นายกฯถกครม.-คสช.ชมผลงานวิทยาศาสตร์ ถามเด็กยังรักและปรองดองกันดีใช่ไหม วอนอย่าใช้ความรู้สึกตัดสิน ถามกลับสื่อใครไม่เคยผิดบ้าง ถ้ามีผลกระทบต่อสังคมต้องเข้ากระบวนการยุติธรรม

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 31 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ก่อนเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนการประชุม ศาสตราจารย์นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ นำคณะเข้าพบ เพื่อจัดแสดงผลงานสิ่งประดิษฐ์ เนื่องในโอกาสวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2560

โดยนายกรัฐมนตรีได้ชื่นชมความสามารถของเด็กไทยที่ประดิษฐ์คิดค้นผลงานด้านต่างๆ ทั้งผลิตภัณฑ์ผ้าจากเปลือกข้าวโพด ฟิตเนสพกพา บลิกซ์ พ๊อพ สนามจินตนาการสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องในการมองเห็น เป็นต้น พร้อมกล่าวว่า อยากให้เด็กรุ่นใหม่ที่เป็นอนาคตของชาติ ต่อยอดองค์ความรู้ เพราะสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นประโยชน์สร้างรายได้ให้ประเทศ และเด็กเหล่านี้ถือเป็นคนที่คิดอย่างเป็นระบบเริ่มจากเล็กไปหาใหญ่นับจาก 1 ไปถึง 10 ผิดกับผู้ใหญ่บางคนที่ผลลัพธ์โดยไม่คิดถึงการเริ่มต้น อย่างเรื่องของการปฎิรูปที่ต้องใช้เวลา ไม่ใช่จะทำสำเร็จในระยะเวลาสั้นๆ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังสอบถามเด็กนักเรียนจากโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย ปทุมธานีว่าขณะนี้สถานการณ์ที่จังหวัดเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งเรื่องการปรองดองและประชาธิปไตย ซี่งนักเรียนได้ตอบนายกรัฐมนตรีว่าไม่มีปัญหา ทุกอย่างยังอยู่ในความสงบสุข นักเรียนได้ตอบกลับนายกฯว่า ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวว่า รักกันดี ปรองดองกันดีใช่มั๊ย

“ผลงานทำทีเดียวเสร็จหรือไม่ ผู้ใหญ่บางคนจะเอาทีเดียวเสร็จ จะเอาสิบเลย พร้อมบอกด้วยว่า การอ่านหนังสือต้องคิดเป็น แยกแยะเป็น ไม่ใช่อ่านอะไร ใครบอกอะไรมาก็เชื่อหมด เหมือนพวกนิยายน้ำเน่า ทุกคนต้องคิดอย่ามโนขึ้นมาเอง” นายกฯ กล่าว

ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งระหว่างที่เยี่ยมชมบูธบลิกซ์พ็อพ สนามจินตนาการในร่มสำหรับเด็กผู้บกพร่องทางการมองเห็นและพูดคุยกับน.ส.ณัชชา โรจน์วิโรจน์ นักประดิษฐ์ โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้สอบถามถึงการเรียน พร้อมทั้งกล่าวว่า ขอให้รักเมืองไทย สื่อมวลชนที่ทำหน้าที่อยู่ทุกวันนี้เขาก็รักประเทศไทยทุกคน ก็ขอให้ช่วยกัน เราต้องรักและรวมพลังกันเดินไปข้างหน้า ขอร้องสื่อว่า เย็นนี้อย่าไปพาดหัวข่าวว่าก่อนประชุมนายกฯมาชมนวัตกรรมต่างๆ แล้วฟุ้ง โว โปรโมท การที่ตนมาเยี่ยมชมและพูดคุยก็เพื่อให้รู้ว่ารัฐบาลกำลังทำอะไร ซึ่งทุกอย่างเป็นประโยชน์ ขอให้เข้าใจความคิดของรัฐบาลบ้างว่า เราทำเพื่ออะไร ทุกอย่างเป็นรายได้ของประเทศเรา ก็ต้องให้กำลังใจผู้คิดค้นและนักประดิษฐ์ เพราะถ้าไม่มีคนเหล่านี้แล้วยังคิดดักดานเหมือนเดิม ประเทศก็อยู่ไม่ได้แน่ “ก็ไปอยู่แต่ไอ้คำว่าปรองดอง ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน 3 ตัวนั่นแหละ ก็อยู่กันไปก็แล้วกัน”

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังหันมาถามนักข่าวด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “วันนี้มีทหารไว้ทำอะไร ก็มีเอาไว้ใช้งานอย่างไรล่ะ น้ำท่วม ฝนแล้ง วาตภัย ทุกอย่างทั้งหมดก็ใช้ทหาร ส่วนคนไม่ดีก็คือไม่ดีต้องแยกออกจากกัน อย่าไปว่าเหมารวมองค์กร เพราะเดี๋ยวองค์กรเขาเสียหาย ข้าราชการทำผิด ทุจริตก็ต้องดำเนินการสอบสวนทางวินัย ส่วนคนดีเขาก็ทำงานกันเยอะแยะ ที่ชอบพูดว่าตำรวจมีไว้ทำไมมีไว้โกงแล้วทำไมไม่คิดถึงคนที่เขาจับคดีมามากมาย บ้านเมืองสงบสุขทำไมไม่มองตรงนั้นด้วย จะต้องมองทั้ง 2 อย่างแล้วชั่งน้ำหนัก ผมไม่ได้บอกว่ามันดีทั้งหมด เพราะตัวเราเองก็ยังดีไม่หมดเลย

ถามว่าใครไม่เคยทำความผิดบ้างมีหรือไม่ ก็ต้องมาดูว่าความผิดนั้นผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องดูที่ตัวเองและแก้ไขด้วย ดูที่จิตสำนึกแก้ไขที่ตัวเองได้ ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะต้องพิจารณาคดีทั้งหมดมันไม่ได้ อย่าใช้ความรู้สึกในการทำงานแล้วตัดสินว่าผิดหรือถูก ผมพูดเสมอว่าการทำผิดหรือถูกต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะที่มีส่วนกระทบต่อสังคม ต่อคนอื่นถ้าเป็นเช่นนี้ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ถ้าคิดว่าตัวเองผิดก็ต้องแก้ที่ตัวเองก่อน”

นอกจากนี้ ก่อนการประชุมฯ คุณหญิงแสงเดือน ณ นคร ประธานมูลนิธิสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึก ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี นำคณะกรรมการฝ่ายจำหน่ายดอกไม้เข้าพบนายกรัฐมนตรี และครม. เพื่อจำหน่ายดอกป๊อปปี้เนื่องในวันทหารผ่านศึก พร้อมมอบเงินส่วนหนึ่งที่ประชาชนร้วมบริจาคกับทางมูลนิธิฯ จำนวน 1 แสนบาท ผ่านนายกรัฐมนตรีเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน