ลูกบุญทรง ยืดอกรับ เข้าพปชร. ต้องการช่วยพ่อ เผยพ่อแนะคุย “สมศักดิ์-สุริยะ”ก่อนตัดสินใจ รับ กระทบฐานเสียงบ้าง เปรียบเหมือนอาหาร แม้เปลี่ยนภาชนะ แต่ถ้าคนชอบก็ยังเลือก

ลูกบุญทรง – เมื่อเวลา 12.45 น. วันที่ 24 พ.ย. ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ บุตรชายของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรค

นายเดชนัฐวิทย์ กล่าวถึงการตัดสินใจที่เข้าสมัครพปชร.ว่า คุณพ่อของตนถูกโจมตีอย่างเสียหาย จากฝั่งทนายของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งที่บทบาททางการเมืองของคุณพ่อได้จบไปตั้งแต่วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุกแล้ว และในระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ ก็ไม่มีข่าวออกมาเลย เมื่อถึงเวลาที่เจ็บป่วยและต้องเข้ารับการรักษา แต่กลับมาออกข่าวเชื่อมโยงกับคดีต่างๆ นาๆ ทั้งที่เป็นการรักษาตัว

บางคนก็ไปตั้งข้อสังเกตว่าไปดิวอะไรมาหรือไม่ จึงอาจจะทำให้คนไม่อยากจะเข้ามาช่วยเหลือและแพทย์ก็ไม่แน่ใจว่าป่วยจริงหรือเปล่า เพราะถูกโยงไปเกี่ยวกับการเมืองหมด ดังนั้นเมื่อมีความไม่ไว้วางใจเกิดขึ้น จึงกังวลว่าการเดินหน้าการเมืองในอนาคตของตนจะมีปัญหา จึงคิดอยู่นานก่อนตัดสินใจถอยออกมาก้าวหนึ่ง โดยการลาออกจากพรรคเดิมโดยที่ยังไม่ได้คิดว่าจะไปอยู่พรรคไหนต่อ แต่เพื่อความสบายใจกับพรรคเพื่อไทยและตัวของคุณพ่อ พรรคเพื่อไทยก็จะได้ไม่มาพะวง และเดินหน้าได้เต็มที่

นายเดชนัฐวิทย์ กล่าวว่า เมื่อลาออกจากพรรคเพื่อไทยแล้ว ก็ได้ปรึกษากับคุณพ่อว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตทางการเมือง และจุดประสงค์ของครอบครัวคือต้องการรักษาคุณพ่อให้หายดี และจากนี้ตนจะตัดสินใจทางการเมืองเอง เนื่องจากชีวิตทางการเมืองของคุณพ่อจบไปแล้ว โดยคุณพ่อแนะนำผู้ใหญ่ที่นับถือสมัยพรรคไทยรักไทยคือ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จึงปรึกษาว่า จะทำอย่างไรต่อ และได้คุยกับผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ ที่มองเห็นศักยภาพของตน และแนวทางที่สามารถไปด้วยกันได้ จึงตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคนี้ ซึ่งคุณพ่อก็เคารพการตัดสินใจของตน ที่ต้องเดินต่อไป

“ผมถูกมองว่าการมาอยู่พรรคพลังประชารัฐในครั้งนี้ เพราะต้องการช่วยคุณพ่อนั้น ก็ยอมรับว่าเป็นอย่างนั้นจริง” นายเดชนัฐวิทย์ กล่าว

เมื่อถามว่าจะไม่กลับไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยและไทยรักษาชาติ ใช่ไหม นายเดชณัฐวิทย์ กล่าวว่า จะบอกว่าไม่กลับไปร่วมงานก็ไม่ได้ เพราะสุดท้ายถ้าลงเลือกตั้งแล้วได้รับเลือก และอยู่สภาฯ เดียวกัน หากผู้แทนไม่ได้ทำเพื่อประชาชนทั้งหมดก็คงไม่ได้ การทำงานในสภาเชื่อมโยงเพื่อทำงานร่วมกันก็ไม่มีปัญหา ส่วนจุดที่มองเห็นและตัดสินใจ เพราะเรามองเจตนารมณ์ทางการเมืองเหมือนกัน

นายเดชณัฐวิทย์ กล่าวว่า ส่วนการลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น ตั้งใจจะลงเขตเดิมที่คุณพ่อเคยลง เพราะ มีโอกาสได้พบปะประชาชนและเสียงประชาชนก็สนับสนุนให้เป็นตัวแทนมาสานงานต่อ แต่ยอมรับว่าเมื่อเปลี่ยนสังกัดพรรค คงกระทบกับฐานเสียงอยู่แล้ว ยกตัวอย่าง คนเหนือชอบกินลาบ ซึ่งตัวผู้สมัครเปรียบเหมือนกับลาบ แต่ส่วนพรรคเปรียบเสมือนภาชนะที่เราไว้รองรับลาบที่เราอยากกิน ถ้าสุดแล้วประชาชนอยากกินลาบ จะไปอยู่บนจาน ในถ้วยหรือในแก้วเขาก็ได้กินลาบเหมือนเดิม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ นายเดชนัฐวิทย์มีอาการสะกดกั้นอารมณ์ในการตอบคำถามที่เกี่ยวกับนายบุญทรง และเหตุผลที่ต้องเข้ามาพรรคพปชร.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน