ปรองดองครองอำนาจ

ใบตองแห้ง

จู่ๆ รัฐบาล คสช.ก็ตีปี๊บ “ปรองดอง” ใครไม่ปรองดองเป็นพวกไม่รักชาติ ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง ชักชวนให้สังคมเห็นดีเห็นงาม หยวนยอมเสียเถอะ คนไทยด้วยกัน ที่เคยพิพาทยิงกราดฆ่าฟัน เลิกแล้วต่อกัน อย่าถือสาหาความ บ้านเมืองจะได้สงบ จะได้ทำมาหากิน

อยู่มาเกือบ 3 ปี จนจะมีรัฐธรรมนูญ จะไปสู่เลือกตั้ง ทำไมเพิ่งคิดปรองดอง ทักษิณยังถาม

อยู่มาเกือบ 3 ปี ใช้อำนาจปรับทัศนคติ จับกุมคุมขัง ชู 3 นิ้วก็ห้าม ยืนเฉยๆ ก็ห้าม ล้อเลียนเป็นอาชญากรรม ชาวบ้านถ่ายภาพ “ศูนย์ปราบโกง” ขึ้นศาลทหาร ฯลฯ กลับบอกตัวเองเป็นกลาง ไม่เคยขัดแย้งกับใคร อ้าว ถ้าไม่ใช่คู่ขัดแย้ง จะปรองดองทำไม

ปรองดองแปลว่าอะไร แปลว่าท่านเป็นคนดี เป็นพระโพธิสัตว์ มาโปรดสัตว์ ให้โอกาสคนชั่วกลับตัวกลับใจ แต่รัฐประหารไม่เคยทำอะไรผิด? กองทัพไม่เคยทำให้ใครคับแค้นใจ?

ไม่ต่างอะไรกับข้อเสนอปรองดองของ สปท. ขึ้นต้นก็โทษนักการเมืองแก่งแย่งอำนาจผลประโยชน์ สร้างความแตกแยกให้คนในชาติ รัฐประหาร 2549 ตุลาการภิวัตน์ ไม่เกี่ยว

สรุปว่านักการเมือง “ผิดทั้งคู่” ประชาชน “ผิดทั้งคู่” เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ เสื้อแดง เสื้อเหลือง นกหวีด ฯลฯ แต่กองทัพ ตุลาการ องค์กรอิสระ ไม่เคยผิด แถมพวกที่เป่าปี๊ดๆ พอไปเป็น สนช.สปท. ก็กลายเป็นถูกและดี เริ่มต้นอย่างนี้ มันใช่ปรองดองหรือ

ปรองดองต้องยุติธรรม สะสางถูกผิด แล้วให้อภัย ปรองดองต้องเริ่มจากยอมรับว่า มีส่วนผิดด้วยกันทุกฝ่าย นักการเมืองไม่ใช่ตัวดีอะไร ประชาชนบางทีก็ใช้อารมณ์ แต่ใครล่ะ ที่ควรอยู่ตรงกลาง เป็นหลัก เที่ยงธรรม แล้วกลับลำเอียง ใครล่ะ ที่ควรเคารพกติกา แล้วกลับฉีกกติกา

ไม่ใช่มาปรองดองแบบมีเทพอยู่ตรงกลาง ผิดทั้งสองข้าง นิรโทษ พักโทษ ให้อภัย ให้กลับบ้าน หลังจากนี้จงทำตัวสงบเสงี่ยม สวามิภักดิ์ ไม่หือไม่อือ ยอมถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพ ไม่เป็นประชาธิปไตยไปอีก 15 ปี แล้วเศรษฐกิจจะดี

ปรองดองเพื่ออะไร ทำไมต้องปรองดองตอนนี้ แค่ชื่อก็เห็นชัด “ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง” ปรองดองคือเครื่องมือรองรับยุทธศาสตร์ความมั่นคง ไม่ปรองดองก็หาทางลงสู่ “โรดแม็ปภาค 2” ไม่ได้

รัฐธรรมนูญที่ร่างไว้ วางโรดแม็ปภาค 2 ให้มีเลือกตั้งพิธีกรรม มี ส.ว.แต่งตั้ง 250 คน เป็นฐานอำนาจนายกฯ คนนอก พรรคการเมืองไม่มีทางชนะ แต่นายกฯ คนนอกก็ยังต้องอาศัยพรรคการเมือง ทั้งยังไม่มี ม.44 จะบริหารประเทศได้อย่างไร ถ้าคนลุกฮือต่อต้านวุ่นวายไม่แย่หรือ

สปท.จึงชงสูตรปรองดอง มีถ้อยคำล่อใจ แบบคนหนีคดีกลับบ้านได้ ให้ประกัน พักโทษได้ถ้าไม่ร้ายแรง แถมท้าย “รัฐบาลแห่งชาติ” ให้นักการเมืองกระดี๊กระด๊าตาลุก แต่ขณะเดียวกันก็มีมาตรการจำกัดเสรีภาพ ปิดปากสื่อ นักวิชาการ ห้ามต่อต้านหรือให้ร้ายรัฐบาล ถ้าไม่พับเพียบเรียบร้อยจะมีโทษยุยงปลุกปั่น เห็นภาพอนาคตที่ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.สื่อ ฯลฯ จะปกครองสังคมพร้อมเพรียงกัน

ถามจริง นั่นคือปรองดองหรือ ปรองดองต้องเห็นความสว่าง เห็นสังคมที่อยู่ร่วมกันอย่างยอมรับความเห็นต่าง เห็นการก้าวไปข้างหน้า ยกตัวอย่างยุคป๋าเปรม 66/23 หลัง 6 ตุลา แม้ไม่ได้สะสางความยุติธรรม เพราะอุดมการณ์สังคมนิยมล่มสลาย พคท.พ่ายแพ้ทั้งทางการเมืองการทหาร แต่ก็เห็นความสว่าง จากยุคมืดที่รัฐบาลหอยจะอยู่นาน 12 ปี ยังคืนประชาธิปไตยมาครึ่งใบ คืนเสรีภาพระดับหนึ่งให้สื่อ นักวิชาการ สหภาพแรงงาน องค์กรพัฒนาเอกชน

การปรองดองเพื่อประคอง “ยุคมืด” ตั้งตนเป็นฝ่ายถูก ยกโทษ ให้อภัย แล้วหวังรวบอำนาจจำกัดสิทธิต่อไป ไม่มีทางเป็นไปได้

การปรองดองเพื่อครองอำนาจ ต่อให้หวังดีต่อชาติบ้านเมือง คิดว่าจะต้องรักษาความมั่นคงเพื่ออุดมการณ์สูงสุดไปอีก 10-15-20 ปี โดยไม่คืนเสรีภาพประชาธิปไตยให้ประชาชน ไม่มีทางเป็นไปได้

ต่อให้พรรคเพื่อไทยเอาด้วย ร่วมหัวจมท้าย พรรคเพื่อไทยนั่นแหละจะเสียหมา พูดอย่างนี้ไม่ได้บอกว่าต้องปฏิเสธทันควัน พรรคการเมืองต้องเปิดใจกว้าง รับฟังเงื่อนไข แต่พรรคเพื่อไทยและมวลชนก็เรียกหาความยุติธรรมมาตลอดไม่ใช่หรือ ถ้ายอมเกี้ยเซี้ย “ล้างผิด” “รัฐบาลแห่งชาติ” โดยปราศจากความยุติธรรม จะเหลืออะไร

ย้อนกลับไปถามใหม่ ทำไมต้องปรองดองตอนนี้ ก็เพราะจำเป็นแล้วไง จะอยู่ต่อ 3 ปีคงไม่ไหว อย่างช้าต้องเลือกตั้งกลางปีหน้า ต้องหาสูตรลงสู่รัฐบาลเลือกตั้ง ไม่เช่นนั้นทุกอย่างจะขมึงเกลียวเข้ามา

นี่จึงไม่ใช่สถานการณ์ที่นักการเมืองจะต้องอ้าขาผวาปีก ผู้รักประชาธิปไตยอุตส่าห์ทนมาได้ตั้ง 3 ปี ทนต่อไปดูสิ ใครจะอึดกว่ากัน ถ้าหาทางออกไม่ได้ มีอะไรดีๆ ให้ดูชัวร์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน