‘บิ๊กตู่’ อยากเหมือน’ป๋า’ เผยเหตุที่พูดมาก เพราะตอนเด็กครูไม่ให้ถาม

‘บิ๊กตู่’ การศึกษากับการเตรียมคน / เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 12 ก.ย. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานเปิดงานประกาศความร่วมมือ “การสร้างวัฒนธรรมการมีส่วนร่วมด้านการศึกษา” ภายใต้โครงการสานพลังประชารัฐ CONNEXT ED พร้อมปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “การศึกษากับการเตรียมคนไทยในอนาคต”

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า การศึกษาเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด และเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาประเทศ วันนี้ อนาคต อดีต ปัจจุบันพันกันมั่วไปหมด พวกเรากำลังเดินไปข้างหน้า แต่ก็มีอีกพวกดึงขาซ้ายอีกพวกก็ดึงขาขวา ดึงไปข้างหน้าบ้างข้างหลังบ้าง เซไปเซมา แต่เราก็มีหลักชัยที่จะพัฒนาประเทศ ถ้าเป็นทหารก็เรียกว่ากำลังต่อสู้กับอริราชศัตรู แต่เรากำลังต่อสู้กับความไม่รู้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลทำทุกวันนี้คือการบรรเทาความเดือดร้อน ลดความเหลื่อมล้ำ และมีการใช้จ่ายในระบบ จึงได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีขึ้นมา เราจึงต้องสอนให้ทุกคนมีการปรับตัวมีการพัฒนาตนเอง ปัญหาที่พูดมานั้นเกิดขึ้นมาตลอดเวลาพูดง่ายๆคือ 80 ปี ที่ผ่านมาของประชาธิปไตย ก็เป็นแบบนี้ ช้าเกินไปหรือไม่ เรายังมัวติดกับดักปัญหาความขัดแย้ง ติดกับดักความไม่รู้ เราจึงต้องสร้างความเข้าใจใหม่ทั้งหมด

เราต้องรู้ว่าวันนี้เรายืนอยู่ตรงไหนของโลก เขารบแบบที่เรารบกันตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเลิกทำแบบนี้กันมานานแล้ว ประเทศมหาอำนาจบางประเทศโตช้ากว่าเราด้วยซ้ำ แต่เขาเบื่อความขัดแย้ง เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไร การสู้รบกันก็ตายเปล่าทั้งสิ้น แล้วทำไมเราไม่ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกันที่เป็นประโยชน์ วันนี้เขาคิดแบบนี้กันทั้งโลก เว้นแต่ประเทศมหาอำนาจบางประเทศ แต่เราไม่ใช่มหาอำนาจ แต่ถ้าเราไม่ขัดแย้งกันทุกวัน ป่านนี้เราเป็นมหาอำนาจแล้ว ซึ่งผมก็กลัว

เราอย่าหนีความเป็นจริง ผมเองก็เป็นคนชอบตั้งคำถาม แต่ครูก็ไม่เปิดโอกาสให้ถาม ครูส่วนใหญ่สอนเต็มชั่วโมง จนส่งผลให้วันนี้ทำให้ผมพูดมากวันนี้ผมก็เลยกลายเป็นครู แม่และเมียก็เป็นครู แต่ทุกวันนี้ทุกคนก็เป็นครูของผม และคิดว่าอาชีพที่ดีที่สุดของวันนี้ที่สามารถเป็นอะไรได้ทุกอย่างไม่ใช่ทหารแต่น่าจะเป็นหมอ เป็นได้ทั้งรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง เพราะเป็นคนฉลาด แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับชะตาชีวิตและต้นทุนทางสังคมและครอบครัว

อึดยิ่งกว่า ยางมิชลิน ยกวลี ‘ป๋า’ กลับบ้านเถิดลูก

แต่วันนี้ผมถามคุณศุภชัย (นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์) ในฐานะประธานว่าจะลงเล่นการเมืองไหม ปฏิเสธทันทีว่า ไม่เอา แต่ทำไมคนที่ไม่ทำอะไรเลยอยากจะมาเล่นการเมือง ผมไม่เข้าใจ เขาประสบความสำเร็จ แต่ไม่ทนทรมาน เหมือนผมทน ถามว่าผมทนไหม ผมทนอึดยิ่งกว่ายางมิชลิน เด้งซ้ายเด้งขวาแต่สู้ได้ ถ้ามีกำลังใจแบบทุกวันนี้ก็สู้ตายไม่กลัว

แต่วันนี้ทุกอย่างก็ดีขึ้นแล้วเพราะเวลาผมไปต่างจังหวัดก็ขอความมั่นใจจากประชาชนอย่าทำร้ายประเทศของเราอีกเลย ผมก็สัญญาในใจของผมแล้วว่า จากวันนี้ไปจะไม่ตอบโต้ใครอีกแล้ว แต่ดันอดไม่ได้สักที ผมสัญญาทุกวัน สวดมนต์ก่อนนอน พรุ่งนี้อย่าพลาดอย่าตอบคำถามใคร คำถามสื่อที่ไม่เข้าหูก็อย่าไปตอบ นึกถึงภาพอดีตนายกรัฐมนตรีทุกคน คำว่า กลับบ้านเถิดลูก ผมก็พยายามจะพูดเมื่อคิดได้

เพราะวันนี้เรากำลังเผชิญปัญหา ที่ผ่านมาก็หนักวันนี้ก็หนัก เป็นคนละแบบกันเพราะโลกกว้างขึ้น ความขัดแย้งจึงมีสูง ผมเข้ามาเริ่มตั้งแต่ต่ำกว่าศูนย์ แม้แต่จีดีพี อยู่ที่ร้อยละ 0.9 มันดีตรงไหน วันนี้โตขึ้นร้อยละ 4.8 แล้วบอกว่า 4.5 ก็ไม่ดี ไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรกัน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การปฏิรูปทุกอย่างถ้าไม่แก้ไขกฎหมายก็ไปไม่ได้ทั้งหมด ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่กฎหมายเดิมยังติดตรงนั้นตรงนี้ ทำกฎหมาย 400-500 ฉบับยังไม่จบเลย กฎหมายบ้านเราทั้งหมดมีเกือบแสนฉบับ แต่ทุกคนไปดูรัฐธรรมนูญอย่างเดียว ไปดูอยู่มาตราเดียว นายกฯเมื่อไหร่จะติดคุก มัวแต่ไปสนใจเรื่องไม่เป็นสาระ ยังไงตนก็ยืนตรงนี้ ท่านก็ต้องยอมรับตนอยู่แล้วใช่หรือไม่ หรือไม่ใช่ตนจะได้กลับ ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยแรงศรัทธา ไม่เช่นนั้นเราจะต่อสู้กับอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น

“5 ปี หลังจากการเลือกตั้งครั้งหน้า ประเทศไทยจะแข็งแรงกว่านี้ ถ้าเราทำทุกอย่างให้เป็นไปตามแผนที่เราวางไว้ ก็ฝากไว้ด้วยแล้วกันนะ ต้องการเลือกตั้ง อะไรก็ว่ากันไป แต่จะทำอย่างไรให้สิ่งเหล่านี้มันต่อเนื่องได้ ก็ฝากไว้เท่านั้นเอง คนไทยคนเก่งเยอะแยะ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในช่วงท้ายว่า เราต้องสามารถเดินหน้าไปด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แต่วันนี้ตนยืนพูดไม่มีใครอยู่ข้างหลัง เพราะทุกคนอยู่ข้างหน้าตน ดังนั้นเวลาตนต้องไปสู้รบปรบมือกับใครก็ช่วยมาอยู่ข้างหลังตนด้วยแล้วกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน