แม่เกดลั่น! เตรียมฟ้องจนท. ดองคดี 6 ศพวัดปทุม ตายเป็นร้อย เอาผิดคนยิงไม่ได้

เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 4 ธ.ค. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นางพะเยาว์ เเละนายณัฐภัทร อัคฮาด เเม่เเละพี่ชายของ น.ส.กมลเกด อัคฮาด หรือ น้องเกด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิต 1 ใน 6 ศพวัดปทุมวนาราม จากเหตุการณ์ สลายการชุมนุม 53

ได้ยื่นหนังสือติดตามคดีถึงนาย วงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีภายหลังศาลมีคำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพบุตรสาวตั้งเเต่ปี 2556 โดยมี นาย ธรัมพ์ ชาลีจันทร์ รองโฆษก อสส.เข้ารับหนังสือเเละร่วมพูดคุย

นางพะเยาว์ กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่มายื่นหนังสือทวงถามคดี เนื่องจากทราบว่าคดีการเสียชีวิตของบุตรสาวนั้นอยู่ในการพิจารณาของพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เนื่องจากศาลได้มีคำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพมาตั้งเเต่ปี 2556 เเล้ว เเต่กลับรู้สึกว่าคดีความมีความล่าช้ามานานเกินไป ดั่งคำที่ว่าความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความอยุติธรรม ทำให้ตนต้องดิ้นรนมาเรื่องจากทราบว่าคดีมาอยู่ในมืออัยการเเล้ว เเต่กลับยังไม่มีการยื่นฟ้องต่อศาล

อีกทั้งยังมีข่าวปรากฎตามสื่อมวลชนว่าในสำนวนที่มีคนเจ็บได้มีการถูกทำให้เป็น สำนวนมุมดำ หรือยุติการสอบสวนไปเเล้ว เเละข่าวยังระบุอีกว่าในสำนวนที่มีคนเสียชีวิตก็จะถูกทำให้เป็นสำนวนมุมดำเช่นกัน ตนเป็นเเม่ของลูกที่ถูกยิงในวัดที่เป็นเขตอภัยทาน เเละศาลได้มีคำสั่งชี้ชัดไปเเล้วถึงสาเหตุการตาย

เราจึงสงสัยว่าอัยการมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่หรือถูกผู้มีอำนาจเเละนายพลเข้าเเทรกเเซงให้ยุติการสอบสวน วันนี้ตนจึงมาขอความชัดเจนในเรื่องนี้

นายธรัมพ์ กล่าวว่าทางสำนักงานอัยการสูงสุด โดยสำนักงานคดีพิเศษได้มีการเเบ่งคดีสลายการชุมนุมเป็น 3 กลุ่มคร่าวๆ ซึ่งข้อมูลอาจจะตรงหรือไม่ตรงกับของดีเอสไอที่ปรากฎตามสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ คือ 1 กลุ่มที่ได้มีการยื่นไต่สวนชันสูตรพลิกศพที่ศาลไปเเล้วเเละศาลได้ชี้เหตุการตายเเล้ว

2.กลุ่มที่ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนอยู่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ เเละกลุ่มที่ 3 คือกลุ่มที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น กว่า 2,000ราย ส่วนที่ นางพะเยาว์ระบุว่าสำนวนคดี ที่มีการไต่สวนชันสูตรพลิกศพซึ่งรวมสำนวน 6 ศพวัดปทุมฯอยู่ในมืออัยการนั้น ข้อเท็จจริง นั้นสำนวนเหล่านี้ทางดีเอสไอเคยส่งมายังพนักงานอัยการเเล้วจริง เเละพนักงานอัยการก็ได้ยื่นคำร้องขอไต่สวนชันสูตรพลิกศพจนศาลมีคำสั่งชี้สาเหตุการตายไปหลายคดี

ในคดีที่ศาลมีคำสั่งว่าการกระทำให้เสียชีวิตเกิดจากฝั่งเจ้าหน้าที่ ซึ่งรวมสำนวน 6 ศพวัดปทุมฯ สำนวนจะถูกส่งกลับไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ เเละเท่าที่เราตรวจสอบพบว่าสำนวนดังกล่าวในปัจจุบันยังอยู่ที่ดีเอสไอ ซึ่งยังดำเนินการอยู่เเละยังไม่ได้ส่งกลับมาอัยการในรูปเเบบไหนไม่ว่าจะเป็นเรื่องสำนวนมุมดำหรือรูปเเบบปกติ

นางพะเยาว์ ถามย้ำว่า หากสำนวนยังไม่ส่งมาอัยการเเปลว่าอยู่ที่ดีเอสไอเเละตนต้องไปที่ดีเอสไอ ใช่หรือไม่ อัยการสามารถเร่งรัดได้หรือไม่

นายธรัมพ์ กล่าวว่า ใช่ ซึ่งทางสำนักงานอัยการก็ได้มีการเร่งรัด โดยเราจะประสานไปทางดีเอสไออยู่ เเละจะประสานไปอีกครั้ง ส่วนที่การระบุว่ามีการทำเป็นสำนวนมุมดำนั้น ทางอัยการยังไม่เห็นเเละทราบเรื่องดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากสำนวน 6 ศพวัดปทุมฯสำนวนไต่สวนชันสูตรศพอื่นๆ ที่ศาลมีคำสั่งไปเเล้วอย่างคดี นายพัน คำกอง ที่ศาลมีคำสั่งเป็นคดีเเรกมีการทำสำนวนสอบสวนส่งมายังอัยการคดีพิเศษเเล้วหรือไม่

นายธรัมพ์ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าของนายพันคำกอง ยังมาไม่ถึงเเต่เนื่องจากทางสำนักงานอัยการเรายื่นไต่สวนชันสูตรพลิกศพเป็นจำนวนมาก บางส่วนอาจจะมีข้อมูลไม่ครบ จึงอาจจะมีสำนวนบางส่วนส่งมายังอัยการบ้างเเล้ว ต้องไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีก ส่วนสาเหตุที่ดีเอสไอยังไม่ส่งสำนวนนายพัน ก็อาจจะมีประเด็นที่ดีเอสไอต้องไปสืบหาสาเหตุการตายให้ละเอียดเช่นว่าศาลชี้ว่าเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐก็ไปสืบว่าใครเป็นผู้ลงมือ

ถามต่อว่า ที่ดีเอสไอได้เเถลงว่าทางอัยการได้เคยมีความเห็นว่าคดีการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐเป็นกลุ่มเดียวกับที่ศาลฎีกาเคยชี้ว่า คดีการสั่งการของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เเละนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นอำนาจ ปปช. พนักงานอัยการเลยสั่งให้ดีเอสไอนำสนวนการปฏบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ส่งไปยัง ปปช.

นาย ธรัมพ์ กล่าวว่าคดีนายอภิสิทธิ์ เเละนายสุเทพ ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นเรื่องเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่เป็นอำนาจ ป.ป.ช.ดำเนินการ ก็ส่งไป โดยที่คดียังไม่ได้ชี้ว่าใครผิดใครถูก ส่วนหากเป็นสำนวนที่ดีเอสไอได้สอบสวนเเละมีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐเเละส่งมาอัยการ ทางอัยการก็จะต้องมีการพิจารณาก่อนว่าจะมีคำสั่งหรือดำเนินการอย่างไร ว่าจะส่งฟ้องศาลหรือเป็นอำนาจ ปปช.

ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าทางดีเอสไอขณะนี้มีการดำเนินการในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างไร ทราบเเต่สำนวนของที่ชี้ตัวได้คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เเละนายสุเทพ ที่ศาลบอกว่าเป็นอำนาจ ป.ป.ช.

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

หมดเวลาร้องขอต่อไปนี้เดินหน้าฟ้องเอง

ต่อมาภายหลัง นางพะเยาว์ ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีนี้เหมือนเป็นการโยนกันไปโยนกันมา อัยการบอกทางดีเอสไอยังไม่ได้ส่งมา วันนี้ที่ตนมาหมดเวลาของการร้องขอแล้ว เพราะฉะนั้นจะไปปรึกษาทนายความว่าจะดำเนินการฟ้องร้องกับเจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการและดีเอสไอที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดองคดีทั้งหมด ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เขาต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่นิ่งเฉย

ถึงตนจะรู้ว่าตอนนี้ ดีเอสไอ ไม่เหมือนเก่า เจ้าหน้าที่สอบสวนชุดเดิมตั้งแต่ปี 53 ถูกย้ายออกหมดตั้งแต่รัฐประหาร ตอนนี้เขากุมอำนาจหมด คดีที่ควรจะเป็นไปก็ถูกกักดองไว้ พูดตลอดเวลาเรื่องกระบวนการยุติธรรม เรื่องกฎหมาย ก็ถึงเวลาที่ตนจะใช้กฎหมายจัดการบ้าง

เมื่อถามว่าจะฟ้องคดีต่อศาลเองหรือไม่ นางพะเยาว์ กล่าวว่า ถ้าเป็นไปได้จะดูรูปแบบของกระบวนการยุติธรรม การฟ้องเองต้องรอให้มีรัฐบาลจากการเลือกตั้งก่อน คิดว่าความจริงหลักฐานมีเยอะมาก แต่ว่าหลักฐานทุกอย่างถูกบังคับให้ปิดปากเงียบ เอกสารทุกอย่างถูกบังคับให้อยู่ในลิ้นชักปิดล็อกกุญแจ แต่คิดว่าถ้าคดีโผล่ขึ้นมาตอนนี้ใครจะเดือดร้อน ข้อมูลที่ศาลให้มาทุกอย่างชัดเจนหมด ระบุหน่วยงาน แค่ไม่ได้ระบุชื่อใครยิง

ถามว่านายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก็ได้สอบถามอัยการและดีเอสไอในประเด็นเดียวกันนี้ มีการปรึกษากันหรือไม่ นางพะเยาว์ กล่าวว่า ไม่ เป็นคนละส่วนต่างคนต่างทำดีกว่า ตนสู้มา 8 ปี เดินอยู่แค่นี้ บอกเลยว่าคดีปี 2553 เป็นคดีที่มีคนตายมากที่สุด ตนเรียกว่าพฤษภาเลือด ที่ออกมาสู้เองเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับจากทุกฝ่ายที่ได้กระทำกับเรา

การหาความจริงขึ้นมาเป็นผลดีที่สุดกับทุกฝ่าย ไม่ต้องมาใช้คำว่าชายชุดดำ คนนั้นคนนี้ก่อการร้าย จะได้เอาความจริงขึ้นมา

ขณะที่นายณัทพัช อัคฮาด น้องชายของ น.ส.กมนเกด กล่าวเสริมว่า กองทัพก็พูดตลอดคนที่ตายเป็นฝีมือชายชุดดำ ฉะนั้นกองทัพควรมาร่วมมือกันหาทางออกเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ว่าตกลงใครทำให้ตาย เพราะทหารก็เสียชีวิตเหมือนกัน ไม่มีใครควรตายในเหตุการณ์นี้ ถ้าทหารจริงใจที่จะหาคำตอบก็ควรจะร่วม ไม่ใช่ดึงให้ล่าช้าขนาดนี้

ส่วนประเด็นที่เราร้องให้กระทรวงกลาโหมสอบนายพลลึกลับที่เข้ามาแทรกแซงนั้น ทราบว่าสำนักนายกฯ มีหนังสือว่าเรื่องนี้กระทรวงกลาโหมจะตั้งคณะกรรมการค้นหาบุคคลดังกล่าว ถ้าหาตัวไม่ได้ตนก็จะฟ้องกระทรวงกลาโหมอีกตามมาตรา 157 เช่นกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน