เมื่อวันที่ 19 ก.ย. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ดูแลพื้นที่กทม. กล่าวถึงการแบ่งเขตเลือกตั้งว่า เป็นไปตามอัตราส่วนส.ส.ในสภา เพราะจาก 400 คนลดลงมาเหลือ 350 คนหายไป 50 คน ดังนั้นจำนวนส.ส.แต่ละจังหวัดต้องลดลงหรือเท่าเดิมเป็นปกติ ตรงนี้จะทำให้ในบางจังหวัดมีเขตลดลง แต่เรามีส.ส.เก่าเกินต้องมีการพูดคุยกันว่าต้องขยับเอาคนออก ซึ่งคนที่ถูกออกต้องพูดคุยกันว่าจะให้ไปทำอะไรตรงไหนอย่างไร ถ้าเขามีความพร้อมที่จะทำงานต่อ เชื่อว่าส่วนมากพูดคุยกันได้ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะทุกคนทราบความเป็นจริงอยู่แล้วว่าต้องมีการปรับให้คนเหมาะสมกับจำนวนส.ส.ในแต่ละจังหวัดแต่ละพื้นที่

ส่วนพื้นที่กทม.เขตลดลงไป 3 เขต เหลือ 30 เขต ก็ไม่มีผลกระทบ เพราะเรามีส.ส. 20 กว่าคน หาคนลงไปในเขตที่ยังไม่มีส.ส. ตอนนี้คนเกิน แต่ไม่มีเขตเพียงพอให้ลง มีคนหนุ่มคนสาวสนใจสมัครพอสมควร อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้เข้าสู่การแบ่งเขตที่ชัดเจนจึงไม่สามารถจัดสรรคนลงได้และไม่รู้ว่าจะแข่งขันกับใคร จะมีนโยบายอย่างไร คงต้องดูข้อมูลให้เพียงพอก่อน

นายองอาจ ยังกล่าวถึงกรณีนายกฯระบุว่าพรรคที่ได้เสียงมากสุดเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลว่า เป็นหลักการปกติที่เราทำกันมาโดยตลอด ที่พรรคได้คะแนนเสียงจำนวนส.ส.มากที่สุดก็จะจัดตั้งรัฐบาล ยกเว้นเขาไม่สามารถรวมเสียงได้มากพอ ต้องไปรวมเสียงกับพรรคอื่นให้เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล ถ้ารวมไม่ได้ ต้องเป็นพรรคอันดับ 2 อันดับ 3 เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นนายกฯพูดก็เป็นลักษณะทั่วไป ไม่ได้มีนัยยะอะไร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน