‘ตู่จตุพร’เตือน’ตู่ดิจิทัล’ระวังจะโดน’รัฐประหาร’เหมือนในอดีตที่ผ่านมา?

‘ตู่จตุพร’เตือน – เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 19 ต.ค. ที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และผู้ร่วมก่อตั้งพรรคเพื่อชาติ (พช.) แถลงว่า เมื่อสัปดาห์ก่อนตนแถลงกรณีปล่อยข่าวเรื่องจับมือนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ และพระพุทธอิสระตั้งพรรคเพื่อชาติ วันนี้ต้องแถลงอีกครั้งเพราะมีปฏิบัติการข่าว (ไอโอ) ว่า

ตนกับนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา จะนำพรรคพช.ไปสนับสนุนพรรคพลังประชาชารัฐ (พปชร.) สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ต่อไป ซึ่งเป็นการกุข่าว 100% ตนรู้ว่าใครทำและขอประณามแต่ก็อโหสิให้ ถือเป็นการเอาความจริงไปผสมความเท็จ สร้างความรู้สึกให้กับผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลาย

'ตู่จตุพร'เตือน

ตนอยากบอกว่าปัจจุบันตนเป็นประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ไม่ใช่เป็นแนวร่วมประชาธิปไตยสนับสนุนเผด็จการแห่งชาติ ส่วนเรื่องข้อเสนอในการเปิดกว้างให้คนเห็นต่างในบ้านเมืองนี้ได้คุยกัน เพราะรัฐธรรมนูญฉบับของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ทำให้เกิดเรื่องได้ทุกเวลาถ้าฝ่ายการเมือง ประชาชน และเผด็จการ ไม่คุยกันเพื่อหาทางออก

แต่ไม่ได้หมายถึงว่าตนจะไปร่วมจัดตั้งรัฐบาล หรือให้ใครต้องเปลี่ยนจุดยืนทางการเมือง แค่ร่วมกันพูดคุยเพื่อให้ชาติพ้นวิกฤต เพราะรัฐธรรมนูญออกแบบไว้ไม่ให้พรรคใดพรรคหนึ่งได้เสียงเกินครึ่ง จะนายกฯ คนใน หรือคนนอกก็มีเรื่องหมด

'ตู่จตุพร'เตือน

นายจตุพรกล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นการแถลงข่าวของพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ในเรื่องการไม่การันตีว่าการปฏิวัติจะไม่เกิดขึ้นนั้น มีความพยายามไปแปลงสารที่ตนให้ความเห็นในเบื้องต้น ขึ่งขอชี้แจงเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบัน ตนและพสกนิกรทั้งชาติ ยืนหยัดตามแนวที่ พล.อ.อภิรัชต์ ได้กล่าวไว้ และยึดถือในพระกระแสรับสั่งในเรื่องความสามัคคีและความยุติธรรม

'ตู่จตุพร'เตือน

ส่วนประเด็นที่ไม่การันตีว่าการปฏิวัติจะไม่เกิดขึ้นนั้น ตนเห็นว่าเป็นการพูดอย่างตรงไปตรงมาที่สุด ถ้าเป็นภาษานักพนันเรียกว่าเป็นการเปิดไฮโลแทง ในอดีตเราชินกับคำพูดของ ผบ.ทบ.ทุกคนว่าข้าพเจ้าจะไม่ยึดอำนาจ แต่สุดท้ายก็ยึดอำนาจทุกครั้ง คนไทยมีความสุขกับการพูดเท็จ จึงไม่รู้ว่าการรัฐประหารครั้งสุดท้ายจะสิ้นสุดเมื่อไร มีการยึดอำนาจทุกคนโดยเฉพาะคนที่บอกว่าจะไม่ยึดอำนาจ สาเหตุคือการหยิบยกเรื่องการจลาจล ความแตกแยกของคนในชาติทั้งเหตุการณ์ 19 ก.ย.49 และ 22 พ.ค.57

ตนจึงเสนอทางออกว่าเราต้องลดเงื่อนไขระหว่างกัน เพราะการที่ ผบ.ทบ.พูดเหมือนกับเป็นการเปิดไฮโลให้แทง ถ้าเรายังแทงผิดทั้งที่เจ้าเปิดไฮโลแทงแล้ว เราคงเป็นคนที่ใช้ไม่ได้ เราต้องการการเลือกตั้งแต่อะไรจะเป็นเหตุไม่ให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งก็คือคำว่าไม่สงบ ซึ่งไม่สงบเทียม ไม่สงบจริง บ้านเมืองนี้สามารถทำขึ้นได้ทั้งนั้น จึงขอให้ทุกฝ่ายมีการพูดคุยกัน เพื่อไม่ให้เข้าเงื่อนไขที่ พล.อ.อภิรัชต์พูด

นายจตุพรกล่าวอีกว่า ในอนาคตถ้ารัฐประหารจะเกิดขึ้น ตนอยากให้คนไทยย้อนกลับไปดูการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 16 ก.ย.2500 ที่ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยึดอำนาจ จอมพล ป. พิบูลสงคราม โดยอ้างการเลือกตั้งสกปรก จึงทำให้ตัดสินใจยึดอำนาจผู้บังคับบัญชาตัวเอง ทั้งที่จอมพลสฤษดิ์ประกาศว่าจะไม่วัดรอยเท้า จอมพลป. จนเป็นประวัติศาสตร์ ที่ทำให้ประเทศไทยสูญเสียประชาธิปไตยไปกว่า 16 ปี

ทั้งนี้ ประเด็นฝ่ายการเมืองใช้กองทัพในการหาเสียง ถามว่ามีใครบ้างจะใช้ประโยชน์กองทัพถ้าไม่ใช่ผู้มีอำนาจ แต่มีประเด็นที่สร้างความสบายใจคือกองทัพจะสนองทุกรัฐบาล และกองทัพไม่มีวันชน ประชาชนถ้าประชาชนไม่แตกแยกและรู้เท่าทันสถานการณ์ ฝ่ายการเมืองเมื่อเรารู้โจทย์นี้เราต้องหาทางแก้ไขมากกว่าการประณามหยามเหยียด และพูดคุยกันเพื่อหาทางออกและเป็นสัญญาประชาคมร่วมกัน เพื่อไม่ให้นำไปสู่การยึดอำนาจอีกเหมือนในปี 2500 โดยตนเสนอให้ฝ่ายผู้มีอำนาจเป็นผู้เริ่มต้นในการพูดคุย

'ตู่จตุพร'เตือน

“ทั้งนี้ ในเมื่อการเลือกตั้งที่ไม่ยุติธรรมเป็นสาเหตุของการยึดอำนาจในอดีต ดังนั้นกรรมการต้องลาออกก่อนที่จะผันตัวมาเป็นผู้เล่นด้วย 4 รัฐมนตรีที่ยังไม่ลาออกจากตำแหน่งจะรออะไรอยู่ แค่ชื่อพรรคพลังประชารัฐที่เป็นนโยบายของรัฐบาลก็ได้เปรียบแล้ว รวมทั้งเพื่อจะเป็นแบบอย่างให้กับคนที่ใหญ่กว่าได้ทำตาม เมื่อจะเข้าสู่สนามเลือกตั้งก็ควรจะลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี การไม่ลาออกเป็นการตอกย้ำการเลือกตั้งที่อาจจะไม่สุจริต ซึ่งตนได้ยกประวัติศาสตร์ระหว่างจอมพลป.กับนายพลผ้าขาวม้าแดงขึ้นมาแล้วว่าสุดท้ายแล้วเป็นอย่างไร” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพรกล่าวอีกว่า ภายใต้แผ่นดินนี้จะออกมาสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ และการชุมนุมแบบเดิมจะเกิดขึ้นไม่ได้แล้ว ดังนั้น เราจึงต้องเรียกร้องผู้มีอำนาจให้เสียสละเพื่อบ้านเมือง การที่ไม่ยอมลาออกไม่เป็นผลดีอะไรเลย ท่านต้องมีสปิริต ไม่เช่นนั้นการเลือกตั้งจะเกิดวิกฤตซึ่งไม่อยากให้เกิดขึ้น ตนจึงชวนสู้ในกติกาที่เป็นธรรมและให้ประชาชนตัดสิน ส่วนประชาชนจะตัดสินใจอย่างไรทุกฝ่ายจะต้องน้อมรับ แต่ถ้าเลือกตั้งแล้วเหมือนปี 2500 ประวัติศาสตร์อธิบายว่าเมื่อเราเริ่มต้นอย่างไร ก็จะจบลงแบบนั้น ดังนั้น ขอย้ำว่าเราต้องช่วยกันอย่าให้เข้าเงื่อนไข

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน