โต๊ะจีน 650 ล้าน ทุกขลาภ‘พปชร.’

โต๊ะจีน 650 ล้าน ทุกขลาภ‘พปชร.’ – อลังการสมเป็นพรรคเต็งหนึ่ง พรรคพลังประชารัฐ ร่าง “อวตาร” ของคสช. ได้รับการคาดหมายจะได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

และรายชื่อบุคคลอันดับ 1 ในบัญชี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้กลับมาสืบทอดอำนาจสมใจกองเชียร์

ล่าสุดพรรค คสช. จัดงานระดมทุนในรูปแบบเปิดขายโต๊ะจีน 200 โต๊ะ โต๊ะละ 3 ล้านบาท ตั้งเป้าตัวเลขรายได้ที่จะใช้เป็นทุนรอนสู้ศึกเลือกตั้งไว้ที่ 600 ล้าน

ในงานมีเหล่าดารา ศิลปิน นักร้องชื่อดังหลายคนมาร่วมเปิดมินิคอนเสิร์ต ให้ความบันเทิงเริงรมย์ ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นไปอย่างครึกครื้น

กรรมการบริหารพรรคและสมาชิก พปชร.ต่างมาร่วมงานพร้อมหน้า ทั้งนายอุตตม สาวนายน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสุชาติ ตันเจริญ ฯลฯ

ส่วนตัวแทนพรรคอื่นๆ ที่ไปร่วมจับมือแสดงความยินดี ได้แก่

พรรคชาติพัฒนา นำโดย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานกุนซือพรรค นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรค พล.อ. ฐิติวัจน์ กำลังเอก รองหัวหน้าพรรค

นายนิกร จำนง แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ จากพรรคประชาธิปัตย์

สำหรับเมนูบนโต๊ะ ประกอบด้วย เมนูเรียกน้ำย่อย สลัดผักร็อกเกตกับกุ้ง ปลาแซลมอนรมควัน หอยเชลล์อเมริกาและ อโวคาโดเสิร์ฟกับซอสส้ม ซุปใสราวีโอรี่กุ้ง

เมนูจานหลัก ปลาหิมะอบซอส ถั่วเหลืองอบราดซอสปลาแห้งกับเนย เสิร์ฟพร้อมหน่อไม้ฝรั่งและมันฝรั่งอบ เมนูของหวาน ราสเบอร์รี่ไวต์ช็อกโกแลต ตบท้ายด้วยพราลีนส์ ชาและกาแฟ

แขกเหรื่ออิ่มหมีพีมันไปตามๆ กัน

ส่งผลให้ยอดเงินบริจาคที่ตั้งเป้าไว้เดิม 600 ล้าน พุ่งทะยานไปถึง 650 ล้านบาท

แต่แล้วไม่ทันข้ามวัน

มีคนนำตัวเลขมาคิดคำนวณคร่าวๆ โต๊ะจีนราคา 3 ล้านบาท นั่งล้อมวง 10 คน ตกที่นั่งละ 3 แสนบาท ถ้าคิดอาหารเป็นคำๆ 100 คำก็คำละ 3 พันบาท

ตักอาหารเข้าปากคำเดียว เท่ากับรัฐบาลสามารถนำเงินไปเติมบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 500 บาท ให้กับคนจนได้ถึง 6 คน ที่นั่งละ 3 แสนก็ 600 คน โต๊ะละ 3 ล้านก็ 6,000 คน

สวนทางหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงนโยบายลดความเหลื่อมล้ำคนรวย-คนจนหรือไม่ มีแต่รัฐบาลคสช.เท่านั้นที่จะอธิบายได้

ที่สำคัญงานระดมทุนพปชร. ได้ก่อให้เกิดคำถามไปถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า “แบบนี้ก็ได้เหรอ” ผิดกฎหมายหรือไม่เนื่องจากเป็นช่วงใกล้เลือกตั้ง

ถึงยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาออกมาก็จริง แต่สังคมรับรู้กันโดยทั่วไปว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 หรือในอีก 2 เดือนข้างหน้า

พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้พปชร.เปิดเผยชื่อ ผู้บริจาคทั้งหมด ตามที่กำหนดในมาตรา 64 ของพระ ราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง

เพื่อแสดงความโปร่งใสว่าไม่ได้ทำในสิ่งที่ขัดต่อกฎหมาย และเพื่อแสดงความบริสุทธิ์โปร่งใสว่าไม่มีการนำตำแหน่งหน้าที่ในรัฐบาลไปใช้ระดมทุนให้พรรคของตนเอง

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต. สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ชี้ว่า งานโต๊ะจีนพปชร.นั้น น่าจะมีปัญหา

เมื่อมีสำนักข่าวรายงานผังการจัดโต๊ะจีน พบว่ามีของกระทรวงการคลัง 20 โต๊ะ 60 ล้านบาท การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) 3 โต๊ะ 9 ล้านบาท

ซึ่งเป็นหน้าที่ กกต.ต้องเข้ามาสอบหาข้อเท็จจริงโดยไม่จำเป็นต้องมีผู้ร้อง ไม่เช่นนั้นนอกจากพปชร.แล้ว งานยังจะเข้า กกต. ถูกกล่าวหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

เนื่องจากพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 76

ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ บริจาคเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมือง

หรือเข้าร่วมกิจกรรมระดมทุนพรรคการเมือง

ประเด็นโต๊ะจีนพปชร. 650 ล้าน

ยังเป็นเหตุให้ต่อมา นายศรีสุวรรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นหนังสือถึง กกต.

ให้ตรวจสอบพรรคการเมืองจัดระดมทุนด้วยการจัดเลี้ยงโต๊ะจีน มีการขายโต๊ะมูลค่า 1-3 ล้านบาท โฆษณาหาเสียงด้วยการจัดมหรสพรื่นเริง และมีข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจเข้าร่วมงาน และจ่ายเงินซื้อโต๊ะหรือไม่

เนื่องจากการจัดระดมทุนขณะนี้อย่างน้อย 2 พรรค มีข้าราชการเข้าไปร่วมงานจำนวนมาก เป็นพฤติการณ์ย้อนแย้งกับกฎหมายที่กำหนดให้พรรคการเมืองมีทุนประเดิมไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท และให้ผู้ร่วมจัดตั้งและสมาชิกเป็นผู้จ่ายเงินค่าบำรุงพรรค

การระดมทุนผ่านการขายโต๊ะจีนได้เงินหลายร้อยล้านบาท เป็นประเด็นน่าสงสัยว่า ข้าราชการนำเงินที่ไหนมาซื้อโต๊ะ ในส่วนบริษัทเอกชน ก็น่าสงสัยว่าเป็นพฤติการณ์ต่างตอบแทนหรือไม่

พฤติการณ์จึงอาจเข้าข่ายความผิดหลายส่วน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ไม่ว่าการครอบงำพรรคโดยกลุ่มทุนนักธุรกิจ หรือการโฆษณาหาเสียงโดยจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริง

และหากมีข้าราชการและหน่วยงานของรัฐเข้าไปซื้อโต๊ะจริง ยังจะเข้าข่ายผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน ซึ่งกำหนดให้ข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง

ยังผิดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยมารยาทข้าราชการพลเรือน การซื้อบัตรต้องถูกตรวจสอบว่านำเงินที่ไหนมาซื้อบัตรที่นั่งละ 3 แสน หากอ้างว่ามีผู้อื่นซื้อบัตรให้ก็จะผิดฐานรับเงินเกิน 3,000 บาท

ขอให้กกต.ตรวจสอบให้ชัดเจน พร้อมกับส่งเรื่องไปยังป.ป.ช. อย่าให้หายไปกับสายลม

ขณะที่ในโลกโซเชี่ยลวิจารณ์กันให้ แซ่ด งานเลี้ยงโต๊ะจีนระดมทุนก็แค่วิธีการ

ทำให้เงินไม่มีที่มา เป็นเงินมีที่มาเท่านั้นเอง

นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพปชร. ประธานจัดงานระดมทุน ยืนยันว่า เท่าที่ตรวจสอบไม่พบมีหน่วยงานรัฐบริจาคเงินซื้อโต๊ะจีนตามที่มีข่าว

หากพบผู้บริจาคมีคุณสมบัติผิดจากกฎหมายกำหนด พรรคก็พร้อมส่งคืนเงินทันที ส่วนการเปิดเผยรายชื่อผู้บริจาค ต้องขอเวลาตรวจสอบก่อน คาดว่า 2-3 สัปดาห์

“บางทีต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง หยุดใส่ร้าย ดิสเครดิตกันได้แล้ว” นายณัฏฐพลกล่าว

ด้านพ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. กล่าวว่า

ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พรรคสามารถระดมทุนได้ แต่หลังจากระดมทุนได้แล้ว ต้องรายงานต่อเลขาฯกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรค และประกาศให้ประชาชนรับทราบภายใน 30 วัน นับจากวันจัดงาน รวมถึงต้องรายงานด้วยว่าบุคคลใดบริจาคเกิน 100,000 บาท

ซึ่งในกรณีพปชร.จัดระดมทุน เบื้องต้นต้องรอให้ทางพรรครายงานถึงที่มาของรายได้ก่อน กกต.จึงจะตรวจสอบได้

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้นเลขาธิการ กกต.ระบุ การจัดเลี้ยงโต๊ะจีนระดมทุน เป็นกิจกรรมที่พรรคการเมืองสามารถทำได้

ส่วนจะเข้าข่ายผิดมาตรา 73 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ในเรื่องการโฆษณาหาเสียงหรือไม่ ต้องรอให้พ.ร.ฎ.การเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ก่อน กกต.จึงเข้าไปตรวจสอบได้

ทั้งนี้ มีการกล่าวกันว่าประเด็นโต๊ะจีน พปชร. จะเป็นบททดสอบการทำหน้าที่ของ 7 เสือกกต.

เช่นเดียวกับกรณีการแบ่งเขต กรณีบัตรเลือกตั้ง และป้ายหาเสียงเลือกตั้ง ว่าจะเป็นไปอย่างอิสระ เที่ยงธรรม ไม่ตกอยู่ภายใต้อาณัติของกลุ่มผู้มีอำนาจหรือไม่

ประเด็นโต๊ะจีน พปชร. ส่อเค้าจะเป็นหนังเรื่องยาว แม้จะมีความพยายามสร้างข่าวปล่อย“คลิปลับ”ออกมากลบเกลื่อน แต่ก็น่าจะมีผลแค่ในระยะเวลาสั้นๆ

สุดท้ายพปชร.กับกกต.ก็ยัง“งานเข้า”อยู่ดี

อ่านข่าวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน