยชน์มากกว่าในระยะยาว”

นายประพัฒน์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องจะปลดล็อก หรือคลายล็อกทางการเมืองเมื่อไหร่นั้น ตนเองยังไม่อยากเข้าไปก้าวล่วง เพราะขณะนี้ตนอยู่ในฐานะประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ซึ่งยังต้องประสานความร่วมมือกับรัฐบาลอยู่ แต่ถ้าพูดในฐานะของประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ก็อยากจะเห็นประเทศไทยรีบก้าวไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว

เพื่อให้ประชาชนได้มีอำนาจเลือกอนาคตของตนเอง เพราะประชาชนก็ต้องการประสบการณ์การเรียนรู้ ถ้าเลือกนักการเมืองไปแล้ว ได้คนไม่ดีมาบริหารประเทศ การเลือกตั้งครั้งใหม่เขาก็ตัดสินใจเลือกคนใหม่ได้

ส่วนนักการเมืองทั้งหลาย ตนก็ขอให้ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ สิ่งที่สำคัญคือนักการเมืองทุกคนต้องเปิดหัวใจไว้ 1 ดวง เพื่อที่จะคุยกันได้ และปกป้องระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่เอาความบาดหมางส่วนตัว หรือความบาดหมางของพรรคมาเป็นตัวตั้ง จนกลายเป็นยืนอยู่กันคนละขั้ว เพราะแท้จริงแล้วทุกพรรคการเมืองล้วนยืนอยู่ฝ่ายประชาชนด้วยกันทั้งนั้น

ดังนั้นจึงสมควรที่จะเปิดหัวใจไว้สัก 1 ห้องสำหรับไว้นั่งลงพูดคุยกันได้ เพราะระบอบประชาธิปไตย ถือว่าเป็นระบอบการปกครองที่ประชาชนสามารถตรวจสอบกันได้ แน่นอนไม่มีระบอบการปกครองไหนจะดีที่สุด 100% แต่อย่างน้อยที่สุดระบอบประชาธิปไตย ก็เป็นระบอบที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะเลือกคนไปทำงานแทนตัวเองได้ เลือกอนาคตของเขาเองได้ ไม่ใช่จะเลือกใครที่ไม่รู้จัก ไม่มีสายใยผูกพันกัน เข้ามาทำงานแทนตัวเอง เพราะอย่างนี้จะเป็นอันตรายมาก

ขณะเดียวกันหลังการเลือกตั้ง จะมีความรุนแรง หรือจะมีการทำปฏิวัติรัฐประหารอีกหรือไม่นั้น ตนพยากรณ์ไม่ได้ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลชุดปัจจุบันด้วยว่า จะสามารถสร้างความรู้ ความเข้าใจเรื่องความขัดแย้งของขั้วการเมืองต่างๆ ให้ดีขึ้นได้หรือไม่ ซึ่งต้องยึดเป็นหน้าที่สำคัญของรัฐบาลนี้เลย ทั้งนี้คนไทยก็คือคนไทย จะฆ่ากันให้ตายยังไงก็เป็นคนไทยด้วยกัน

ดังนั้นจะอยู่คนละพรรค คนละขั้ว ต่างความคิด อย่างไรก็คือคนไทย ที่พูดภาษาเดียวกัน จึงไม่มีอะไรที่จะพูดคุยกันไม่ได้เลย ในทางกลับกัน ถ้ารัฐบาลชุดนี้เลือกข้าง ก็จะทำให้เกิดความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเช่นกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน