‘โอ๊ค’ ประกาศเชียร์! พรรคที่เอาทหารกลับเข้ากรมกอง ไม่เอาเผด็จการ!

พานทองแท้ เชียร์ทุกพรรค – 12 ต.ค. นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กแฟนเพจ ถึงกรณีของพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย-เผด็จการ เผย “ตนเชียร์ทุกพรรค รักทุกคน ที่อยู่ฝั่งประชาธิปไตย การเมืองมีเพียง 2 ทิศทางเท่านั้น” โดยระบุว่า

“พานทองแท้ เชียร์ทุกพรรคฯ รักทุกคน ที่อยู่ฝั่งประชาธิปไตย” ครับ

พรรคฝั่งประชาธิปไตย ผมหมายรวมถึงทุกพรรค ที่ชัดเจนในนโยบายว่าพรรคของตนจะไม่สนับสนุนเผด็จการ ในการสืบทอดอำนาจทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นพรรคที่แตกออกมาจากพรรคเก่า หรือจะเป็นพรรคที่เพิ่งเข้ามาในสนามการเมืองใหม่ก็ตาม สรุปง่ายๆ คือ

“ไม่ว่าคุณคือพรรคไหน ถ้าคุณไม่เอาเผด็จการ เราคือเพื่อนกัน”

หมดเวลาที่พรรคการเมืองจะตั้งหน้าตั้งตาทะเลาะกันแล้ว ที่ผ่านมารัฐธรรมนูญฉบับปี 40 ถูกเขียนขึ้นเพื่อให้พรรคการเมืองแข็งแรง การรวมพรรคให้ใหญ่จึงเป็นจุดแข็งทางการเมือง พรรคการเมืองย่อยๆ จึงไปรวมกันเป็นพรรคใหญ่ แยกเป็น 2 ขั้วชัดเจน ซึ่งถ้าแต่ละฝ่ายมีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะกัน ก็น่าจะไปได้ดีไม่มีปัญหาอะไร

ปรากฏว่าการทำงานในสภากลับไม่เป็นเช่นนั้น ฝ่ายหนึ่งเสนออะไรอีกฝ่ายค้านเรียบ ค้านตะบี้ตะบัน นโยบายดีไม่ดีอย่างไรกรูค้านเรียบ ค้านไม่ชนะในสภาก็ดึงกองเชียร์ออกมาร่วมค้านกลางถนนด้วย จนทหารถือโอกาสอ้างความขัดแย้งทางการเมือง ออกมากระทำรัฐประหาร และสถาปนาตัวเองเป็นรัฏฐาธิปัตย์ อย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้

รัฐประหารแล้ว ประเทศชาติโดยรวมเป็นอย่างไร ก็อย่างที่เราสัมผัสได้ไนทุกวันนี้ นอกจากการบริหารและปกครองประเทศแบบทหารๆ ที่เราต้องทนกันมา 4-5 ปีแล้ว รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังแอบแฝงไว้ด้วยกระบวนการในการคิดคะแนนเลือกตั้งที่พิสดารพันลึกไว้อีกด้วย

จากที่พรรคการเมืองยิ่งมีขนาดใหญ่ ยิ่งควรจะมีเสถียรภาพมากขึ้น กลับตรงกันข้าม เพราะรัฐธรรมนูญใหม่ถูกออกแบบไว้ให้พรรคขนาดใหญ่ที่มี ส.ส.เขตชนะเลือกตั้งจำนวนเยอะๆ จะได้ปาร์ตี้ลิสต์น้อยลง ส่วนพรรคการเมืองที่ส่งส.ส.ลงเยอะๆ แต่แพ้ซ้ำซาก มีเขตที่แพ้มากกว่าเขตชนะ ยิ่งแพ้มากเขต ยิ่งได้โบนัสเป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เป็นกอบเป็นกำ

ซึ่งเมื่อเรามาคำนวณดูแล้ว พรรคที่ชนะเขตมากๆ อาจไม่มีส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เลยแม้แต่คนเดียว แต่พรรคที่แพ้เลือกตั้งหลายๆ เขต จะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เป็นกอบเป็นกำ ยิ่งแพ้มากเขตยิ่งได้ปาร์ตี้ลิสต์มากขึ้นเป็นเงาตามตัว อ้าว..ไหงงั้นหล่ะ!!

ในเมื่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ อยากให้พรรคใหญ่มีขนาดเล็กลง ในวันนี้เราจึงได้เห็นการตั้งพรรคการเมืองใหม่ๆ ขึ้นมาเต็มไปหมด ไอ้ที่ว่าแตกแบงก์ร้อยแบงก์พันอะไรนั่น ไม่เห็นมีใครไม่แตกเลยสักคน แตกออกจากพรรคเดิมบ้าง แตกออกมาจากทำเนียบบ้าง จากค่ายทหารบ้าง วุ่นกันไปหมด ก็เล่นเขียนมาแบบนี้

คนของรัฐบาลเผด็จการที่ชอบด่าว่านักการเมืองเลว ก็ส่งนอมินีมาตั้งพรรค แตกตัวออกมาจะได้เป็นนักการเมืองเสียเอง

คนที่เคยสัญญาทั้งผ้าเหลืองว่าจะไม่ยุ่งการเมืองแหล่ว ผมพอแหล่ว ไม่เอาไรแหล่ว ก็แตกหน่อจากพรรคเก่าแก่ ออกมาเป็นพรรคใหม่

นักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง ไม่เคยคิดจะเป็นนักการเมือง ก็ตั้งพรรคการเมืองเอง

ลูกหลานนักการเมืองและอดีตส.ส. ที่คำนวณแล้วว่าอยู่ในพรรคใหญ่ก็ไม่ได้ปาร์ตี้ลิสต์ ต่างก็ชวนพรรคพวกที่สนิทสนมกัน แยกย้ายกันไปตั้งพรรคใหม่ โดยไม่ต้องง้อพรรคใหญ่ให้ยุ่งยาก ได้เป็นส.ส.ง่ายกว่าเยอะ ตั้งพรรคขึ้นมามีคนเลือก 7 หมื่นคนก็ได้เป็นส.ส.แล้ว 1 คน ช่วยกันหามาสัก 7 แสนคน ก็ได้ส.ส.แล้ว 10 คน เป็นพรรคไซซ์มินิพอดีๆ ไม่เสียเปรียบใคร

รูปแบบของการต่อสู้ทางการเมืองแบบใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว จากผลพวงของรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นด้วยฝีมือคนที่ คสช.เลือกเข้ามาเอง อยากให้พรรคการเมืองมีขนาดเล็กๆ ก็ได้พรรคเล็กสมใจ จึงได้ที่มาของสโลแกนพานทองแท้ที่ว่า “เชียร์ทุกพรรค รักทุกคน”

เลือกตั้งครั้งหน้า ดูจุดยืนของแต่ละพรรค ชอบพรรคไหนเลือกพรรคนั้น ไม่ต้องคิดมาก

1. อยากให้ทหารกลับกรมกอง ก็เลือกพรรคที่ชัดเจนว่าอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย

2. อยากให้ลุงทหารบริหารประเทศต่อไป ก็เลือกพรรคที่สนับสนุนเผด็จการ

การเมืองก็จะเป็นไปในทิศทางที่ท่านต้องการ 1 หรือ 2 เท่านั้น!!
ไม่ต้องคิดมากครับ…

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน