ต้องอ่าน! “สติธร” ชำแหละ “เลือกตั้งบัตรใบเดียว” สุดพิสดาร ระเบิดเวลา ‘นายกฯ คนนอก’

บัตรเลือกตั้ง – เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 ธ.ค. ที่อาคารจามจุรี 4 นายสติธร ธนานิธิโชติ นักวิชาการ สถาบันพระปกเกล้า กล่าวในงานเสวนา “เลือกตั้ง กุมภาฯ 62 ฟรีและแฟร์สำหรับใคร?” ถึงความเสรีและเป็นธรรมทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง ใจความว่า ก่อนการเลือกตั้งนั้น บัตรเลือกตั้งใบเดียว ในระบบจัดสรรปันส่วนผสม ยังมีคำถามที่ต้องตอบถึงความเสรีและเป็นธรรมคือ ถ้ามันปิดโอกาสให้มีพรรคเดียวเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ก็ตอบเลยว่า ไม่เป็นธรรม แต่ระบบนี้ ก็ตอบได้ว่า ไม่ได้ปิดโอกาส ที่พรรคการเมืองหนึ่งจะได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง หรือ 251 เสียง เป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้ แม้ยากมาก แต่มีความเป็นไปได้

พรรคเล็กส่งไม่ครบซวยแน่-ตัดสิทธิ์ปชช.

ระบบแบบนี้ยังไม่เป็นธรรมกับผู้ลงสมัครส.ส.แบบเขตของพรรคการเมือง ที่เหมือนเป็นนักรบไปเก็บคะแนนให้บัญชีรายชื่อ จะเป็นปัญหาของพรรคเล็ก แต่พรรคใหญ่เขตอาจไม่มีปัญหา แต่บัญชีรายชื่อก็อาจไม่ได้เช่นกัน ส่วน ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถ้าทุกพรรคการเมืองส่งได้ไม่ครบ 350 เขตเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่ามีแค่ 4 พรรคที่จะส่งครบทุกเขตได้ ก็หมายความว่า มันจะไม่เสรีกับประชาชน หากเขาชอบพรรคขนาดกลางขนาดเล็กพรรคหนึ่ง แต่พรรคนั้นไม่อาจส่งลงได้ครบทุกเขต ก็เท่ากับเป็นการตัดโอกาสประชาชน

ไม่การันตีพรรคกลางส.ส.เพิ่ม-เดาไม่ได้เลือก “คน” หรือ”พรรค”

ส่วนคำถามที่ว่าเอื้อให้กับพรรคกลางและพรรคเล็กนั้น คำตอบคือยังไม่รู้ ในข้อเท็จจริง มันอาจจะไม่ได้เอื้อพรรคกลางเลยก็ได้ เช่น ภูมิใจไทย เดิมได้เสียงแบบเขต 3.5 ล้านเสียง หารด้วย 70,000 เสียง ก็ได้ 50 ที่นั่งส.ส. แต่ถ้าได้ 1.2 ล้านเสียงในบัญชีรายชื่อ ก็จะมีส.ส. 17 ที่นั่ง ซึ่งเห็นว่าได้น้อย สะท้อนว่า คิดแบบนี้ไม่แน่เสมอไป ขึ้นกับพฤติกรรมการลงคะแนน ซึ่งเดิมมีบัตร 2 ใบ คิดแยกส่วนได้ แต่บัตร 1 ใบ ไม่มีใครรู้ ใครตีโจทย์นี้แตกจะชนะการเลือกตั้ง

ลอกเยอรมันไม่ครบ คิดส.ส.วุ่นแจงยาก กรธ.ชิ่ง กกต.กระสุนตก

คำถามถัดมาคือ คนได้คะแนนน้อยกว่าจะได้ที่นั่งในสภามากกว่าเป็นไปได้หรือไม่ ตอบว่ามีโอกาสเป็นไปได้ เราไม่ได้เอาระบบแบบเยอรมนีมาทั้งหมด เพราะเขาใช้ 2 บัตร และมีระบบโอเวอร์แฮง เกินจำนวนส.ส.ทั้งหมด เพื่อมาตอบโจทย์ การไม่ให้ คะแนนทิ้งน้ำ แต่ระบบเลือกตั้งบัตรใบเดียวนั้น จะเจอแน่นอนคำถามแน่นอน เพราะผลคะแนนที่ออกมาจะส่งผลให้ยอดรวมส.ส.เกิน 500 คน แม้จะมีการวางสูตรปัดเศษการคำนวณไว้แล้วไม่ให้เกิน แต่มันมีความเป็นไปได้ที่ผลส.ส.สัดส่วนพึงมีมันจะเกิน ถึงเวลานั้นก็ต้องเตรียมคำอธิบายไว้ให้ดี เพราะมันจะทำไปทำลายจุดแข็งของระบบเลือกตั้งบัตรใบเดียวนี้เอง โดยเฉพาะผู้ร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่รู้อยู่ไหนตอนนี้ แล้วกกต.ก็จะกลายมาเป็นผู้รับผิดชอบ ในการตอบแม้จะปฏิบัติตาม

กกต.อำนาจล้น จับตาแจก “ใบส้ม” ช่วยตั้งรัฐบาล

การเลือกตั้งจะเป็นธรรมทั้งหมดขึ้นกับกกต.ที่ถืออำนาจไว้มาก ทั้งใบเหลือง ใบส้ม ใบแดง และใบดำ สำหรับใบเหลืองจะส่งผลทำให้เพียงมีการลงคะแนนใหม่ แต่ใบส้มนั้น ถือว่าเปลี่ยนรัฐบาลได้เลย เพราะใบส้มทำให้ผู้ลงสมัครส.ส. ก็ต้องออกจากเกม เช่น ผลการเลือกตั้ง พรรคอันดับหนึ่งมี 200 ส.ส. พรรคอันดับสองมี 180 ส.ส. กกต.แจกใบส้มให้พรรคอันดับหนึ่ง 10 เขตเลือกตั้ง

ผลคือ พรรคอันดับหนึ่งเหลือส.ส. 190 คน แต่ต้องลบส.ส.บัญชีรายชื่อออกด้วย เพราะคะแนนส่วนนี้มาจากส.ส.เขต หากคิดคะแนนชนะแบบเขตที่ 50,000 คะแนน รวม 10 เขต หายไป 500,000 คะแนน คิดเป็นส.ส.บัญชีรายชื่ออีกราว 10 คน รวมพรรคอันดับหนึ่งส.ส.หายไป 20 คน จะเหลือส.ส. เท่ากับ พรรคการเมืองอันดับสองที่ 180 คน ดังนั้น ถ้ากกต.ใช้อำนาจนี้ไม่ชอบธรรม มันจะเปลี่ยนผลการเลือกตั้งในการจัดตั้งรัฐบาล และอาจส่งผลให้คนไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งก็ได้

เสียงไม่ขาดตั้งรัฐบาลเละ “ยื้อเวลาโหวตนายกฯ-สุมหัวส.ว.ลากตั้งหักดิบ-เปิดทางคนนอก”

ส่วนหลังการเลือกตั้งนั้น หากกระบวนการการเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมทุกอย่าง สมมติให้ พรรคอันดับหนึ่งได้ 180 เสียง พรรคอันดับสองได้ 130 เสียง พรรคอันดับสามได้ 100 เสียง อีกกลุ่มพรรคการเมืองหนึ่งได้คะแนนรองลงมาที่ 40 เสียง 10 เสียง และ 5 เสียง และกลุ่มสุดท้ายส่วนพรรคที่ประกาศชัดว่ากั๊กในการสืบทอดอำนาจได้ 25 เสียง 5 เสียง และเสียง 5

สมมติว่าให้พรรคอันดับหนึ่งรวมกับพรรคกลุ่มรองหลักสิบเสียงแล้วจะได้ 235 เสียง ก็จะเห็นว่า ไม่สามารถเป็นเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ แล้วหากพรรคที่อยากสืบทอดอำนาจ ประกาศไม่รอจารีตให้พรรคอับดับหนึ่งตั้งรัฐบาล ใครรวมส.ส.ได้ก่อน ก็ตั้งรัฐบาลเลย ก็จะพบอีกว่า แต่เมื่อรวมแล้ว ก็ยังไม่ถึงครึ่งสภาล่าง แต่ชิงหักดิบเลือกนายกฯ โดยไปร่วมกับส.ว.แต่งตั้ง แล้วอะไรจะเกิดขึ้น แบบนี้จะเสรีและเป็นธรรมกับประชาชนหรือไม่ แม้กระบวนการเลือกจะเสรีและเป็นธรรมก็ตาม

หรืออีกกรณีหนึ่งคือ เสียงส.ส.แพ้ชนะกันไม่ขาด เลือกนายกฯ กันไม่ได้ ก็จะใช้เวลายาวนานมาก จนต้องไปถึงก๊อกสอง ที่ต้องเปิดให้คนนอกเข้ามาได้อีก แล้วถามว่าจะเสรีและเป็นธรรมหรือไม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน