พระบุก กกต. ร้องแก้กฎหมายขอสิทธิทางการเมือง! ชี้ห้ามพระยุ่ง-ขัดหลักเสรีภาพ

เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระสมาน คัมภีรปัญโญ หรือนายสมาน ศรีงาม อดีตนักเคลื่อนไหวทางการเมือง อดีตแกนนำกลุ่มธรรมยาตรา ทวงคืนเขาพระวิหาร เมื่อปี 2556 และเคยเป็นแกนนำขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติที่ชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อปี 2559 พร้อมคณะสงฆ์ แม่ชี และชาวบ้าน เข้ายื่นหนังสือโต้แย้งการจัดให้มีการวางเงินทุนประเดิม 1 ล้านบาทในการจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง ตามคำสั่ง คสช.13/2561 และการยกเลิกปรับปรุงกฎหมายพรรคการเมือง และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ให้อิสระแก่ประชาชนในการจัดตั้งพรรคการเมือง คือการมีผู้สมัครอิสระ และการยกเลิกการตัดสิทธิ์พระภิกษุในทางการเมืองและการเลือกตั้ง

พระสมาน กล่าวว่า ตนในฐานะผู้ก่อตั้งพรรคการนำใหม่ประชาชนปฏิวัติสันติ จะมายื่นมาขอจดจัดตั้งพรรค แต่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากติดปัญหาเงื่อนไขตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และคำสั่ง คสช. ที่แก้ไขแนวปฏิบัติ เกี่ยวกับการจัดตั้งพรรคการเมืองตามกฎหมายดังกล่าว ซึ่งเห็นว่าเงื่อนไขตามกฎหมาย ขัดต่อประชาธิปไตยและเสรีภาพส่วนบุคคล ที่ประชาชนจะเข้าไปเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย แต่มีการกำหนดให้ต้องมีทุนประเดิม 1 ล้านบาท ทำให้ประชาชนระดับล่าง ยากที่จะตั้งพรรคการเมือง ทำให้คนมีเงินเท่านั้นที่ตั้งพรรคการเมืองได้

“เพราะทุนประเดิมตั้งพรรคด้วยเงิน 1 ล้าน ทำให้คนคิดแต่เรื่องเงิน ไม่คิดถึงเรื่องประชาธิปไตย หรือเรื่องสิทธิตามธรรมชาติ การปกครองบ้านเราคุ้นเคยกับเผด็จการรัฐสภา หรือ เผด็จการนายทุนผูกขาด ที่ขึ้นกุมประเทศมายาวนาน ในนามพรรคปกครองทั้งหลายไม่ว่าจะทุนเก่า หรือ ทุนใหม่ จะคุ้นเคยกับแนวคิดทุนนิยม แต่ไม่คุ้นเคยกับแนวคิดประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นเขาจะทำอะไรก็จะคิดถึงเรื่องเงินก่อน” พระสมานกล่าว

พระสมาน ยังกล่าวว่า การห้ามพระยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ทั้งที่หลายประเทศก็ให้พระเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองได้ ด้วยการอ้างจารีตประเพณี ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ ที่ให้บุคคลมีเสรีภาพและความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ไม่มีประเทศใดๆ ในโลกนี้ไม่ว่าประเทศนั้นจะปกครองด้วยระบอบใด จะจำกัดหรือลิดรอนสิทธิ์ของพระภิกษุ นักบวช นักพรต ในทางการเมืองการปกครอง อีกทั้งพระภิกษุก็เป็นปวงชนย่อมมีสิทธิ์ในอำนาจอธิปไตย มีสิทธิ์ในการเลือกตั้ง

“กฎหมายจึงจำเป็นต้องถวายสิทธิ์ทางการเมืองการปกครองให้กับพระภิกษุ ส่วนท่านจะไปใช้สิทธิ์ หรือไม่ใช่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่จะต้องให้มีความเสมอภาคในการออกเสียงลงคะแนน”พระสมานกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน