บิ๊กตู่ ขอเคลียร์ ‘ไม่ใช่สายเปย์’ แจกเงินคนจน 500 เรียกว่า ‘รัฐสวัสดิการ’ เผย รัฐบาลใช้เงินอย่างมีระเบียบ ถูกตรวจสอบตลอดเวลา

บิ๊กตู่ – เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 19 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามในบันทึกความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ในการสนับสนุนการจัดทำข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อใช้กำหนดและติดตามประเมินผลการจัดสวัสดิการภาครัฐ และการนำระบบบริหารจัดการข้อมูลแบบชี้เป้า (TPMAP) มาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งบันทึกความร่วมมือเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่าง 11 หน่วยงาน เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลต้องการสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับทุกคน วันนี้บ้านเรามีทั้งคนที่พัฒนาได้และพัฒนาได้ช้า เราจึงจำเป็นต้องมีสวัสดิการ ในขณะที่เรากำลังพัฒนาไปพรางๆ ก่อน การทำงานด้านรัฐสวัสดิการมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงจำเป็นต้องมีกลไกในการขับเคลื่อน ที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับการยอมรับว่า มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ตราบใดที่ยังมีผู้มีรายได้น้อย เราคงไปไม่พ้นกับดักประเทศผู้มีรายได้น้อยต่อไป

“การที่รัฐบาลมีโครงการต่างๆ ในเรื่องของรัฐสวัสดิการมาช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย ไม่ใช่เป็นเรื่องของการสร้างบุญคุณเป็นการให้ของขวัญหรือเปย์ แต่เป็นหน้าที่ของทุกๆ รัฐบาล อะไรทำได้ก็ต้องทำ แต่รัฐบาลก็ต้องมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายงบประมาณ ขอร้องว่าอย่าให้ใครมาบิดเบือน รัฐบาลไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากการช่วยเหลือประชาชนทุกระดับ” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า การพัฒนาที่ประเทศยังมีปัญหาขณะนี้คือ ไม่มีความต่อเนื่อง มีการกระจุกตัวและเติบโตในบางพื้นที่ อีกทั้งสถานการณ์โลกก็เปลี่ยนแปลงไปมาก ความขัดแย้ง สงครามการค้า การขึ้นดอกเบี้ย ทุกอย่างมีผลกระทบทั้งหมด สิ่งเหล่านี้แม้จะแก้กันมาอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งหมดต้องทำต่อไปตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ และแผนแม่บทที่เขียนไว้ ปัจจุบันโครงการสวัสดิการแห่งรัฐมีมากกว่า 40 โครงการ ช่วยเหลือประชาชนอย่างครอบคลุม ซึ่งต้องดูถึงรายได้และงบประมาณว่าเรามีมากแค่ไหน หากใครจะทำมากกว่านี้ก็ต้องไปดูว่าจะเอารายได้มาจากไหน

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

การที่รัฐบาลลงทุนในโครงการต่างๆ ก็เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และเอาเงินไปดูแลข้างล่างให้มากขึ้น เพราะถือว่าทุกคนคือคนไทย เราจะสร้างความขัดแย้งบาดหมางกันอีกไม่ได้ เพราะเป็นห่วงโซ่ร่วมกัน เราต้องทำทุกอย่างให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ใช่ผลีผลาม ไม่ใช่ดีแล้วซ้ายก็วูบไป งบประมาณภาครัฐเสียหาย ระบบการเงินการคลังล้มเหลว เราจะปล่อยอย่างนี้ไม่ได้ต้องมีการถ่วงดุล ประชาชนเองก็ต้องเข้าใจนโยบายของรัฐบาล และรัฐบาลเองก็ต้องมีวิธีการอันเหมาะสมในการดูแลประชาชน เพื่อที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ไม่เกิดความขัดแย้งหรือปล่อยให้ใครเอามาใช้ประโยชน์ สวัสดิการแห่งรัฐจะมีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อสามารถกระจายได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม และเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง

“การสร้างสุขทุกช่วงวัยต้องทำตั้งแต่วันนี้ ถือเป็นก้าวแรกของรัฐบาลที่มีการชี้เป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าทำ แต่รัฐบาลนี้ไม่ได้มุ่งหวังให้ใครพอใจหรือไม่พอใจ ไม่ต้องการอะไรเลย แต่มันเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องทำแบบนี้ ในการใช้จ่ายงบประมาณให้เกิดความเป็นธรรม ซึ่งจะเห็นว่าทุกคนเริ่มมีความสุขมากขึ้น แต่ความต้องการก็มีมากขึ้นถือเป็นเรื่องธรรมดา จะไปโกรธเคืองไม่ได้ เพราะเขาขาดมานาน ซึ่งถ้าเราทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็จะขยายการดูแลรัฐสวัสดิการให้เพิ่มขึ้นต่อไป และอย่าไปตั้งเป้าว่า เราจะแก้ไขปัญหาความยากจนได้ภายในปีนี้หรือปีหน้า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแผนและขั้นตอนไม่เช่นนั้นก็คงจบ โดยคำสั่งไม่กี่คำสั่ง

หลายคนบอกให้แก้ปัญหาด้วยมาตรา 44 ยืนยันว่าทำไม่ได้ การทำโครงการบัตรสวัสดิการไม่ใช่เรื่องง่าย คนที่คิดเป็นคนเก่ง คนใช้ก็ต้องคิดให้ทันว่าจะใช้อย่างไร ขอให้ใช้ให้เป็น ให้เกิดประโยชน์ แต่ถ้าได้บัตรสวัสดิการไปแล้วยังใช้ไม่เป็น แล้วต้องไปจ้างคนมากด หักค่าหัวคิว 50 บาท 100 บาท บางทีก็เชิดเงินไปเลยอย่างนี้ถือว่าอันตรายที่สุด ขอร้องว่าอย่าไปสอนคนแบบนั้น และขอร้องอย่าเอาเรื่องแบบนี้มาบิดเบือน ว่าจะต้องเสียอย่างนั้นอย่างนี้มีคนมามุงหน้าตู้เอทีเอ็ม แสดงว่ามันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันไม่ใช่ เราต้องสร้างการรับรู้ให้ทุกคน คนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ช่วยหาคนมากดเงินให้คนเหล่านี้ได้หรือไม่ เดี๋ยวก็เป็นเอง คนเราใช้เงินเป็น ใช้เก่งอยู่แล้ว การที่รัฐให้เงินไปก็เพื่อให้ไปซื้อของที่เป็นประโยชน์ไม่ใช่ไปซื้อถั่วแระถั่วเน่า ของแบบนั้นซื้อร้านค้าปีกก็ได้” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า อยากให้ทุกคนเข้าใจ แม้บางอย่างจะไม่ได้ถูกขับเคลื่อน ซึ่งคนที่จะดำเนินการส่วนที่ดีที่สุดคือ รัฐบาลต้องขับเคลื่อนงานในทุกมติให้ได้โดยเร็ว วันนี้ปัญหาเรามีหลายอย่าง แต่อย่าให้ทุกอย่างมาเป็นปัญหาความขัดแย้งจนทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง เราจะทำอย่างไรที่จะปรับความคิดที่แตกต่างให้ตรงกับมาตรฐานได้ ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือ การสร้างความเข้าใจกับประชาชนในระดับล่าง รวมถึงการเป็นประชาธิปไตยที่มาจากรัฐธรรมนูญ กฎหมายและประชาชนมีหลักคิดที่ถูกต้องเพื่อให้ประชาธิปไตยมีธรรมาภิบาลอย่างแท้จริง

ขอให้ทุกคนเดินหน้าไปด้วยกันตามยุทธศาสตร์ชาติตามแผนแม่บทที่เราวางไว้ อย่าให้ใครที่กล่าวอ้างว่า จะทำอย่างนี้ทำอย่างนู้น ให้เรียนตรงนี้ตรงนั้น ตนถามว่าเอาเงินมาจากไหน พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 ว่าอย่างไรทำอย่างนั้นก็ผิดหมด เพราะฉะนั้นรัฐบาลนี้มุ่งหวังไม่ให้มีความผิดเช่นนี้เกิดขึ้นมาอีก รัฐบาลนี้เองก็ต้องระวัง ซึ่งเป็นเรื่องของการตรวจสอบ รัฐบาลนี้ก็ถูกตรวจสอบมาโดยตลอด อย่าหาว่าไม่ถูกตรวจสอบ ซึ่งแล้วความรู้สึกจะคิด ตนไม่แก้ตัว ใครทำความผิดก็ต้องถูกลงโทษ ทั้งนี้ตนขอให้ทุกคนมั่นใจในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำและความยากจน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน