“บิ๊กตู่” โทร.เตือน “บิ๊กติ๊ก” ให้ระวัง หลังเกิดกรณี “ฝายแม่ผ่องพรรณ” เมียปลัดกลาโหมยันไม่เครียด ย้ำชื่อฝายเป็นชาวบ้านตั้งให้ เซ็นเรียกค่าเสียหาย “จีทูจี”ส่อบานปลาย ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว สปท.ข้องใจ รมว.พาณิชย์เซ็นแทนนายกฯ อาจไม่ถูกต้อง ยื่น “วิษณุ” เคลียร์ให้ชัด “บุญทรง” จ่อยื่นศาลปกครองทุเลาคำสั่ง-ไต่สวนฉุกเฉิน ลั่นฟ้องทุกคนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนายกฯ ที่ไม่ยอม ลงนามเอง “มีชัย” เผยกลางต.ค.เห็นรูปร่าง กฎหมายลูก กกต.ท้ากรธ.เซ็ตซีโร่องค์กรอิสระ ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 3 ปชป. พิธีกร “สายล่อฟ้า” หมิ่น “ปู” คดีว.5 โฟร์ซีซั่นส์

“บิ๊กตู่” โทร.เตือน “บิ๊กติ๊ก”
เวลา 11.30 น. วันที่ 20 ก.ย. ที่สำนักงานปลัดกลาโหมศรีสมาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานอัญเชิญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานยังแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์ โดยนางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ภริยาและนายกสมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม มาร่วมงานด้วย

ออกงาน - พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกลาโหม พร้อมนางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ภริยาร่วมพิธีอัญเชิญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นประดิษฐานบนแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์ ที่สนง.ปลัดกระทรวงกลาโหม เมื่อ 20 ก.ย.

ออกงาน – พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกลาโหม พร้อมนางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ภริยาร่วมพิธีอัญเชิญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นประดิษฐานบนแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์ ที่สนง.ปลัดกระทรวงกลาโหม เมื่อ 20 ก.ย.

พล.อ.ปรีชา กล่าวว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาตนเดินทางไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ผลออกมาความดันปกติแต่มีปัญหาเรื่องปอด ส่วนกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องฝายชะลอน้ำที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ใช้ชื่อ “ฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา” รวมทั้งกรณีบริษัทที่บุตรชายถือหุ้นผ่านการประกวดราคาได้รับเหมา 2 โครงการของกองทัพภาค 3 ส่วนหน้า สร้างอาคารค่ายพ่อขุนผาเมือง ตึกแถวนายทหารประทวน โรงพยาบาลค่ายวชิรปราการ จ.ตาก มูลค่า 26.9 ล้านบาทในช่วงปี 2558-2559 ยืนยันว่าตนกับภริยาจะไม่ขอชี้แจงใดๆ พร้อมยอมรับว่านายกรัฐมนตรีในฐานะพี่ชายโทรศัพท์มาหาและเตือนให้ระวังตัว ผู้ใหญ่บอกว่าให้เงียบๆ ไม่ต้องชี้แจงอะไร ตนเชื่อว่าใครทำสิ่งใดไว้ ย่อมได้สิ่งนั้น

พร้อมพบปปช.-เมียยันไม่เครียด
พล.อ.ปรีชา ให้สัมภาษณ์หลังพิธีอีกครั้งกล่าวถึงกระเเสข่าวโจมตี เราไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง เมื่อทำถูกต้องก็สบายใจเรา ส่วนข่าวโจมตีที่มีกระเเสแรงขึ้นนั้นก็ให้สืบหาข้อเท็จจริงเอา สิ่งไหนไม่ถูกต้องก็ว่ากันไป เมื่อถามว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีหรือไม่ หากข้อเท็จจริงที่นำเผยแพร่ไม่ถูกต้อง พล.อ.ปรีชากล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีประเด็นใดกล่าวหาถึงตน เมื่อถามถึงการรับงานก่อสร้างของลูกชาย พล.อ.ปรีชากล่าวว่า อย่าไปยุ่งกับลูกชายเลย บริษัทนี้ลูกชายดำเนินการเองตนไม่เคยเกี่ยวข้อง เพราะตนย้ายมาดำรงตำแหน่งปลัดกลาโหมแล้ว ลูกตนตั้งบริษัทมา 5 ปีแล้ว

เมื่อถามว่านายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิ การสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ยื่นให้ป.ป.ช.ตรวจสอบกรณีต่างๆ พล.อ.ปรีชากล่าวว่า ถ้าป.ป.ช.ให้ไปชี้แจงข้อเท็จจริงก็ไปได้เพราะเรามีข้อมูลอยู่แล้ว คนเราทำอะไรก็ย่อมรู้แก่ใจ เมื่อถามว่าเพราะนามสกุลจันทร์โอชาหรือไม่ จึงถูกโจมตี พล.อ.ปรีชา ไม่ตอบ ได้แต่พยักหน้าแทน

ด้านนางผ่องพรรณกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า ช่วงนี้เรตติ้งกำลังแรง ขออยู่เฉยๆ ดีกว่า ไม่มีอะไร เราก็อยู่ของเรา ตั้งใจทำให้ชาวบ้าน ชื่อฝายชาวบ้านตั้งเอง เขาเรียกชื่อพ่ออุ้ยแม่อุ้ย เราบอกจะใช้ชื่ออะไรก็แล้วแต่ ชาวบ้านเลยใช้ชื่อแม่เพราะจำง่ายดี และตนไม่เครียด

ปปช.จ่อเรียกให้ข้อมูล
ที่รัฐสภา พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงนายศรีสุวรรณ ยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.ตรวจสอบพล.อ.ปรีชา และนายทหารระดับสูงอีก 3 คน ใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้แก่นางผ่องพรรณ กรณีฝายผ่องพรรณพัฒนา ว่า เมื่อมีผู้มาร้องเรียน ป.ป.ช.ได้รับเรื่องไว้ จากนี้จะต้องไปเก็บข้อมูลและแสวงหาข้อเท็จจริงเบื้องต้น เพื่อรายงานให้ที่ประชุมป.ป.ช.รับทราบต่อไป โดยทุกอย่างจะต้องว่าตามพยานหลักฐาน ซึ่งป.ป.ช.พร้อมให้ความเป็นธรรมกับ ทุกฝ่าย

ด้านนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวเรื่องเดียวกันว่า ป.ป.ช.ต้องนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริงเบื้องต้น ตรวจสอบว่าใช้งบประมาณอะไรดำเนินการและใช้งบถูกต้องหรือไม่ ขอดูในรายละเอียดก่อนคงต้องเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลข้อเท็จ จริงทั้งหมด

ที่กระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึงการยื่นหนังสือถึงป.ป.ช. สอบการตั้งชื่อฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา ว่า ไม่เกี่ยวกับตน ไม่เห็นมีประเด็นที่เกี่ยวกับศอตช. เมื่อถามว่าอาจเกี่ยวข้องกับงบประมาณ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ศอตช.ทำเรื่องข้อเท็จจริงเท่านั้นซึ่งกระทรวงกลาโหมได้ชี้แจงแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีเรื่องมาถึงศอตช.

“บิ๊กป้อม”ยันไม่มีความผิด
ที่ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการสร้างฝายที่ อ.ฝาง จ.เชียง ใหม่ ถูกวิจารณ์ถึงการใช้ชื่อฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา ตามชื่อนางผ่องพรรณ ภรรยาพล.อ. ปรีชา ปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชายนายกฯ ว่า เรื่องนี้ไม่มีอะไรและไม่มีความผิด รวมถึงไม่กระทบกับกระทรวงกลาโหมด้วย ตนยังไม่ได้คุยกับพล.อ.ปรีชา ในเรื่องนี้ ทั้งพล.อ. ปรีชาและภรรยาไม่ได้มีความทะเยอทะยานอยากเป็นใหญ่เป็นโตอยู่แล้ว การสร้างฝายเป็นคนอื่นทำให้และฝายก็ทำให้ประชาชน หากพล.อ.ปรีชาไม่ได้เป็นน้องนายกฯ ก็คงไม่เป็นข่าว แต่ก็ต้องระมัดระวังเพราะมีคนจับจ้องอยู่

ส่วนกรณีนายศรี สุวรรณ ยื่นป.ป.ช.ให้ตรวจสอบพล.อ.ปรีชา และพวก พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ให้ป.ป.ช.ตรวจสอบไป ไม่มีปัญหา ให้ทำตามกฎหมายทุกอย่าง

ลูกบิ๊กติ๊กได้งาน-ไม่เกี่ยวกห.
รอง นายกฯ กล่าวว่า ส่วนที่นายปฐมพล จันทร์โอชา ลูกชายพล.อ.ปรีชา ทำสัญญารับเหมาก่อสร้างกับกองทัพภาคที่ 3 ตนไม่ทราบ หากมีการตรวจสอบก็ให้ดำเนินตามกระบวน การ การประมูลต้องทำตามขั้นตอนและระเบียบ อีกทั้งมีคณะกรรมการต่างๆ เปิดซอง ดูว่าราคาที่ได้เหมาะสมหรือไม่ จากนั้นแม่ทัพภาค 3 ถึงจะลงนามได้ ไม่ได้เป็นเรื่องของกระทรวงกลาโหม

พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงฝ่าย การเมืองมองว่าการลงนามคำสั่งทางปกครองของนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ และน.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเรียกค่าเสียหายจากคดีโครงการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) แทนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. เป็นเรื่องไม่ถูกต้องว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมายซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ดูแลอยู่ไม่ขอก้าวก่าย แต่มองว่าถ้าทำไม่ได้เขาคงไม่ทำ สื่อไม่ต้องห่วงทุกอย่างต้องเดินตามกฎหมาย ถ้าไม่เดินตามกฎหมายมันทำไม่ได้

วิษณุไม่ตอบม.44 คุ้มครองจนท.
นาย วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการออกคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายคดีจีทูจี ว่า ในส่วนของจีทูจีได้เรียกเก็บค่าเสียหายจากนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ กับพวก 6 คนแล้ว ซึ่ง รมว.พาณิชย์ และปลัดกระทรวงพาณิชย์ได้ลงนามในคำสั่งทางปกครองแล้ว จากนี้ต้องแจ้งให้ ผู้ต้องชดใช้ค่าเสียหายทราบภายใน 30 วัน หากยังไม่ดำเนินการชดใช้จะแจ้งเตือนภายใน 15 วัน และจะมีผลทันที โดยกรมบังคับคดีสามารถดำเนินการได้ทันที ยกเว้นนายบุญทรง ร้องศาลปกครองและศาลปกครองออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้กระบวนการต้องหยุด เพื่อรอคำพิพากษาของศาล

เมื่อถามว่านายบุญทรงระบุไม่ได้รับ ความเป็นธรรม นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ พร้อมปฏิเสธจะตอบคำถามว่าการใช้มาตรา 44 คุ้มครองเจ้าหน้าที่ทำถูกหรือไม่

ยื่น”วิษณุ”เคลียร์ปมลงนามแทน
เวลา 13.45 น. นายพูลเดช กรรณิการ์ ผู้เชี่ยวชาญประจำตัวสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เข้ายื่นหนังสือถึงนายวิษณุ ผ่านคณะทำงาน โดยระบุว่า ขอให้นายวิษณุ พิจารณาหรือส่งให้คณะกรรมการกฤษ ฎีกาพิจารณาเรื่องที่รมว.พาณิชย์ ลงนามในหนังสือคำสั่งบังคับทางการปกครองเรียก ค่าเสียหายจีทูจี กับนายบุญทรง และพวกรวม 6 คน แทนนายกฯ ว่าสามารถทำได้และถูกต้องหรือไม่ และจะมีผลทางกฎหมายในการดำเนินการเรียกค่าเสียหายแก่รัฐหรือไม่ รวมทั้งกรณีรมว.พาณิชย์ มอบหมายให้น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ลงนามแทน มีความจำเป็นและถือว่าเป็นการมอบอำนาจลงนามซ้ำซ้อนหรือไม่

นายพูลเดชกล่าวว่า เนื่องจากคณะกรรม การกฤษฎีกาเคยทำหนังสือตอบกลับมายังกระทรวงพาณิชย์ว่าผู้ที่มีอำนาจลงนามคือ นายกฯ กับรมว.พาณิชย์ ซึ่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศระบุเองว่าจะเป็นใครคนใดคนหนึ่งลงนามก็ได้ หรือจะลงนามทั้งสองคนก็ได้ ดังนั้น หมายความว่ารมว.พาณิชย์ สามารถลงนามคนเดียวก็ได้ทำให้นายกฯไม่ต้องลงนามเอง การลงนามแทนนายกฯจึงน่าจะทำไม่ได้และไม่ถูกต้อง และอาจมีผลต่อการเรียกค่าเสียหายกรณีการขายข้าวแบบจีทูจีเป็นโมฆะในภายหลัง หากนายบุญทรงและพวกรวม 6 คนหยิบยกนำประเด็นนี้ขึ้นมาสู้คดี ซึ่งอาจทำให้รัฐไม่สามารถเรียกคืนความเสียหายได้จึงขอให้นายวิษณุทบทวนให้ รอบคอบอีกครั้งเพื่อรักษาประโยชน์ของประเทศ

ยันยึดทรัพย์ทำคู่คดีอาญาได้
นาย ดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวกรณีนายบุญทรง ระบุไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากมีการเรียกค่าเสียหายกรณีจีทูจี ก่อนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสิน ว่า เรื่องการเรียกค่าเสียหายกับการดำเนินคดีอาญาในศาลฎีกาฯ เป็นการดำเนินการคนละส่วนกัน การเรียกค่าเสียหายเป็นการดำเนินการตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้า หน้าที่ พ.ศ.2539 สามารถดำเนินการควบคู่กันไปได้ ในอดีตเคยมีลักษณะแบบนั้น ส่วนผู้ที่ถูกเรียกค่าเสียหายจะต่อสู้อย่างไรถือเป็นสิทธิ

“บุญทรง”จ่อยื่นศาลปกครอง
นาย บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กำลังรอเอกสารจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งอย่างเป็นทางการก่อน จากนั้นจะยื่นขอทุเลาคำสั่งและไต่สวนฉุกเฉิน เชื่อว่าศาลปกครองจะรับคำร้องเพราะถือเป็นสิทธิ์ในการพิสูจน์ว่าคำสั่งออกมา โดยชอบและมีกระบวนการครบถ้วนตามกฎหมายหรือไม่

นายบุญทรง กล่าวว่า ยืนยันว่าจะฟ้องกลับทั้งทางอาญาและแพ่งกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดตามสิทธิ์ที่ ทำได้ เพราะการนำมาตรา 44 มาใช้ทั้งที่มีกฎหมายดำเนินการได้ตามขั้นตอนอยู่แล้วถือเป็นการลัดขั้นตอน เร่งรัดให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่รัฐบาลตั้งธงไว้ รวมทั้งการที่นายกฯ มอบให้รัฐมนตรีลงนามแทนทั้งที่ตามพ.ร.บ.เรียกให้ชดใช้ความผิดทางละเมิดใน ระดับรัฐมนตรี กำหนดให้นายกฯ เป็นผู้ลงนามเท่านั้น ซึ่งนายกฯ ต้องชี้แจงในชั้นศาลด้วย คดีนี้เป็นคนละส่วนกับคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งถูกฟ้องความผิดตามมาตรา 157 จึงไม่ควรนำมาเชื่อมโยงกันเพราะจะไม่เป็นธรรมกับอดีตนายกฯ

นาย บุญทรงกล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับความเป็นธรรมจากฝ่ายปกครอง ไม่ฟังคำ ชี้แจงใดๆ และการใช้สำนวนของ ป.ป.ช.มาเป็นหลักฟ้องเรียกค่าเสียหายก็ใช้สำนวนเดียวกับคดีอาญาที่ยังอยู่ใน กระบวนการไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองอยู่ขณะนี้ ถือว่าไม่ถูกต้อง จึงหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากศาล ยืนยันว่าการดำเนินการที่ผ่านมาไม่มีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นในการระบายข้าว ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้ทำสัญญาระบุตัวเลขและได้รับการชำระเงินครบถ้วน สมบูรณ์ จึงมั่นใจว่าสิ่งที่ทำไปบริสุทธิ์และโปร่งใส

กกต.ปรับแก้ร่างพรบ.กกต.
เวลา 15.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง แถลงหลังการประชุมกกต. ว่า ที่ประชุมพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต. ตามที่คณะทำงานเสนอ กกต.ปรับแก้หลายประเด็นคาดว่าแก้ไขแล้วเสร็จวันที่ 22 ก.ย.นี้ และประธานกกต.จะลงนามส่งกรธ.ต้นสัปดาห์หน้า กกต.ทั้งคณะขอนัดกรธ.ที่จะหารือร่างดังกล่าวในวันที่ 29 ก.ย.นี้ เบื้องต้นนายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ด้านสืบสวน และนายประวิช รัตนเพียร กกต.ด้านมีส่วนร่วม แจ้งที่ประชุมว่าพร้อมเดินทางไปชี้แจงด้วยตนเอง เนื่องจากวันที่ 26 ก.ย. กกต.จะหารือร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.

นาย สมชัยกล่าวว่า การพิจารณาเบื้องต้นของกกต.เห็นชอบในหลัก 4 ป. ของร่างกฎ หมายดังกล่าว คือ 1.ประสิทธิผล 2.ประสิทธิ ภาพ 3.ประหยัด และ 4.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยมีกลไกที่จะทำให้การทำงานสำเร็จได้ 3 ส่วน คือ กกต.กลาง ยึดตามร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 273 ที่บัญญัติให้กกต.ชุดปัจจุบันดำรงตำแหน่งจนครบวาระ

แย้งกรธ.เซ็ตซีโร่กกต.
นาย สมชัยกล่าวว่า ส่วนการสรรหากกต.ใหม่ 2 คน ตามร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 222 เพื่อให้กกต.มีองค์ประกอบครบ 7 คน ตามที่ร่างรัฐธรรมนูญกำหนดนั้น ต้องมาจากการสรรหาของคณะกรรมการสรรหา เนื่องจากคณะนี้สัดส่วนของกกต.ปัจจุบันมาจากคณะกรรมการสรรหาแล้ว 3 คน จะมาจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาไม่ได้ เพราะ 2 คนจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาที่ร่างรัฐธรรมนูญกำหนดนั้นเป็นสัดส่วนที่ครบแล้ว ในกกต.ชุดปัจจุบัน จึงถือว่าโควตาจากศาลฎีกาเต็มแล้ว

นายสม ชัยกล่าวว่า สำหรับข้อเสนอจาก กรธ.ว่าอาจให้สรรหากกต.ใหม่ทั้งหมด 7 คน อยากให้ไตร่ตรองให้ดี เพราะการสรรหาใหม่ไม่ทำให้เกิดผลดี เนื่องจากกระบวนการสรรหาต้องใช้เวลา 2 เดือน โดยหลังพ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งมีผลใช้บังคับ ต้องสรรหาส.ว.ภายใน 5 เดือน ถ้าให้กกต.เริ่มใหม่หมด กกต.ชุดใหม่จะมีเวลาเตรียมงาน 2-3 เดือนซึ่งไม่เป็นผลดีกับบ้านเมือง เพราะกกต.มือใหม่จะไม่ทันกับฝ่ายการเมือง หรือถ้าจะอ้างว่าคุณสมบัติของกกต.ชุดเก่าแตกต่างกับร่างรัฐธรรมนูญกำหนด หากเป็นเช่นนั้นก็ต้องเปลี่ยนศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการป.ป.ช. คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ด้วย เพราะใช้หลักการคุณสมบัติในข้อเดียวกัน อยากถามกลับกรธ. ว่ากล้าพูดให้ดังไหมว่าจะเซ็ตซีโร่องค์กรอิสระเหล่านี้ด้วย

ส่วน ที่อ้างว่ารัฐธรรมนูญต้องการให้วาระกกต.หมดพร้อมกัน กกต.เห็นว่าการเหลื่อมการพ้นวาระเป็นผลดีมากกว่าที่จะออกแบบให้หมดวาระพร้อม กัน เพราะจะทำให้เหลือคนที่รู้งานส่งต่อประสบการณ์ รูปแบบเดิมที่กำหนดให้กกต.ซึ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนคนเก่าที่หมดวาระ โดยให้วาระการดำรงตำแหน่งเหลือเท่าวาระกกต.ที่มีอยู่ ไม่จูงใจให้คนมาเป็นกรรมการองค์กรอิสระ

ไม่โละกกต.จว.-แต่ลดอำนาจ
นาย สมชัยกล่าวว่า ส่วน กกต.จังหวัด ยังคงยืนยันให้มี 5 คน แม้กฎหมายนี้บังคับใช้แล้วก็จะไม่โละกกต.จังหวัดเดิม แต่จะสรรหาใหม่ใน 14 จังหวัดที่จะครบวาระ แต่จะมีการเปลี่ยนอำนาจหน้าที่ เช่น ไม่ต้องมีการพิจารณา สำนวนคดีเลือกตั้ง โดยส่งตรงให้กกต.กลางพิจารณาและเปลี่ยนจากให้เงินเดือนเป็นจ่ายเบี้ยประชุม ลดงบประมาณ 3-4 เท่า นอกจากนี้ จะเสนอให้ร่างพ.ร.บ.สำนักงานคณะกรรม การการเลือกตั้ง โดยทำคู่ขนานกับการเสนอร่างพ.ร.บ.กกต.นี้ นอกจากนี้ ได้กำหนดอำนาจ สืบสวนสอบสวน เพื่อทำให้การทำงานรวด เร็วมากขึ้น ลดขั้นตอนการพิจารณาใบเหลือง ใบแดงระดับจังหวัด โดยให้สำนวนส่งตรงถึงส่วนกลาง ซึ่งมีการกำหนดเกณฑ์พิจารณาใบเหลือง และใบส้มต้องเสร็จก่อนประกาศผล

สำหรับใบแดงต้องพิจารณาแล้ว เสร็จภายใน 6 เดือนหลังเลือกตั้ง รวมทั้งกำหนดโทษข้าราชการที่ไม่ให้ความร่วมมือส่งผลให้การเลือกตั้งเสียหาย ผิดอาญาทันที จะทำให้ไม่เกิดภาพการไม่ให้ใช้สถานที่ของหน่วยราชการ สำหรับการป้องปราบการทุจริต มีการจัดตั้งกองทุนป้องกันและปราบปรามการทุจริต ให้รัฐสนับสนุนงบประมาณและประชาชนบริจาคเงิน เพื่อเป็นเงินรางวัลแก่ ผู้แจ้งเบาะแส ช่วยเหลือผู้แจ้งเบาะแสกรณีถูกฟ้องกลับ มีกลไกการคุ้มครองพยาน เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน มีอำนาจเรียกบุคคลมาให้ปากคำได้

กลางต.ค.เห็นรูปร่างกฎหมายลูก
ที่ รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมถึงการพิจารณาร่างพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และว่าด้วยพรรคการเมือง ที่กกต. เป็นผู้เสนอว่า ส่วนใหญ่กกต.เขียนสอดคล้องตามร่างรัฐ ธรรมนูญ แต่มีบางเรื่องที่ยังไม่เข้าใจแนวคิดเรา จึงเขียนมาตามที่กกต.เข้าใจ คงต้องปรับแก้ให้ออกมาดีที่สุด อย่างการกำหนดโทษเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เขียนมาในลักษณะรวมๆ กรธ.ต้องมาดูเป็นจุดๆ ว่าผิดหนักเบาแค่ไหนจะได้จับใส่ให้ถูก อันไหนโทษเบา กลาง หนัก เขียนบอกว่าอะไรอยู่ระดับไหน จะได้ไม่ขึ้นกับดุลพินิจอย่างเดียวจะได้รู้ว่าหากทำแบบนี้แล้วจะเป็นอย่างไร กรธ.หาหนทางอยู่ ทั้งนี้ กรธ.ยังไม่สรุปว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ ต้องรอรับฟังความเห็นในวันที่ 28 ก.ย.อีกครั้ง และจากนั้น 2-3 สัปดาห์จึงจะเริ่มเห็นรูปร่าง

เมื่อถามถึงข้อเสนอจากกกต. เช่น การเพิ่มค่าสมัครรับเลือกตั้ง การกำหนดพื้นที่ประชา สัมพันธ์และการดีเบตแคนดิเดตนายกฯ นายมีชัยกล่าวว่า เขากำหนดว่าสมัครหนึ่งหมื่นบาทแต่ถ้าชนะจะคืนให้ห้าพันบาท การกำหนดพื้นที่ประชาสัมพันธ์ให้เท่ากันเป็นแนวคิดมาจากประเทศญี่ป่น ต้องดูบริบทของไทยอีกที ถ้าค่าใช้จ่ายถูกก็ช่วยคนจนลงสมัครรับเลือกตั้งได้ เท่าที่ฟังจากกกต. เขตหนึ่งจะกำหนดพื้นที่ติดป้ายไว้ 200-300 จุด ถ้าผู้สมัครไปติดกันเองต้องใช้เงินเป็นแสน แต่ถ้ากกต.บอกเอามา 5,000 บาท สตางค์ที่ต้องเสียก็จะน้อยลง

เครนล้ม - เครนก่อสร้างเรือนรับรอง ด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ล้มลงฟาดกับตึกสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขณะเตรียมเคลื่อนย้าย ทำให้รถยนต์เสียหาย 4 คัน เมื่อวันที่ 20 ก.ย.

เครนล้ม – เครนก่อสร้างเรือนรับรอง ด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ล้มลงฟาดกับตึกสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขณะเตรียมเคลื่อนย้าย ทำให้รถยนต์เสียหาย 4 คัน เมื่อวันที่ 20 ก.ย.

ระทึกรถเครนล้มในทำเนียบ
เวลา 08.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เกิดเหตุระทึก เมื่อรถเครนขนาดใหญ่ของบริษัทเอสเอส เอ็ม ซี เครน ถล่มลงเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ขณะเริ่มก่อ สร้างอาคารเรือนรับรองด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า ทำให้รถยนต์ข้าราชการที่จอดหน้าตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เสียหาย 4 คัน คนขับรถเครนบาดเจ็บ 1 คน ทราบชื่อคือ นายสุริยา นามโพธิ์ชัย อายุ 36 ปี บาดเจ็บที่ขาซ้ายและสะโพก ถูกนำส่งโรงพยาบาลกลาง

นาย อำพน กิตติอำพน เลขาธิการครม. กล่าวว่า เบื้องต้นรายงานให้เลขาธิการนายกฯที่ติดตามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไปประชุมที่สหรัฐรับทราบและนายกฯก็ทราบเรื่องแล้ว โชคดีของตนเพราะทุกวันอังคารเวลา 08.00 น. ต้องนำเอกสารการประชุมให้นายกฯเซ็น ต้องเดินผ่านเส้นทางดังกล่าว อาคารดังกล่าวเพิ่งทำบุญไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาแต่ไม่อยากให้คิดมากเป็น เพียงอุบัติเหตุ

ขรก.วิจารณ์อาเพศ
ผู้สื่อ ข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุข้าราชการจับกลุ่มวิจารณ์อย่างมาก เนื่องจากบริเวณ ดังกล่าวเกิดเหตุการณ์ร้ายถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกต้นไม้ใหญ่โค่นล้มทับรถยนต์เจ้าหน้าที่ระหว่าง พายุฝนเมื่อ 8 มี.ค.2558 และมาเกิดเหตุซ้ำครั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตการสร้างอาคารเรือนรับรองหลังใหม่สร้างคร่อมคลองซอยของ คลองผดุงกรุงเกษมเพื่อเชื่อมตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเป็นตึกใหญ่ตึกแรกของบ้านนรสิงห์ และยังเชื่อมต่อตึกนารีสโมสร ซึ่งเป็นอีกตึกที่มีความสำคัญมาก จึงเกิดอาเพศครั้งนี้ แม้จะทำบุญบวงสรวงในการลงเสาเอกไปเมื่อ 16 พ.ค.แล้วก็ตาม และครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่สุดของทำเนียบรัฐบาล แต่โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต

พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เผยหลังตรวจที่เกิดเหตุว่า จากรายงานเบื้องต้นทราบว่าอุบัติเหตุเกิดจากเรื่องทคนิค ขายึดรถเครนอาจไม่แน่น ส่วนจะแจ้งข้อกล่าวหาผู้รับเหมาหรือไม่นั้น ความผิดในทางอาญากรณีประมาท ทำให้เสียทรัพย์ไม่มี คงเป็นการรับผิดชอบในทางแพ่ง ยืนยันว่าเป็นเรื่องภายใน

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่าย ทางบริษัทก่อสร้างนำรถเครน 2 คัน เข้ามากู้รถเครนที่ล้ม แต่ต้องหยุดชะงักเนื่องจากฝนตกอย่างหนัก แต่เมื่อฝนซาเจ้าหน้าที่จึงดำเนินการต่อแต่เป็นไปอย่างยากลำบาก ใช้เวลานานกว่า 5 ชั่วโมง เนื่องจากพื้นที่คับแคบมาก อีกทั้งต้องระวังว่าเครนอาจดีดตัวไปกระแทกกับตัว อาคารสลค.ที่อยู่ใกล้มากอีกด้วย ทั้งนี้ทางบริษัทก่อสร้างได้ชดใช้และรับผิดชอบค่าเสียหายให้ทั้งหมด

กสม.สงสัยปมศาลทหาร-พลเรือน
นาย วัส ติงสมิตร ประธานกสม. กล่าวถึงการดำเนินคดีแก่พลเรือนในศาลทหารว่า กสม.มีข้อสังเกตว่าหลังคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 55/2559 มีผลใช้บังคับวันที่ 12 ก.ย. 2559 แต่ไม่ปรากฏบทเฉพาะกาล อาจมีปัญหาเกิดขึ้นหลายประการ เช่น พลเรือนซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 37/2557 ฉบับที่ 38/2557 และฉบับที่ 50/2557 ก่อนวันที่คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 55/2559 จะมีผลใช้บังคับ โดยยังไม่มีการดำเนินคดีแก่พลเรือนนั้น หากต่อมาจับกุมพลเรือนนั้นมาดำเนินคดี จะดำเนินคดีที่ศาลทหารหรือศาลยุติธรรม หรือคดีที่พลเรือนถูกกล่าวหาว่าทำความผิดตามประกาศ คสช.ดังกล่าว ที่ค้างอยู่ในศาลทหาร โต้แย้งอำนาจการพิจารณาคดีของศาลทหารและประสงค์จะยื่นคำขอให้โอนคดีไปยังศาล ยุติธรรม มีปัญหาที่ต้องพิจารณาว่าศาลยุติธรรมจะรับโอนคดีจากศาลทหารได้หรือไม่ เนื่องจากพ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร 2498 บัญญัติเรื่องการโอนคดีหรือส่งผู้ต้องหาไปดำเนินคดีระหว่างศาลทหารด้วยกัน เท่านั้น

“รวมทั้งมีปัญหาด้วยว่าหลังจากมีพระ บรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เลิกใช้กฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2558 แล้ว ศาลทหารในเวลาไม่ปกติจะยังมีอำนาจพิจารณาคดีที่พลเรือนถูกกล่าวหาว่ากระทำ ความผิดหรือไม่ กรณีดังกล่าวอาจต้องอาศัยกลไกของคณะกรรมการวินิจฉัยอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล 2542 ในการแก้ปัญหา จึงเห็นควรแจ้งให้องค์กรที่เกี่ยวข้องทราบต่อไป” นายวัสกล่าว

“บิ๊กตู่”โชว์ยูเอ็น-แก้ปัญหาผู้ลี้ภัย
วัน ที่ 20 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 71 ระหว่างวันที่ 18-25 ก.ย.ว่า นายกฯ พร้อมนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เดินทางถึงนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาแล้ว เมื่อถึงโรงแรมที่พักมีคนไทยจากหลายรัฐในสหรัฐ สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว มีรูปนายกฯ พร้อมข้อความ We love you, “uncle Tu” มาต้อนรับ มอบดอกกุหลาบพร้อมตะโกนให้กำลังใจว่า “ลุงตู่สู้ๆ” แม้จะมีฝนตกลงมาก็ตาม โดยนายกฯกล่าวขอบคุณที่มาให้กำลังใจ และเรียกภริยาให้ไปรับดอกกุหลาบ ร่วมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

ช่วงค่ำนายกฯ หารือและกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ให้ความร่วมมือในการทำงาน และกล่าวอวยพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกฯด้วย

สำหรับการภารกิจระหว่างร่วมประชุมนั้น เวลา 08.00 น. วันที่ 20 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งช้ากว่าไทย 11 ชั่วโมง นายกฯ จะเดินทางไปที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อร่วมงานเลี้ยงรับรอง ซึ่งเลขาธิการยูเอ็นและภริยา เป็นเจ้าภาพต้อนรับประมุขและหัวหน้ารัฐบาลที่เข้าร่วมการประชุม จากนั้นเวลา 08.30 น. นายกฯเข้าร่วมงานครบรอบ 1 ปี การรับรองวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ร่วมการเปิดอภิปรายทั่วไปการประชุมสมัชชาสหประชาชาติฯ เวลา 11.35 น. เข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งจอร์แดน เพื่อหารือทวิภาคีเวลา 13.15 น. เลขาธิการยูเอ็นเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันอย่างเป็นทางการ

เวลา 15.30 น. นายกฯ ร่วมประชุมสุดยอดระดับผู้นำด้านผู้ลี้ภัย ซึ่งมีนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ เป็นประธานการประชุม และเป็นผู้ริเริ่มแนวคิดให้จัดประชุมนี้เป็นครั้งแรก โดยนายกฯจะกล่าวถ้อยแถลงถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยที่ผ่านมาของรัฐบาล ไทย และแนวทางแก้ปัญหาการโยกย้ายถิ่นขนาดใหญ่อย่างผิดปกติ จากนั้นเวลา 19.00 น. นายกฯและภริยาจะร่วมงานเลี้ยงรับรอง ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐและภริยาเป็นเจ้าภาพ เพื่อเป็นเกียรติแก่ประมุข หัวหน้ารัฐบาลที่เข้าร่วมประชุมและคู่สมรส

คุก1ปีรออาญา-3พิธีกรหมิ่น”ปู”
วัน ที่ 20 ก.ย. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.630/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นโจทก์และโจทก์ร่วมยื่นฟ้องนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต อดีตส.ส.บัญชี รายชื่อ, นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช และนายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ดำเนินรายการ “สายล่อฟ้า” เป็นจำเลย 1-3 ความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา และดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 326, 328 และ 332 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 และ 15 ก.พ. 2555 จำเลยจัดรายการมีเนื้อหาหมิ่นประมาทใส่ความน.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำนองว่าไม่เข้าร่วมภารกิจประชุมของรัฐสภา และน่าจะไปกระทำภารกิจ ว.5 ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจำคุก ทั้งสามคนละ 1 ปี ปรับคนละ 5 หมื่นบาท แต่ไม่เคยต้องโทษมาก่อนจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี ต่อมาจำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์

วันนี้ทั้งนายชวนนท์ นายเทพไท และนายศิริโชค เดินทางมาฟังคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยไม่ได้แสดงความเห็นโดยสุจริต แต่พูดชี้นำในรายการ ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับที่จำเลยอ้าง และจำเลยไม่ได้นำสืบข้อเท็จจริงในการต่อสู้คดี ที่จำเลยอุทธรณ์มานั้นยังรับฟังไม่ได้ ส่วนที่โจทก์ร่วมขอให้ลงโทษจำเลยโดยไม่รอการลงโทษนั้นศาลเห็นว่าตัวโจทก์ ร่วมเองก็ไม่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเหตุการณ์ให้กระจ่าง การกระทำจำเลยต้องการให้โจทก์ร่วมชี้แจง เป็นเจตนาดีสมควรให้รอการลงโทษ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามาศาลอุทธรณ์เห็น พ้องด้วย พิพากษายืนจำคุกทั้งสามคนละ 1 ปี ปรับคนละ 5 หมื่นบาท โทษจำให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี

ภายหลังฟังคำพิพากษา นายเทพไทขอปรึกษาทนายความก่อนว่าจะยื่นฎีกาต่อสู้คดีหรือไม่ เนื่องจากสองศาลพิพากษาตรงกัน หากจะยื่นฎีกาต่อสู้คดีจะต้องขออนุญาตฎีกา

รองผวจ.ตรังยื่นฎีกา-มท.-นายกฯ
เวลา 09.09 น. วันที่ 20 ก.ย. ที่กระทรวงมหาดไทย นายสายัณห์ อินทรภักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมลูกสาว 2 คน เดินทางไปสักการะอนุสาวรีย์สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ จากนั้นยื่นหนังสือถึงพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผ่านกองกลาง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อร้องขอความเป็นธรรม กรณีการแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าฯ ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 13 ก.ย.

นายสายัณห์กล่าวว่า มายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม อยากให้ทบทวนการแต่งตั้งรอง ผู้ว่าฯ ที่มีความอาวุโสน้อยเพียง 1-2 ปี มีการใช้ระบบอุ้มชูอุปถัมภ์และสนับสนุนให้ขึ้นเป็นผู้ว่าฯ เร็วไปหรือไม่ ตนมีอาวุโสถึง 8 ปี 4 เดือน ขณะที่รองผู้ว่าฯ บางคนมีอายุราชการเพียง 1-2 ปี กลับได้ขึ้นตำแหน่งผู้ว่าฯ จำนวนมาก ยืนยันไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเพราะเหลืออายุราชการเพียง 1 ปี แต่ทำเพื่อคนรุ่นต่อไป หากปล่อยให้ระบบเป็นแบบนี้ต่อไปจะทำลายขวัญกำลังใจ ทำลายระบบการแต่งตั้ง ผู้ที่ได้ขึ้นเป็นผู้ว่าฯ ก็ไม่สง่างาม

นาย สายัณห์กล่าวว่า อยากให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาข้อร้องเรียนให้เสร็จภายในวันที่ 25 ก.ย.นี้ หากไม่ได้รับความเป็นธรรมจะยื่นร้องต่อศาลปกครองและคณะกรรมการพิทักษ์ระบบ คุณธรรม (กพค.) ต่อไป แต่หากได้รับความเป็นธรรมจะขอลาออกจากตำแหน่งทันที

จาก นั้นเวลา 09.30 น. นายสายัณห์พร้อมลูกสาว ได้ไปยื่นถวายฎีกาต่อที่สำนักพระราชวัง ก่อนยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อนายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยผ่านเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการประชาชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน