วิษณุ ย้อน ธนาธร ให้ระวัง “หาเสียง”กับ “นโยบายพรรค” ชี้ นักการเมืองรุ่นเก่าเขาพูดเป็น ส่วน หน้าใหม่ ให้ระวัง เผย กกต. จ้องจับผิดอยู่ วันไหนพลาดก็จะโดน

เตือนธนาธร / เมื่อวันที่ 14 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่(อนค.) ระบุ เตรียมเปิดตัวนโยบายพรรคในเดือนตุลาคมนี้โดยไม่สนว่าคสช.จะปลดล็อคแล้วหรือไม่ ว่า

“คือถ้าพูดเป็นก็พูดได้ เพราะถ้าต่อให้มีล็อคอยู่ โดยไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามไม่ต้องเป็นคุณธนาธร ใครก็ตามที่จะพูดว่าคิดว่าประเทศน่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วจะดีขึ้น ผมก็เห็นใครเขาก็พูดกันทั้งนั้น ใกล้ใครก็พูดได้ไม่ได้แปลกอะไร ผมก็เคยพูด ไม่ได้แปลกอะไร เพียงแต่อย่าตั้งหลักว่านี่คือนโยบายหาเสียงก็แล้วกัน ซึ่งคำว่าหาเสียงแปลว่าอะไรก็มีวิธีอยู่ ซึ่งกกต. เขาก็จ้องจับผิดในเรื่องนี้อยู่ เหมือนกับที่พูดๆกันมาแล้วก็ไม่เห็นมีใครห้าม หรือบอกว่าผิดด้วย แต่ถ้าพูดให้ผิดมันก็จะผิดเช่นถ้าพูดว่าเพราะฉะนั้น

จึงขอโปรดเลือกพรรคเราอย่างนี้ผิดแน่เพราะเป็นการหาเสียง ความแตกต่างมีอยู่ ส่วนที่ใครพูดว่าประเทศน่าจะดีขึ้น แผ่นดินจะสูงขึ้นอีกคืบหนึ่งถ้าหากทำอย่างนั้นอย่างนี้ ในทางเศรษฐกิจหรือทางคมนาคมก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร อย่างนี้ถ้าเรียกว่านโยบายก็พูดได้ ทำเป็น นักการเมืองเขาทำเป็น เพราะเขาหาเสียงกันมาเยอะ

ดังนั้นคงจะยุ่งหน่อยสำหรับนักการเมืองหน้าใหม่ๆ ที่ยังไม่ค่อยรู้ว่าขนาดไหนคือการหาเสียง ขนาดไหนคือการ แสดงความคิดเห็นโดยเสรี ขนาดไหนคือเสรีภาพ ก็คงลำบากหน่อย เพราะฉะนั้นก็ต้องระวัง เนื่องจากเขาจะมีคนคอยจดบันทึกเอาไว้แล้วเมื่อถึงเวลาเขาก็จะจัดการ เพราะเขาคงไม่จัดการพวกคุณในวันนี้หรอก แต่ในวันหนึ่งเมื่อไปพลาดหนักเข้าก็จะโดน ให้ระวัง นี่ผมเตือนด้วยความหวังดีนะไม่ได้ขู่ เดี๋ยวก็จะไปพาดหัวข่าวอีกว่าวิษณุขู่”

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายธนาธรระบุว่าทุกคำพูดๆ ของนายวิษณุ ไม่ใช่กฎหมาย นายวิษณุ กล่าวติดตลกว่า ก็ถูก

เมื่อถามถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ว่าขัดรัฐธรรมนูญเนื่องจากมีพฤติกรรมผิดกฎหมาย นายวิษณุ กล่าวว่า คนเราต่างมีพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายทั้งนั้นหากถูกมองว่าผิดกฎหมาย แต่รัฐธรรมนูญระบุว่าตราบใดที่ยังไม่มีคำพิพากษาของศาลย่อมถือว่าทุกคนบริสุทธิ์

เพราะในอดีตมีบุคคลที่ขึ้นศาลและตกเป็นจำเลยได้เป็นรัฐมนตรีก็ยังมี แล้วจะพูดไปทำไมมี หรือเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วถูกฟ้องศาลก็ยังมี เพราะฉะนั้นคงไม่ใช่ความหมายของการคบหาสมาคมเช่นนั้น การคบหาสมาคมในความหมายของประมวลจริยธรรมนั้นมีความหมายในตัวของมันเองจึงขอให้ผู้ที่มีหน้าที่ดูแลประมวลจริยธรรมทุกคนได้ไปวินิจฉัยเองก็แล้วกัน

ตนไม่ได้มาตอบให้นายพุทธิพงษ์ เพราะเป็นเรื่องที่ยกตัวอย่างกันขึ้นมาแต่หากจะพูดกันแล้วตามหลักก็มีอยู่ง่ายๆ เมื่อขึ้นชื่อว่าคนที่เป็นบุคคลสาธารณะจะถูกฟ้องร้องกล่าวหาเป็นเรื่องธรรมดา และมีอยู่มากมายแม้แต่คณะรัฐมนตรีทุกวันนี้ก็ถูกฟ้องร้องกันอยู่หลายคน ยกฟ้องไปแล้วก็มี เรื่องยังไม่จบก็มี ถ้าจะบอกว่าห้ามคบค้าก็คงไม่ใช่และในความมุ่งหมายก็ไม่ได้หมายถึงเช่นนั้น

“สมมติว่าเป็นคนที่notorious ที่แปลว่าอื้อฉาว สมมติในคดี ยาเสพติดจนกระทั่งผู้คนรับรู้ทั่วไปแล้วศาลยังไม่ตัดสินว่าไปเกี่ยวข้องอย่างนี้อาจจะลำบากหน่อย ดังนั้นจึงมีหลักเกณฑ์ออกมาว่าข้าราชการจะไปขอประกันตัวผู้ต้องหาในคดียาเสพติดไม่ได้ เมื่อเขียนเช่นนั้นก็แสดงว่าเขาไม่ให้คบแล้ว เมื่อเกณฑ์ยังไม่มีก็ไม่ได้เป็นความผิดและไม่ได้ปกป้องแต่อย่างใด”

เมื่อถามย้ำว่ากรณีของนายพุทธิพงษ์แสดงว่ายังถือเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ นายวิษณุ กล่าวว่า คนทั้งประเทศรู้อยู่ว่าเป็นเช่นนั้น

เมื่อถามว่าจะย้อนแย้งกับการที่รัฐบาลพยายามออกกฎหมายไม่ให้นักการเมืองที่สีเทาเข้ามาเกี่ยวข้องในการเลือกตั้งหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า สิ่งใดที่กฎหมายวางหลักการไว้ว่าเป็นการป้องกันหรือสกัดกั้นนักการเมืองสีเทาเข้ามาก็อย่าไปทำข้อนั้น เมื่อสิ่งใดที่ไม่ได้เขียนระบุไว้ก็ไม่ได้เป็นการย้อนแย้งอะไรเพียงแต่ไปดูว่าเข้าข้อห้ามตามนั้นหรือไม่ ถ้าเข้าตามข้อห้ามก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว นั่นเป็นเจตนารมย์ของกฎหมายต้านโกง ถ้าใครมีพฤติกรรมที่ยังไม่เข้าข่ายโกงก็พูดยากกลายเป็นเรื่องของจริยธรรม

เมื่อถามว่าพรรคการเมืองรอคำสั่งคสช. เป็น ลายลักษณ์อักษรอยู่ว่าจะสามารถทำอะไรได้ไม่ได้บ้าง ประกาศคลายล็อคจะออกมาได้เมื่อใด หากยิ่งเนิ่นนานจะยิ่งมีผลกระทบหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ขอตอบ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน