‘รังสิมันต์ โรม’ โต้ ‘บิ๊กป้อม’ ปมป้อง ‘เฌอปราง’ ชี้ ถ้าตนเองมีอำนาจก็จะไม่บังคับใคร ระบุไม่สามารถไปข่มขู่ใครได้ หวังเทปรายการเดินหน้าประเทศไทย 15 ก.ย.นี้ จะเป็นเทปสุดท้ายของ เฌอปราง

จากกรณีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายรังสิมันต์ โรม แกนนำ กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง โพสต์ข้อความโจมตี เฌอปราง อารีย์กุล กัปตันแห่งวง BNK48 ที่มาช่วยงานรัฐบาลในรายการ “เดินหน้าประเทศไทย” โดยระบุว่า นายรังสิมันต์จะไปจำกัดสิทธิ์เฌอปรางได้อย่างไร เพราะเขาจะทำอะไรก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล พร้อมทั้งถามว่านายรังสิมันต์จะไปจำกัดสิทธิ์บุคคลของคนอื่นได้หรือ ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

ล่าสุด นายรังสิมันต์ โรม แกนนำ กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ “Rangsiman Rome” ถึงกรณีที่พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ โดยมีใจความสำคัญว่า “ว่าด้วยกรณีคุณประวิตรกล่าวพาดพิงผมต่อกรณีที่ผมเขียนสเตตัสถึงเฌอปรางที่ไปรับงานโปรโมต คสช. 1.คุณประวิตร กล่าวว่า “ตัวผมเองไปจำกัดสิทธิเฌอปราง” ขอยืนยันว่า ตนเองมีสถานะเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีอำนาจอะไรในการไปบังคับใครให้ต้องทำหรือไม่ทำได้ และต่อให้มีอำนาจก็ไม่เคยคิดจะบังคับด้วย หากอ่านสเตตัสตนดีๆจะพบว่าความมุ่งหวังของตนที่มีต่อตเฌอปราง เป็นเรื่องการ Empower ให้ยืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น

2.มีหลายคนบอกว่า โพสต์ของตน คือ การข่มขู่เฌอปราง หลายคนเข้าใจผิดว่า “ตราบาป” คือ การข่มขู่เฌอปราง ตนอธิบายอย่างนี้ คงไม่สามารถไปข่มขู่เฌอปรางได้ คำว่าตราบาปที่ใช้เป็นไปเพื่อเตือนว่าการร่วมงานกับเผด็จการ จะเป็นผลเสียต่อตัวเฌอปรางเองในระยะยาว ซึ่งไม่ว่าจะเป็นบริษัท หรือพล.อ.ประยุทธ์ หรือพล.อ.ประวิตร ก็ช่วยคุณขจัดตราบาปไม่ได้ มีแต่ตัวคุณเท่านั่้นที่สามารถจัดการปัญหานี้ได้

3.พูดกันว่าทำไมตนเอาแต่วิจารณ์เฌอปราง ไม่วิจารณ์ดาราคนอื่นบ้าง ตนก็อยากวิจารณ์ดาราทุกคนนั่นแหละ แต่ด้วยความที่ตนไม่ได้ดูโทรทัศน์มานานแล้ว ระยะหลังเลยไม่ค่อยรู้จักดาราคนอื่นๆเท่าไหร่ แต่ที่รู้จักเฌอปรางมากกว่าคนอื่น ก็เพราะคนรอบตัวเป็นแฟนคลับเฌอปราง แล้วยิ่ง genonline วิจารณ์พาดพิงถึงผมด้วยทำให้ผมรู้สึกอยากแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้บ้าง

4.การที่ พล.อ.ประวิตร ออกมาพูดว่า ที่เฌอปรางมาช่วยงานนั้นเป็นสิทธิ เท่ากับเป็นการเปิดช่องให้เฌอปรางสามารถปฏิเสธงาน คสช. ได้ นอกจากนี้ คำพูดของพล.อ.ประวิตรเป็นการยืนยันด้วยว่า คสช. ไม่ได้บังคับเฌอปราง (อย่างน้อยๆ พล.อ.ประวิตรก็ปฏิเสธเรื่องนี้เป็นนัยๆ ) สภาพบังคับที่แท้จริงที่ทำให้เฌอปรางต้องทำงานนี้ ก็จะตกอยู่ที่ตัวเฌอปรางเองกับบริษัทที่เป็นนายจ้างของเฌอปราง ซึ่งผมเข้าใจว่ามันไม่ง่ายที่จะ Fight กับบริษัท แต่ผมก็เชื่อว่าเหล่าโอตะเขานิยมในตัวคุณ ไม่ใช่นิยมในบริษัท อย่าทำให้ปัญหากลายเป็นทางตัน แต่คุณต้องเปลี่ยนมันเป็น solution ซึ่งในสถานะที่คุณมี ผมเชื่อว่าคุณรู้ดีกว่าใครในการที่ต้องเอาตัวรอดจากสภาวะนี้

5.สุดท้ายนี้ผมหวังว่าเทปที่จะออกอากาศในวันที่ 15 กันยานี้ จะเป็นเทปเดียว และเทปสุดท้ายที่เฌอปรางไปร่วมงานกับ คสช. หวังว่าหลังจากนี้เฌอปราง(หรือบริษัทที่เป็นนายจ้าง) จะไม่ร่วมงานกับ คสช. อีก ขอให้สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นบทเรียนต่อตัวเฌอปรางเอง อย่าให้มันต้องเป็นตราบาปแก่ตัวเองไปมากกว่านี้เลย เราต่างรู้ดีว่าการมาออกรายการของเฌอปรางอาจจะไม่ส่งต่อความนิยมไปให้กับ คสช. ได้ แต่ความเสื่อมเสียทั้งหลายที่ คสช. มี ย่อมส่งต่อมาแปดเปื้อนเฌอปรางไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน