หม่อมเต่าจัตุมงคล โสณกุล นำทัพรปช.’พร้อมช่วยบิ๊กตู่

หม่อมเต่าจัตุมงคล โสณกุล นำทัพรปช.’พร้อมช่วยบิ๊กตู่

หมายเหตุ ...จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ถึงการเข้ามาทำงานทางการเมือง ภายใต้เงาของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ สถานการณ์การเลือกตั้งและสภาพเศรษฐกิจจะเข้าข่ายเผาจริงหรือไม่ รวมถึง การเสนอชื่อพล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ต่อ รวมถึงแนวโน้มการจัดตั้งรัฐบาล

ในช่วงเลือกตั้ง มองสถานการณ์การเมืองจะร้อนแรงหรือไม่

สถานการณ์จะรุนแรงหรือไม่ ผมไม่แน่ใจ แต่คงยุ่งมาก เพราะรัฐธรรมนูญเขียนให้มีหลายพรรค คะแนนเขตที่แพ้ก็ไปอยู่ปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งไม่เหมือนเดิมที่คะแนนเขตก็เป็นคะแนนเขต คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ก็เป็นคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ คนหนึ่งอาจจะชนะทั้งหมดเลยก็ได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้เพราะคะแนนแพ้เขตจะต้องไปรวมปาร์ตี้ลิสต์ ฉะนั้น ส..น่าจะมาจากหลายพรรค เมื่อมีหลายพรรคก็ต้องยุ่ง เพราะจริงๆ แล้วพรรคก็มีซ้ายตกฟาก ขวาตกฟาก กลางๆ ก็มีเยอะและยังมีพรรคที่ไม่ซ้ายไม่ขวาอีกมาก และเป็นพรรคโลคอล เป็นบุคคลที่เขานับถือในท้องถิ่น เขาก็ตั้งพรรค 5-6 คน พวกหนึ่งก็ไปตั้งพรรค แบบคนเคยเป็นเพื่อไทย เข้ากับเพื่อไทยก็ง่ายเข้ากับคนอื่น ก็ง่าย ก็คงจะยุ่ง

แต่คิดว่าน่าจะตกลงกันได้ด้วยเหตุหนึ่ง เพราะปีนี้เป็นปีอาเซียนซัมมิตพอดี เมื่อ 10 ปีที่แล้วเราได้เป็นประธานอาเซียน แต่เกิดเหตุการณ์ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช พัทยา มีการหนีลงทะเลกัน นายกฯ ออสเตรเลีย บินมา ต้องกลับ กลางทาง เรียกว่าอับอายขายหน้าที่สุด นี่คือเมืองไทย ทำกันมาอย่างนี้

ทำอีกหนคงไม่ไหวแล้ว 10 ปีต่อมา เล่นอย่างเดิมเลย ทำหนหนึ่งถือว่าเป็นอุบัติเหตุ สองหนก็เหนื่อย ผมคิดว่าถ้าถึงเวลานั้นเราเตือนคนไทยต้องรวมกันให้อยู่ จนกระทั่งจบอาเซียนซัมมิต ในปี 2562 คงตกลงกันได้ แต่พอหมดการเสียหน้า ก็ว่ากันใหม่ ที่ตกลงกันก็อาจจะตกลงไปงั้นๆ ระหว่างนี้ก็กอดกันไปก่อน ซึ่งเป็นเรื่องยากมาก ผมดูๆ เหตุการณ์แบบนั้นอาจจะเกิดขึ้นได้

จะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ในช่วงเลือกตั้งและหลังเลือกตั้ง

ยังไม่เห็นเพราะทุกคนไม่อยากเป็นรัฐบาลทหารแล้ว ผมจึงคิดว่าไม่มีใครก่อความวุ่นวายถึงกับจะต้องมีรัฐบาลทหารอีก

มองเศรษฐกิจปีนี้อย่างไร จะเข้าข่ายเผาจริงหรือไม่

จะดีกว่าที่ทุกคนนึก เพราะบิ๊กโปรเจ็กต์แสนล้านบาทใช้เวลาประมาณ 9-18 เดือน ก่อนที่เงินจะออกจริงจัง เพราะรัฐบาลมาเริ่มครึ่งหลังของปี 2561 ดังนั้น ครึ่งหลังของปี 2562 เงินก็จะเริ่มออก แต่ช่วงนี้รัฐบาลก็แจกเงินในระบบ เมื่อให้เงินไปประชาชนใช้หมดก็จบ แต่ถ้าเป็นระบบโปรเจ็กต์รูปแบบเงินที่ได้ คือเงินจ้างงาน เงินเดือน เกิดการหมุนเวียน แต่เงินที่จ่ายให้เฉยๆ ไม่เกิดการหมุนเวียน เอาไปซื้อของก็จบ ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้อง

การที่รัฐบาลทำโปรเจ็กต์ถือว่าถูกทาง แต่กว่าจะถูก นานมากเพราะมาทำครึ่งหลังของปี 2561 ถ้าได้ทำเมื่อ 2-3 ปีก่อนตอนนี้คงอยู่ช่วงเงินหมุนเวียน ดังนั้น คิดว่าครึ่งปีหลังของปีนี้ เศรษฐกิจก็จะค่อนข้างดี ยกเว้นการเมืองทำธุรกิจทำเศรษฐกิจดีไม่ได้ ซึ่งไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น ต้องขอร้องว่า ทุกพรรคก็ต้องเข้าใจ อย่าทำให้ประเทศไทยขายหน้า อีกครั้ง

หนักใจหรือไม่ที่มารับตำแหน่งหัวหน้า รปช.

ไม่หนักใจ เพราะผมไม่ได้เป็นผู้อุปถัมภ์ พรรคนี้ตั้งขึ้นมาโดยมีผู้ก่อตั้ง 600 คน จ่ายเงินคนละ 5 หมื่นบาทซึ่งเป็นอัตราสูงสุดที่กกต.กำหนดไว้ ได้มา 30 ล้านบาท แล้วจัดงานระดมทุน ได้มา 234 ล้านบาท น่าจะเลือกตั้งได้ แต่ที่ตัดสินใจที่ใหญ่ที่สุดคือสมาชิกต้องจ่ายเงิน 365 บาท ซึ่งต้องจ่ายจริง เพราะกรรมการและผู้บริหารพรรคนี้ ผู้ที่จ่ายเงิน 365 บาท เป็นคนเลือก เราทำสมัชชาให้เลือกพร้อมกันทั่วประเทศ ให้สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมบริหารพรรค

ขณะนี้ไม่มีใครเป็นใหญ่ในพรรค ประชาชนเป็นใหญ่ เพราะเขาเป็นคนเลือกเรา ถ้าเราไปทำอะไรที่สมาชิกพรรคเกินครึ่งหนึ่งไม่ชอบ เราก็ทำไม่ได้ แต่ระบอบเก่า มีคนพยายามทำ บอกว่ามีคนเป็นสมาชิกให้ 100 คน ซึ่ง 100 คน 3 หมื่นบาทใครก็ออกได้ แต่เราไม่เอา เพราะคนเป็นสมาชิกพรรคต้องจ่ายจริง

ผมไม่ได้ทำแบบที่นายสุเทพทำอยู่คือเดิน เพราะเป็น ระบบการเมืองเดิม ผมไม่ใช้ระบบนั้น เพราะตรวจสอบแล้วพบว่า 46 เปอร์เซ็นต์ของประชาชน ทั้งเด็กรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่ารวมกัน จะใช้สื่อโซเชี่ยลมีเดีย และอีกครึ่งหนึ่งใช้เดินพบปะประชาชน ซึ่งผมไม่เก่งเรื่องนั้น ถ้าจะทำสำเร็จก็ต้องทำของที่เราเก่ง ของที่เราไม่เก่ง ก็ทำแค่ให้ไม่เสียหาย ผมไปเปิดสาขาให้พูดนิดหน่อย อยากให้ทักคนก็ทัก แต่ไม่มีทางเหมือนส..ที่เป็นมืออาชีพมาทั้งชีวิต

ส่วนเรื่องโซเชี่ยลฯ แม้จะไม่เก่ง ก็ต้องหาคนที่รู้มาทำให้ เพราะไม่รู้มาก่อนในวันที่สมัครเป็นหัวหน้าพรรค จึงไม่ได้เตรียมตัว ก็ใช้เวลาเตรียมตัว 2 เดือน ตอนนี้ก็พร้อม เพราะข้อมูลเดี๋ยวนี้ไม่ต้องใช้เวลาเป็นปี หรือต้องไปเคาะประตูบ้าน แต่การเคาะประตูบ้านยังต้องทำอยู่ คนก็อยากเจอกัน แต่ไม่ใช่วิธีที่สื่อข้อมูลไป สื่อนโยบายออกไป โซเชี่ยลมีเดียทำได้ดีกว่า

รปช.ได้รายชื่อผู้สมัครครบหรือยัง

บอกไม่ได้ ผมบอกตรงๆ เลย ผมปล่อยเพราะเลขาธิการพรรคเป็นอัยการเก่า ผมใช้นโยบายลอยตัว ไม่ได้ลงลึก ถึงอย่างไรหัวหน้าพรรคต้องเซ็นเช็คทุกใบอยู่แล้ว ควบคุมได้ระดับหนึ่ง ก็มีการปรามๆ เอาไว้ บังเอิญในพรรคไม่มีปัญหาเพราะเราทำตามกกต.อยู่แล้ว ส่วนตัวผู้สมัครส่งไม่ครบ 350 เขต ก็ใกล้จะครบ

ประชาชนอาจมองว่าไม่ค่อยติดดิน จะทำให้เห็นว่าเราติดดิน และสัมผัสได้ ได้อย่างไร

คิดว่าประชาชนไม่ได้อยากให้ผมติดดิน แต่ผมไปมาหลายแห่ง เปิดสาขาพรรค ไปพบปะประชาชนเป็นกลุ่ม 20 คน อย่างนี้ ผมคงไม่สามารถไปแข่งกันคนที่ทำมา 30 ปี ซึ่งประชาชนก็เข้าใจ อยู่ดีๆ จะให้ผมมาพูดแข่งกับคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งแพ้กันตั้งแต่อยู่ในโรงเรียนแล้ว มันเป็นไป ไม่ได้ เราก็ต้องเลือกของที่เราแข็งแล้วทำให้ดี ส่วนของที่อ่อนก็ทำให้แค่ไม่เสียหายมากนัก

เมื่อเป็นหัวหน้าพรรคแล้ว จะทำอย่างไรให้ออกจากเงาของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้

ผมถึงบอกว่าผมทำลอยตัวอยู่ ถ้าพรรคเดินไปเรื่อยๆ ก็จะมีขบวนการ มีคนเดินไป จริงๆ ผมไม่ได้คิดที่จะติดหรือไม่ติดอะไรกับกำนัน เพราะกำนันเป็นคนหัวแข็ง มีคนชอบและไม่ชอบมาก เราก็ค่อยๆ เดินไป ถ้าเผื่อเป็นรัฐบาล เราถูกจำกัดด้วยหน้าที่ในรัฐบาลอยู่แล้ว กำนันสั่งคนในพรรคได้ แต่กำนันสั่งใครไม่ได้นอกพรรค และเราไม่ได้เป็นพรรคเดียว

ถ้าหากเราชนะได้ 250 คน แล้วเป็นรัฐบาลก็คงยุ่ง แต่เราไม่ได้เป็นอย่างนั้น เราเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล เมื่อเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล คนที่อยู่ในรัฐบาลก็จะมี อำนาจมาก กำนันบอกว่ากำนันไม่เข้ารัฐบาล ไม่อะไรทั้งนั้น ซึ่งคงต้องทำอย่างนั้นจริง และท่านก็มีเหตุผล ซึ่งผมทำได้เท่าที่ทำได้และค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป

ภาพออกมานายสุเทพยังเด่นกว่าหัวหน้าพรรค จะทำอย่างไรให้เราเด่นขึ้นมา

ไม่จำเป็น ปัญหาคือตอนนี้ไม่ใช่เรื่องจะทำอย่างไรถึงจะเด่น แต่ทำอย่างไรความคิดถึงจะออกว่าเราคิดอะไร ซึ่งจะทำผ่านโซเชี่ยลมีเดีย และหนังสือพิมพ์ ขอให้ดูต่อไปแต่ก็ได้แค่ระดับหนึ่ง

การเลือกตั้งครั้งนี้ดูเหมือน รปช.มั่นใจว่าจะได้เข้าร่วมรัฐบาล

การเลือกตั้งครั้งนี้เราจะไม่ส่งบัญชีนายก รัฐมนตรี ซึ่งจะทำให้เราร่วมกับใครก็ได้ ทั้งนั้น และปัญหาหนึ่งที่เราเป็นห่วงคือพล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะมีปัญหา ถ้าพล..ประยุทธ์ มีปัญหาประเทศก็มีปัญหา วิธีแก้มีหลายวิธี คือคนที่เข้ากับพล..ประยุทธ์ได้ง่าย เมื่อเราไม่มีบัญชีนายกฯ ก็ง่ายกว่า สื่อเจตนาว่าเราอยากช่วยให้ใครก็ได้ที่มีคะแนนนำ ถ้าพล..ประยุทธ์มีคะแนนนำ ซึ่งดูแล้วท่านเชื่อเช่นนั้น ท่านก็ไม่ต้องไปหาจากที่อื่น เรา เข้าง่าย ไม่ต้องมาว่ามีบัญชีนายกฯ เหมือนกัน ซึ่งรปช.ไม่ได้นำมาชูในการหาเสียง เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่คนจะเห็นเอง

รปช.จะได้กี่ที่นั่ง เพื่อให้ได้เข้าร่วมรัฐบาล

คนเดียวก็เข้าร่วมรัฐบาลได้ อย่างไรเราก็ไม่ได้ 250 คน เมื่อเป็นเช่นนั้น เราต้องทำให้พรรคที่มีประชาชนเป็นเจ้าของ หมายความว่ารปช.ต้องได้คะแนนเสียงอย่างน้อย 5 เปอร์เซ็นต์ เพราะจะทำให้บัญชีนายกฯ มีผลครบถ้วนตามกระบวนการรัฐธรรมนูญ ส่วนเราไม่ส่งบัญชีรายชื่อก็เรื่องของเรา

ผมต้องการให้พรรคนี้แจ้งเกิดว่า พรรคการเมืองที่ประชาชนเป็นเจ้าของ ตั้งได้เดินได้ ทำไมเราเชื่อเช่นนั้น ผมเชื่อว่าคนไทยอย่างน้อย 40 ล้านคน มีเงิน 365 บาทต่อปี ที่จะลงทุนการเมืองของเขา เราสามารถทำให้ข้อมูลตรงนี้ไปถึงเขาพอหรือไม่ ขั้นแรก เป็นสมาชิก ขั้นสองถ้าเป็นสมาชิกไม่ทันวันเลือกตั้งเขาเลือกเราให้ถึง 5 เปอร์เซ็นต์

มองว่ารัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะอยู่ได้นานแค่ไหน

หวังว่าอย่างน้อย 1 ปีให้จบอาเซียนซัมมิต จะอยู่แค่ไหนก็ขึ้นกับว่าคนส่วนมาก เขาอยากได้อย่างนั้นหรือไม่

ถ้าพล..ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้งจะไปได้นานแค่ไหน

ถ้าคนมองว่าไปไม่ได้ เขาก็ไม่เลือกอยู่แล้ว

คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน