โพลเผยชาวบ้านยังหนุน ‘บิ๊กตู่’เป็นนายกฯต่อ ตามด้วย ‘สุดารัตน์-ธนาธร’ แต่ไม่เชื่อมีเลือกตั้งก.พ.ปีหน้า จี้รัฐบาลใหม่เร่งแก้ปัญหาปากท้อง

เลือกตั้ง – วันที่ 23 ก.ย. ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจ เรื่อง “ประชาชนอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ตามกฎหมายการเลือกตั้งปัจจุบัน (ครั้งที่ 4)” สำรวจวันที่ 17-18 ก.ย. จากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ทุกภูมิภาค จำนวน 1,251 หน่วย

ถึงพรรคการเมืองที่อยากให้เข้ามาเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ร้อยละ 61.63 ระบุพรรคใหม่ๆ เพราะอยากเห็นคนใหม่ นโยบายใหม่ เข้ามาบริหารและพัฒนาประเทศในทิศทางที่ดีขึ้น เบื่อการบริหารงานของพรรคเก่า ร้อยละ 37.49 ระบุพรรคเก่า เพราะมีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ มั่นใจในผลงาน แก้ไขปัญหาได้ดีกว่าพรรคใหม่ และร้อยละ 0.88 ไม่แน่ใจ

บุคคลที่อยากให้เป็นนายกฯ ตามกฎหมายการเลือกตั้งปัจจุบัน พบว่า ร้อยละ 29.66 ระบุเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 17.51 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 13.83 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และร้อยละ 10.71 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

พรรคการเมืองที่อยากให้ได้คะแนนเสียงมากที่สุด และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ร้อยละ 28.78 ระบุเป็น พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 20.62 พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 19.58 พรรคประชาธิปัตย์ และร้อยละ 15.51 พรรคอนาคตใหม่

ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ใช้ตัดสินใจลงคะแนนให้ผู้สมัครส.ส. ร้อยละ 49.80 ระบุเป็นบุคคลที่มีผลงานประจักษ์ ทำประโยชน์ในพื้นที่หรือต่อประเทศไทย ร้อยละ 22.54 ระบุชอบพรรค นโยบายพรรคที่ผู้สมัครสังกัด ร้อยละ 12.07 ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว ร้อยละ 10.15 ต้องการได้ส.ส.หน้าใหม่ และร้อยละ 2.32 ระบุว่า ต้องการได้นายกฯตามมติของพรรคที่ผู้สมัครสังกัด

สำหรับปัญหาที่อยากให้นายกฯ คนต่อไปเข้ามาแก้ไขมากที่สุด ร้อยละ 41.81 ระบุปัญหาปากท้องและหนี้สินของประชาชน ร้อยละ 25.42 ปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ ร้อยละ 11.67 ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น การใช้อำนาจโดยมิชอบ ผู้มีอิทธิพล ร้อยละ 6.07 ปัญหาการควบคุมราคาสินค้า

เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นว่าจะมีการเลือกตั้งภายในเดือนก.พ. 2562 โดยไม่มีการเลื่อนออกไปอีก พบว่า ร้อยละ 52.76 ระบุไม่เชื่อมั่น เพราะยังไม่มีความพร้อม ไม่ชัดเจนในหลายเรื่อง สถานการณ์บ้านเมืองยังไม่ปกติ และเลื่อนเลือกตั้งมาแล้วหลายครั้งเลยขาดความเชื่อมั่น ร้อยละ 45.16 เชื่อมั่น เพราะสถานการณ์การรเมืองเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ เป็นไปตามโรดแม็ป และเชื่อมั่นในความสามารถและความพร้อมของรัฐบาล และร้อยละ 2.08 ไม่แน่ใจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน