‘ภูมิธรรม’ ขยี้ส่งท้ายปี! ร่าย 5ล้มเหลว 4ปีกว่าๆ ของรัฐบาล ที่ประชาชนไม่ได้เลือกมา

‘ภูมิธรรม’ ขยี้ส่งท้ายปี! – วันที่ 27 ธ.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า “5 ความล้มเหลวกับ 4 ปีกว่าของรัฐบาลที่ประชาชนไม่ได้เลือก” ความล้มเหลวนั้นประกอบด้วย

– 1.ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

และมีแนวโน้มที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงทางการคลังของประเทศในระยะยาว รัฐทุ่มเทงบประมาณอย่างไม่เหมาะสมเป็นเงินจำนวนมหาศาล ทำให้เกิดภาวะงบประมาณขาดดุลที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นอันมาก นับเป็นการใช้เงินเกินตัวมากที่สุดเป็นประวัติการณ์

และแม้รัฐบาล คสช.จะใช้เงินงบประมาณจำนวนมหาศาล แต่ผลที่ได้ต่อระบบเศรษฐกิจกลับตรงกันข้าม เศรษฐกิจไทยยุค คสช.โตในอัตราที่ต่ำมากอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นประเทศที่อยู่ในอันดับท้ายๆ ในอาเซียน สร้างความทุกข์ยากเดือดร้อนแก่ประชาชนโดยทั่วไป

นอกจากนี้นโยบายของรัฐที่ส่งผลให้ธุรกิจขนาดใหญ่มีอำนาจผูกขาดทางการตลาด เอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายใหญ่ ประเทศตกอยู่ในสภาวะ “รวยกระจุก จนกระจาย” ประชาชนส่วนใหญ่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำอย่างต่อเนื่อง เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำรุนแรงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก หนี้ครัวเรือนไม่ได้รับการแก้ไข เงินที่รัฐบาลใส่ลงในระบบไม่เกิดการใช้จ่าย เพราะประชาชนไม่เชื่อมั่นในรายได้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

– 2.ความล้มเหลวในการปฏิรูปการเมืองในระบอบประชาธิปไตย

มีรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่ถอยหลัง ทำลายความเข้มแข็งของพรรคการเมือง ละเมิดสิทธิเสรีภาพทางการเมือง ประชาชนไม่มีส่วนร่วมทางการเมืองนับแต่รัฐประหารเป็นต้นมา ประเทศต้องอยู่ภายใต้ประกาศและคำสั่ง คสช.ที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน การแสดงออกทางความคิดเห็นถูกปิดกั้น วางกลไกที่เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการพัฒนาประชาธิปไตย

ทั้งให้นายกฯ ไม่ต้องมาจากสมาชิกสภาฯ เปิดโอกาสให้บุคคลซึ่งประชาชนไม่ได้เลือกเข้าดำรงตำแหน่งนายกฯ ได้ เปลี่ยนแปลงระบบเลือกตั้งเป็นแบบจัดสรรปันส่วนผสม วางกลไกเพื่อสืบทอดอำนาจโดยให้วุฒิสภามีอำนาจออกเสียงเลือกนายกฯ ร่วมกับ ส.ส. การคงอำนาจของ คสช. และหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 ไว้เพื่อให้หัวหน้า คสช.มีอำนาจพิเศษเหนือองค์กรอื่นๆ ตามรัฐธรรมนูญ กำหนดให้มียุทธศาสตร์ชาติเพื่อใช้บังคับเป็นเวลาถึง 20 ปี

– 3.ล้มเหลวในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น

แต่เมื่อคนในรัฐบาลถูกกล่าวหาเรื่องทุจริต เช่น กรณีอุทยานราชภักดิ์ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ตั้งบริษัทในค่ายทหาร แม้แต่กรณีนาฬิกาหรูของรองนายกฯ กลับปกป้องพวกพ้องอย่างเห็นได้ชัด ละเลยที่จะดำเนินการ ผู้ร้องเรียนถูกเรียกไปปรับทัศนคติ บางคนถูกดำเนินคดี ส่วนองค์กรตรวจสอบต่างๆ ก็มุ่งช่วยเหลือปกปิดหรือทำให้ล่าช้า และก็เงียบหายไป

– 4.ล้มเหลวในการปกป้องสิทธิมนุษยชน

การละเมิดสิทธิมนุษยชนยังมีอย่างต่อเนื่อง การออกคำสั่งให้อำนาจทหารควบคุมตัวบุคคลได้ 7 วัน โดยไม่ต้องตั้งข้อหา ไม่ต้องมีหมายของศาล เรียกบุคคลที่เห็นต่างและวิพากษ์วิจารณ์ ไปปรับทัศนคติ ดำเนินคดีกับบุคคลที่เรียกร้องให้ตรวจสอบการทุจริต หรือเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง มีคำสั่งให้พลเรือนขึ้นศาลทหาร จำกัดและริดรอนสิทธิเสรีภาพในการเสนอข่าวของสื่อมวลชน ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นทางเฟซบุ๊กของบุคคล เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของนักวิชาการ ใช้กฎหมายและคำสั่งที่ตนเองออก เพื่อเป็นเครื่องมือในทางการเมือง และ

– 5.ล้มเหลวในภาวะความเป็นผู้นำของนายกฯ และหัวหน้า คสช.

จากที่รับปากประชาชนว่าจะเข้ามาชั่วคราวและอยู่ไม่นาน แต่กลับอยู่ยาวถึง 4 ปี มีแนวโน้มจะมุ่งสืบทอดอำนาจต่อไป ประกาศว่าจะคืนประชาธิปไตยใน 15 เดือน แต่ผ่านมา 48 เดือน ประชาธิปไตยยังมืดมน ทั้งๆ ที่ได้ประกาศต่อสาธารณชน และรับปากต่อผู้นำประเทศและผู้นำองค์กรระหว่างประเทศว่า จะมีการเลือกตั้ง สุดท้ายก็เลื่อนการเลือกตั้งมาแล้วถึง 4 ครั้ง การกระทำและพฤติการณ์ส่อว่าได้เสพติดอำนาจ วางกลไกเพื่อสืบทอดอำนาจต่อไป ล่าสุดมีการดูดนักการเมืองจากค่ายต่างๆ เพื่อมาร่วมงานกับตนเอง

สิ่งที่ คสช.และรัฐบาลทำในช่วง 4 ปี คือการใช้อำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จ เพื่อให้ตนเองและพวกพ้องอยู่ในอำนาจให้นานที่สุด ทำทุกวิถีทางเพื่อสืบทอดอำนาจ คสช.ต้องการสร้างรัฐเผด็จการโดยใช้ระบบราชการเป็นกลไก ทำให้ภาคประชาชนและพรรคการเมืองอ่อนแอ ใช้กลไกทางรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และการแต่งตั้งคนในองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อปกป้องและเอื้อต่อตนเอง 4 ปีของ คสช. คือการนำประเทศไปสู่อนาคตที่มืดมน สิ้นหวัง

“จึงเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนต้องช่วยกันนำระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขกลับคืนมา และไม่ยอมให้เผด็จการทำลายประชาธิปไตยอีกต่อไป 24 กุมภาพันธ์ อำนาจอยู่ในมือพี่น้องประชาชน” นายภูมิธรรม ระบุ


 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน