ผบ.ทบ.โต้ปฏิวัติซ้อน ผลสำรวจฟรีดอมเฮาส์ ระบุไทยยังไม่มีเสรีภาพ ฎีกาคุกหมิ่นคิงเพาเวอร์

ไทยไม่มีเสรีภาพ ฟรีดอมเฮาส์จัดให้อยู่กลุ่มเผด็จการ ชี้รธน.ประกันอิทธิพลทหารเหนือพลเรือน “บิ๊กป้อม” ลั่นไม่มีปฏิวัติซ้อน ยันกองทัพเป็นหนึ่งเดียว ชี้ถ้าปรองดองก็ไร้รัฐประหาร โอดโดนโพสต์ขู่ฆ่าไม่มีใครสน ทบ.อ้าง”บิ๊กตู่”ก็โดนด้วย “ณัฐวุฒิ”จวก”ไก่อู” ฉวยโอกาส ถามหาความจริงใจเรื่องปรองดอง “30 องค์กรสื่อ”ยื่นค้านร่างกม.คุมสื่อ ขณะอนุกมธ.สายสื่อยื่นลาออก ด้านวิปสปท.แจ้งกมธ.นำกลับไปทบทวน

ป้อมลั่นถ้าปรองดองไม่มีปฏิวัติ

เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงเว็บไซต์วอชิงตันโพสต์รายงานบทวิเคราะห์ ระบุประเทศไทยติดอันดับ 2 ที่มีความเป็นไปได้ในการเกิดการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นในปี 2560 ว่า ตนยืนยันและให้ความมั่นใจได้ว่าทหารไม่มีใครอยากทำปฏิวัติรัฐประหาร นอกจากประเทศเดินหน้าต่อไปไม่ได้ แต่ถ้าเราปรอง ดองกันและทุกฝ่ายให้ความร่วมมือกันแล้วคิดว่าการทำปฏิวัติรัฐประหารไม่มีทางเกิดขึ้นได้ อีกทั้งทหารก็อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาล

เมื่อถามว่าถ้าเราทำเรื่องปรองดองสำเร็จ การปฏิวัติจะไม่เกิดขึ้นใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า โอกาสไม่เกิดการปฏิวัติมีสูงมาก ถ้านักการเมืองทั้งหมดสามารถคุยกันได้และดูแลประชาชนได้ ฝ่ายทหารก็อยู่ภายใต้นักการเมือง หากตกลงกันได้หมด ไม่มีความขัดแย้งก็จะหาทางว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติอย่างไรต่อไป

โอดโดนโพสต์ขู่ฆ่า

เมื่อถามว่าในรายงานวิเคราะห์ว่ารัฐบาลชุดนี้จะถูกล้มโดยการปฏิวัติซ้อน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี เพราะทหารเป็นหนึ่งเดียว ยืนยันว่าไม่มีปฏิวัติซ้อน รวมถึงรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็เป็นหนึ่งเดียว เพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ทำทุกอย่างเพื่อประเทศ มีแต่สื่อมวลชนคิดเรื่องปฏิวัติ อีกทั้งรายงานบทวิเคราะห์ของเว็บไซต์วอชิงตันโพสต์ ก็เขียนไปแบบนั้น ทีมีคนเขียนหรือโพสต์ว่าจะ ฆ่าตน ทำไมสื่อมวลชนไม่มาสอบถามกันบ้าง

พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงกรณีมีคนโพสต์ลอบสังหารผ่านโซเชี่ยลมีเดียว่า ไม่ทราบแน่ชัด แต่จากการตรวจสอบพบในโซเชี่ยล ส่วนจะเป็นฝ่ายการเมืองหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ ให้สื่อไปดูกันเอง “ผมไม่รู้ว่าใครมาขู่ฆ่าผม ไม่รู้จริง ไปดูเอาเองในโซเชี่ยล ไม่รู้ฝ่ายไหนเหมือนกัน”

เมื่อถามว่ารู้สึกหวั่นไหวกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จะหวั่นไหวหรือไม่หวั่นไหวก็ต้องระวังตัว แต่ตนทำงานเพื่อบ้านเมือง ทั้งนี้ ต้องวิเคราะห์ข่าวดังกล่าวว่ามีมูลความจริงอย่างไร ส่วนสาเหตุที่พุ่งเป้ามาที่ตนนั้นไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะอะไร

ทบ.อ้างพ่อค้าขู่ฆ่า”บิ๊กตู่”ด้วย

รายงานข่าวจากกองทัพบกแจ้งว่า สำหรับมือโพสต์ข้อความข่มขู่พล.อ.ประวิตรนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบและควบคุมตัวมาแล้ว 1 คน แต่ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลต่อไป โดยก่อนหน้านี้ ทบ.ได้ตรวจพบคนโพสต์ข้อความผ่านโซเชี่ยลมีเดีย ลอบสังหารพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งคนที่โพสต์เปิดร้านอยู่ที่ห้างดังแห่งหนึ่ง

พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. ให้สัมภาษณ์กรณีโพสต์ขู่ฆ่าพล.อ.ประวิตร ว่า เป็นเรื่องของโซเชี่ยลมีเดีย ใครคิดอะไรก็เขียนได้ ส่วนกระแสข่าวว่าตรวจพบกรณีมีเจ้าของร้านโพสต์ขู่ฆ่าพล.อ.ประยุทธ์ หากมีประเด็นเราก็ตาม เข้มงวดกวดขันอยู่แล้ว ส่วนการตรวจสอบต้นตอของข่าวคิดว่านายกฯ และรองนายกฯ ได้สั่งการไปแล้ว เชื่อว่าไม่มีอะไร คนขู่ก็ขู่ แต่เมื่อขู่แล้วถ้าเป็นการขู่ที่ล่วงเกินและทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการตามนั้น ส่วนที่พล.อ.ประวิตรกลายเป็นเป้านั้นเพราะเป็นหัวใจของความมั่นคง

เมื่อถามถึงรายงานของวอชิงตันโพสต์ระบุประเทศไทยเสี่ยงเกิดรัฐประหารเป็นอันดับ 2 ของโลก พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า สื่อเชื่อหรือไม่ ฝรั่งก็พูดไป คนไทยมีสมองรู้จักคิด เราอยู่ในพื้นที่เอง รู้ว่าอะไรเป็นอะไร และเรื่อง ดังกล่าวตนพูดไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ต.ค.2559 ในวันที่มอบนโยบายให้กับกองทัพบกว่าไม่มี

ณัฐวุฒิจวก”ไก่อู”ฉวยโอกาส

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า ตนเคยเป็นโฆษกรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ขณะทำหน้าที่ต้องตระหนักตลอดว่า สิ่งที่พูดผ่านสื่อมวลชนย่อมถูกมองได้ว่าเป็นท่าทีของรัฐบาล จึงไม่เข้าใจสิ่งที่โฆษกรัฐบาลคนปัจจุบันทำหลังศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุกจำเลยคดีชายชุดดำในเหตุการณ์ 10 เม.ย.2553 ทั้งนี้ ตนไม่รู้จักกับจำเลย และการชุมนุมของนปช.ยึดหลักสันติวิธีมาโดยตลอด คนเป็นโฆษกรัฐบาลต้องมีความรู้ว่าคดีนี้มีผู้ต้องหา 5 คน ยกฟ้อง 3 คน จำคุก 2 คน ฐานความผิด คือครอบครองอาวุธ ไม่มีฐานความผิดเรื่องใช้อาวุธ ไปฆ่าใคร และคดียังไม่ถึงที่สุด เพราะจำเลยยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีจนถึงชั้นฎีกา แล้วต้องรู้ด้วยว่าศาลวินิจฉัยสาเหตุการตายของประชาชนมือเปล่ากว่า 20 รายว่าเกิดจากกระสุนปืนฝั่งเจ้าหน้าที่ และมีอีกหลายสิบรายยังไม่ได้ไต่สวน จนบัดนี้ยังไม่รู้ว่าคดีประชาชนเสียชีวิตจะได้เริ่มต้นหรือไม่

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การหยิบฉวยคำพิพากษา ศาลชั้นต้นมาด่วนสรุปว่า การชุมนุมของประชาชนในเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการชุมนุมติดอาวุธ มีการเข่นฆ่าประชาชนและเจ้าหน้าที่ จึงเป็นเรื่องไม่สมควร เพราะเป็นประเด็นละเอียดอ่อนทั้งต่อความรู้สึกของแต่ละฝ่าย และต่อบรรยากาศการสร้างความปรองดองในภาพรวม

ถามหาความจริงใจปรองดอง

นายณัฐวุฒิกล่าวด้วยว่า ไม่เคยคิดเอาคดีนี้หรือคดีใดๆ เป็นข้ออ้าง ทุกคดีของแกนนำกำลังต่อสู้กันในชั้นศาล และยืนยันว่าจะไม่เป็นอุปสรรคเรื่องการปรองดอง แต่เป็นห่วงว่าท่าทีแบบโฆษกรัฐบาลจะเป็นปัญหา และจะเกิดคำถามเรื่องความจริงใจของรัฐบาลตามมาด้วย เพราะนับวันยิ่งเห็นคนบนเรือแป๊ะแสดงออกเหมือนไม่อยากให้การปรองดองเดินหน้ามากขึ้นทุกที

“ผมต้องทำหน้าที่ปกป้องความบริสุทธิ์ของประชาชนที่สูญเสีย ถ้ายังให้ความจริงหรือความยุติธรรมไม่ได้ ก็ควรเคารพต่อดวงวิญญาณของพวกเขา เรื่องคดีก็ว่ากันไป แต่การเขี่ยแผลในใจกันในวันที่บ้านเมืองต้องการความร่วมแรงร่วมใจนั้น สมควรหรือไม่ต้องพิจารณา” นายณัฐวุฒิกล่าว

“ปู”ไหว้พระขอพรก่อนขึ้นศาล

วันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้โพสต์ข้อความและภาพในเฟซบุ๊ก ระบุว่า วันนี้ได้เดินทางมาที่ศาลเจ้ามูลนิธิธรรมกตัญญู (เสียนหลอไต้เทียนกง) ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เพื่อกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และขอพร ในช่วงนี้ทางศาลเจ้าได้ตกแต่งสถานที่อย่างสวยงาม จัดให้ผู้เข้ามาไหว้เทพเจ้า 5 พระองค์ เจ้าแม่กวนอิม เจ้าว่านซ่านเหย่ รวมถึงการเดินข้ามสะพานมงคล และลอดอุโมงค์แห่งแสงสว่าง ถือโอกาสนี้ขอพรเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กับทุกคนด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้ากราบสักการะศาลเจ้าเสียนหลอไต้เทียนกง ในวันนี้ เพื่อขอพรเนื่องจากในวันที่ 3 ก.พ. อดีตนายกฯ จะต้องขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อสืบพยานฝ่ายจำเลยนัดที่ 11 คดีจำนำข้าว

ฟรีดอมเฮาส์ชี้ไทยอยู่กลุ่มไม่เสรี

วันเดียวกันนี้ ฟรีดอมเฮาส์ องค์การที่รายงานเรื่องเสรีภาพสื่อและเสรีภาพอินเตอร์ เน็ต เปิดเผยรายงานสถานการณ์เสรีภาพโลกในปี 2017 ว่า ในปี 2559 เสรีภาพทั่วโลก ลดลงติดต่อกันเป็นปีที่ 11 แล้ว เนื่องจากแรงผลักดันทางการเมืองแนวคิดประชานิยมและเผด็จการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญภายในประเทศ ที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย ไทยยังอยู่ในกลุ่ม “ไม่เสรี” คะแนนเท่ากับ 32 คะแนน ซึ่งเท่ากับการจัดอันดับเมื่อปี 2558

รายงานของฟรีดอมเฮาส์ระบุถึงผู้นำประเทศ จากซูดานใต้ เอธิโอเปีย ไทย และฟิลิปปินส์ ว่า ยังมีความเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นวงกว้างแต่กลับไม่ได้รับการลงโทษแต่อย่างใด

ฟรีดอมเฮาส์ระบุว่า รัฐบาลเผด็จการทหารที่ยึดอำนาจตั้งแต่ปี 2557 ยังรักษาอำนาจไว้โดยยื่นฟ้องร้องแม้กระทั่งคำวิพากษ์วิจารณ์ที่น้อยที่สุดภายใต้ข้อกฎหมายที่เข้มงวดจำนวนมาก ในบรรยากาศที่จำกัดเช่นนี้ ประชาชนได้ลงประชามติผ่านร่างรัฐธรรมนูญที่รับประกันอิทธิพลยิ่งใหญ่ของทหารเหนือระบอบการเมือง ที่มาจากพลเรือน แม้กระทั่งภายหลังจากการเลือกตั้งทั่วไปที่จะจัดขึ้นในปี 2560

มาร์คโดดค้านปฏิรูปสื่อด้วย

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า หากยุบคณะกรรมการต่างๆ ที่ทำงานด้านปรองดองจริง แล้วให้ป.ย.ป.เป็นหลัก ทุกอย่างน่าจะเป็นเอกภาพแล้วเดินได้รวดเร็วชัดเจน ส่วนใครอยากมีส่วนร่วมอะไรอย่างไรก็ให้ไปที่นั่นจะดี ที่สุด เพราะถ้ามีเจ้าภาพหลายเจ้าภาพก็คงสับสนและไม่ประสบความสำเร็จ ส่วนที่พรรค เพื่อไทยระบุปัญหาความขัดแย้งที่ผ่านมาเกิดขึ้นเพราะมีคนแพ้เลือกตั้ง ขอยืนยันว่าไม่จริง

“ผมว่าแทนที่จะชี้นิ้วว่าคนนี้คนนั้น เราเอาเนื้อหาสาระที่เป็นเงื่อนไขความขัดแย้งมา ดูแล้วมาช่วยกันคิดว่าจะไม่ให้มันเกิดอีกอย่างไรน่าจะดีที่สุด ฉะนั้นเรื่องการเลือกตั้ง เรื่องการใช้อำนาจหลังเลือกตั้ง เรื่องการแสดง ออกเมื่อมีการใช้อำนาจในทางไม่ชอบจะมีวิธีอย่างไร น่าจะเป็นหัวข้อที่นำมาคุยกัน แต่ถ้าเราไปเริ่มต้นด้วยบทบาทของคนก็ทะเลาะกันอีก เรื่องไม่จบ ดังนั้น ต้องเอาสาระมาดู แล้วดูว่าวิธีป้องกันในวันข้างหน้าจะทำอย่างไร เรายอมรับแนวทางที่คุยกันอย่างนี้หรือไม่ นั่นคือปรองดอง ส่วนเรื่องในอดีตให้ศาลยุติธรรมตัดสินไป” นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงความพยายามควบคุมสื่อว่า สื่อมวลชนไม่ขัดข้องเรื่องปฏิรูปสื่อ แต่ถึงขั้นให้ขึ้นทะเบียน เพิกถอนใบอนุญาต และเป็นช่องทางที่จะปิดปากคนที่ใช้สิทธิเสรีภาพทางสื่อได้อย่างนี้มันอันตราย ที่สำคัญถ้าเปิดช่องให้แทรกแซงได้ก็ทำลายกลไกที่สำคัญในการตรวจสอบถ่วงดุลในสังคม ฉะนั้นผู้ที่เกี่ยว ข้องต้องทบทวน

หมวดเจี๊ยบซัดแทรกแซงสื่อ

ด้านร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต ทีมสำนักเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่พล.อ. ประยุทธ์ ประกาศว่าคนทุกอาชีพต้องถูกจัดระเบียบนั้น ขอถามว่ารวมถึงกองทัพด้วยหรือไม่ กองทัพจำเป็นต้องมีสภาวิชาชีพแล้วจะยอมให้มีพลเรือนไปร่วมนั่งเป็นบอร์ดคอยกำกับจรรยาบรรณ เพื่อป้องกันการปฏิวัติได้หรือไม่ ซึ่งการออกมาตรการเพื่อจัดระเบียบอาชีพต่างๆ นั้น พล.อ.ประยุทธ์ควรดูความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติด้วย ควรเปิดใจรับฟังความต้องการของคนในแต่ละสาขาอาชีพบ้าง ไม่ใช่จ้องจะใช้อำนาจบังคับอย่างเดียว

ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวว่า ส่วนการปฏิรูปสื่อนั้น หากเป็นการปฏิรูปอย่างแท้จริงเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ เชื่อว่าสื่อคงไม่ออกมาต่อต้านแบบนี้ แต่สิ่งที่ผู้มีอำนาจกำลังจะทำนั้นไม่ใช่การปฏิรูป แต่เป็นการแทรกแซงการทำงานของสื่อ ทำให้สื่อไม่สามารถตรวจสอบผู้มีอำนาจได้ ที่สำคัญก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์จะมาบังคับผู้สื่อข่าวเรื่องใบอนุญาตสื่อ ขอถามว่า พล.อ.ประยุทธ์จัดรายการทีวีสองปีกว่าๆ นี้ มีใบอนุญาตจัดรายการทีวีถูกต้องหรือเปล่า

30 องค์กรยื่นค้าน”กม.คุมสื่อ”

ที่รัฐสภา ตัวแทนสมาพันธ์และสมาคมสื่อมวลชน 30 องค์กร นำโดยนายวันชัย วงศ์มีชัย ประธานสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เข้ายื่นข้อร้องเรียนและคัดค้าน ร่างพ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ….. ของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ต่อนายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท.คนที่หนึ่ง โดย กมธ.ด้านสื่อสารมวลชนจะเสนอร่างกฎหมายและรายงานที่เกี่ยวข้องต่อที่ประชุม กมธ.วิสามัญกิจการ สปท. (วิป สปท.) ในวันนี้

วันเดียวกัน นายจักร์กฤช เพิ่มพูน นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ น.ส.สุวรรณา สมบัติรักษาสุข และน.ส.อมรรัตน์ มหิมธิรุกข์ ในฐานะอนุ กมธ.ด้านสื่อสิ่งพิมพ์ ของ กมธ.สื่อสารมวลชน สปท. ยื่นหนังสือขอลาออกจากอนุ กมธ. ต่อนางประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด ในฐานะประธานอนุ กมธ.และรองประธาน กมธ.สื่อสารมวลชน

วิปสปท.ให้ทบทวนกม.คุมสื่อ

นายคำนูณ สิทธิสมาน เลขานุการและโฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญกิจการสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (วิป สปท.) แถลงผลการประชุม ซึ่งพิจารณารายงานการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศของ กมธ. ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน ที่เสนอร่างพ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน และร่าง พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ (ฉบับที่….) พ.ศ…. ว่า มติที่ประชุมวิปสปท. ขอให้กมธ.ด้านการสื่อสารมวลชนนำเนื้อหาของร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับกลับไปทบทวนเนื้อหาให้มีความรอบคอบ เนื่องจากมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสาธารณะ ตนเชื่อว่ากมธ.ด้านการสื่อสารมวลชน จะรับไปพิจารณา ผ่านการรับฟังความเห็นอย่างรอบด้านจาก ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน

รายงานข่าวจากรัฐสภา แจ้งว่า ที่ประชุมวิป สปท.มีมติให้ กมธ.นำร่างกฎหมาย ดังกล่าวไปปรับแก้เป็นเวลา 2 สัปดาห์ จากนั้นให้นำเข้าที่ประชุมวิป สปท.อีกครั้ง ในวันที่ 16 ก.พ. และหากวิป สปท.เห็นชอบก็จะบรรจุวาระในการประชุมใหญ่ สปท.วันที่ 20 หรือ 21 ก.พ.ต่อไป

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึง 30 องค์กรสื่อยื่นหนังสือคัดค้านร่างพ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิเสรีภาพฯ ของกมธ.ด้านการสื่อสารมวลชน สปท. และ 4 ตัวแทนสื่อยื่นลาออกจากอนุกมธ.ว่า คนเราก็แตกต่างได้ ต้องคุยกันจึงจะได้สิ่งที่ต้องการ แต่ถ้าไม่คุยก็จะไม่รู้ถึงความต้องการของแต่ละฝ่าย จึงเห็นว่าการพูดคุยกันเป็นประโยชน์ที่สุด ส่วนจะเป็นการกดดันไม่ให้บรรจุในวาระหรือไม่นั้น ตรงนี้ต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน หรือชะลอไว้เพื่อคุยกันให้ จบสิ้น เพราะยังมีเวลา แต่ถ้าจะไปประท้วงด้วยวิธีไม่ร่วมด้วยก็ไม่น่าจะได้อะไรในสิ่ง ที่เราต้องการ ทั้งนี้หากคุยกันแล้วยังเห็นคนละทาง ก็ต้องไปหาคนที่มีความเห็นกลางๆ มาเพื่อหาทางออกที่เป็นความต้องการของ ทุกฝ่าย ซึ่งขึ้นอยู่กับทั้งสองฝ่ายว่าจะไว้วางใจใครให้ช่วยหาทางออกได้ ทั้งนี้ข้อเสนอของ สปท. ซึ่งยังไม่เป็นที่สุด ยังไปไม่ถึง สนช.และ รัฐบาล ส่วนสนช.กับรัฐบาลจะเอาอย่างไร ก็ไม่ทราบ

พรเพชรยันสนช.ไม่เกี่ยวสินบน

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ว่า ขณะนี้แก้ปัญหาเรื่องการส่งมอบพื้นที่เสร็จแล้ว และเดินหน้าก่อสร้างตามเป้าหมายได้ ซึ่งคืบหน้าร้อยละ 30 แต่ยังต้องติดตามเป็นระยะ เพราะไม่มั่นใจว่าจะเกิดปัญหาอื่นตามมาระหว่างการก่อสร้างอีกหรือไม่ แต่ยืนยันว่าสนช. ชุดนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างใดๆ

นายพรเพชรกล่าวถึงกระทรวงยุติธรรมสหรัฐระบุมีการจ่ายสินบนแก่บุคคลที่อ้างตัวเป็นที่ปรึกษาโครงการติดตั้งกล้องซีซีทีวีในรัฐสภาไทย เมื่อปี 2549 ว่าคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวจะประชุมนัดแรกในบ่ายวันนี้ โดยก่อนหน้านี้มีข้อมูลว่ามีการจัดซื้อจัดจ้างเกิดขึ้นจริง 2 ครั้ง ซึ่งคณะกรรมการจะต้องตรวจสอบรายละเอียด และเนื่องจากข้อมูลไม่ได้เกิดจากผู้ร้องเรียนในไทย ดังนั้นต้องรอให้ป.ป.ช.ของอังกฤษและกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐส่งข้อมูลมาให้ ระหว่างนี้เราไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงการดำเนินการได้

2 สัปดาห์รู้ผลสอบสินบนซีซีทีวี

พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ ประธานคณะกรรม การสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีกระทรวงยุติธรรม สหรัฐระบุมีการจ่ายสินบนโครงการติดตั้งกล้องวงจรปิด ซีซีทีวีในรัฐสภาปี 2549 ที่นายพรเพชรแต่งตั้ง กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการนัดแรกว่า ที่ประชุมกำลังตรวจสอบข้อมูลบริษัท ไทโก้อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศ ไทย) จำกัด กับบริษัท ไทโก้ ไฟร์ซีเคียวริตี้ แอนด์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ที่เป็นคู่สัญญาจัดซื้อกล้องวงจรปิดกับสำนักเลขา ธิการสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างปี 2544-2553 ว่า ทั้งสองบริษัทเป็นบริษัทเดียวกันหรือไม่ แต่เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นบริษัทเดียวกัน

พล.อ.อ.วีรวิทกล่าวต่อว่า คาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น 2 สัปดาห์ จากนั้นจะไปรายงานข้อมูลต่อศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ที่มีนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม เป็นประธาน ในวันที่ 9 ก.พ.นี้ ส่วนข้อมูลเชิงลึกว่ามีการจ่ายสินบนให้ที่ปรึกษาโครงการจัดซื้อกล้องซีซีทีวีหรือไม่ ต้องรอจากสำนักงานคณะกรรม การป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่กำลังประสานข้อมูลเรื่องดังกล่าวจากกระทรวงยุติธรรม สหรัฐ อยู่

ศอตช.ยันต้องหาคนผิดมาลงโทษ

นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า นายสุวพันธุ์ ในฐานะประธานศอตช. ได้ร่วม หารือกับผู้บริหารของหน่วยงานตรวจสอบกลางของป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยเห็นตรงกันว่าการตรวจสอบหา ข้อเท็จจริงกรณีทุจริตประพฤติมิชอบนั้น ต้องทำอย่างเร่งด่วน ทั้งขอให้ตรวจสอบข้อมูลภายในประเทศ รวมถึงการขอข้อมูลจากต่างประเทศ โดยขอให้แต่ละหน่วยทำอย่างเต็มศักยภาพ ประสานส่งข้อมูลให้แก่กันได้ทันที เพื่อขยายผลเพิ่มเติมในเรื่องตัวบุคคลและเอกสารเกี่ยวข้อง

นายธวัชชัยกล่าวว่า สิ่งที่ต้องการคือให้รู้ตัวผู้กระทำความผิด ขณะเดียวกัน ศอตช. ต้องพิจารณาเรื่องมาตรการตรวจสอบและมาตรการป้องกันด้วย เพราะการต่อต้านการทุจริตมิได้จำกัดอยู่เฉพาะการตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ต้องดำเนินการและปรับมาตรการตรวจสอบเรื่องเกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคตด้วย ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้า ศอตช. จะติดตามความคืบหน้ากรณีสินบนที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ รวมทั้งหารือมาตรการของรัฐบาลที่เกี่ยวกับการต่อต้านการทุจริต ยืนยันว่า ศอตช.และหน่วยตรวจสอบกลางมีเป้าหมายเดียวกัน คือหาตัวผู้กระทำความผิดมารับโทษให้ได้

มท.กำชับผวจ.ห้ามขอบริจาค

เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 2 ก.พ. นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ส่งหนังสือด่วนที่สุด ถึงผู้ว่าราชการจังหวัด โดยระบุว่า ขณะนี้มีข่าวที่มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ ของผู้ว่าฯ หลายกรณี ทั้งเรื่องงบพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด การอนุญาตเปิดปิดโรงแรมสถานบริการ และการขอรับบริจาคโดยอ้างการสาธารณกุศลนั้น จึงขอให้วางระบบการทำงานให้ถูกต้องตามขั้นตอนของระเบียบกฎหมาย โปร่งใส ตรวจสอบได้ ควรเพิ่มช่องทางให้ประชารัฐจังหวัดหรือประชาคม จังหวัด หรือประชาชนมีส่วนร่วมในขั้นตอนต่างๆ ของการทำงาน

สำหรับงานที่จังหวัดต้องขอรับบริจาคหรือมีการเรี่ยไรจากประชาชนหรือผ่านส่วนราชการนั้น ขอให้งดเว้นหรือยกเลิกเพราะจะเป็นช่องว่างให้เกิดการครหาได้ว่าแอบอ้างเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน ทั้งนี้ ควรให้องค์กรการกุศลที่มีคณะกรรมการรับผิดชอบดำเนินการโดยตรง ต้องอุดช่องว่างทุกเรื่องที่อาจถูกกล่าวหาว่าไม่โปร่งใสหรือส่อทุจริตลงให้ได้

ผบ.ทบ.ชี้ไม่ผูกขาดซื้ออาวุธจีน

ที่บก.ทบ. พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. กล่าวถึงพล.อ.ประวิตรนำคณะเหล่าทัพไปตรวจ เยี่ยมกองโรงงานซ่อมสร้างยุทโธปกรณ์สายสรรพาวุธ ศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก (กรซย.ศซส.สพ.ทบ) ที่อ.เมือง จ.นครราชสีมาว่า เป็นนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนอุตสาห กรรมป้องกันประเทศ ซึ่งในอนาคตหากจัดตั้งโรงงานได้ อาจออกมาในรูปแบบการร่วมทุนเพื่อผลิตสิ่งอุปกรณ์ที่เกิดประโยชน์ ใช้ในกองทัพเองหรือในพาณิชย์ ถือเป็นเรื่องที่ดี และเป็นอีกก้าวที่เราทำให้เกิดอุตสาหกรรม ป้องกันประเทศ

เมื่อถามว่ามีประเทศไหนสนใจจะมาร่วมลงทุนตั้งโรงงานบ้าง พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า จีนมาดูอยู่ แต่ยังไม่มีข้อเสนอและรายละเอียดของการตกลง ถือเป็นการสำรวจข้อมูลเบื้องต้น และคิดว่าในอนาคตจะมีความคืบหน้าตามมา ถือเป็นสิ่งที่ดี

ผู้สื่อข่าวถามว่าในกองทัพมีการใช้อาวุธจีนมากน้อยแค่ไหน พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า ก็มีพอสมควร ปัจจุบันมีรถถัง วีที 4 ปืนใหญ่ รถสายพานลำเลียงพล

เมื่อถามว่าในอนาคตจะต้องซื้อยุทโธปกรณ์ ของจีนหรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า ไม่จำเป็น ขนาดนั้นและไม่ใช่การผูกขาด เราต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศโดยตัวเราเอง แต่ขีดความสามารถยังไปไม่ถึงก็ต้องนำประเทศที่มีศักยภาพเข้ามาถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เรา ตรงนี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญ คงไม่ได้ผูกขาด ว่าต้องเป็นประเทศไหน

ปปช.เร่งไต่สวนว่าที่เลขาฯ กกต.

วันเดียวกัน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีหนังสือสอบถามคุณสมบัติ นายอำพล วงศ์ศิริ ที่ได้รับการสรรหาเป็นเลขาธิการกกต.คนใหม่ขาดคุณสมบัติหรือไม่ เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในสำนักงานป.ป.ช. ว่า ป.ป.ช.กำลังเร่งไต่สวนข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุด เพราะคดีดังกล่าวอาจกระทบต่อนาย อำพลและคนในครอบครัว เนื่องจากถูกชะลอการแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการกกต.คนใหม่ ขั้นตอนต่อไปเหลือแค่สอบพยานบุคคลอีก 2-3 ปากที่เกี่ยวข้อง และขณะที่ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนอยู่นั้น นายอำพลยังไม่มีความผิด หาก กกต.จะแต่งตั้งนายอำพลหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกกต.เอง

ร.10รับสั่งให้เร่งช่วยราษฎร

วันที่ 2 ก.พ. ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นประธานประชุมคณะกรรมการเพื่อบูรณาการข้อมูล แผนงานและโครงการพัฒนาระบบโครงสร้าง พื้นฐานของประเทศ เพื่อเป็นแผนหลักในการดำเนินการด้านผังเมือง ครั้งที่ 1/2560 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม อาทิ ปลัดกระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน และข้าราชการระดับสูงกระทรวงมหาดไทย

พล.อ.อนุพงษ์กล่าวตอนหนึ่งว่า โครงสร้างพื้นฐานด้านแหล่งน้ำมีกระจัดกระจายอยู่หลายหน่วยงาน นายกฯ อยากให้ทุกฝ่ายนำข้อมูลมาบูรณาการร่วมกันเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ อย่างการวางระบบคมนาคมมีโครงสร้างสาธารณูปโภคที่ใดบ้างที่มีผลต่อการขวางทางน้ำไหล เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาต่อไปในอนาคต ซึ่งหลังการเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงรับสั่งว่าการทำงานจะต้องไม่ซ้ำซ้อนกัน จะต้องช่วยเหลือประชาชนอย่างรวดเร็ว และต้องมีแผนงานเพื่อแก้ไขไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นอีก

ด้านนายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า ขณะนี้กรมโยธาฯ กำลังปรับปรุงผังประเทศใหม่ เนื่องจากผังที่ทำไว้เมื่อปี 2550 มีนโยบายของรัฐที่เปลี่ยนแปลง เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษ ระบบรถไฟรางคู่ มอเตอร์เวย์ ระบบคมนาคมขนส่งทางอากาศ แหล่งน้ำ ธรรมชาติ ระบบราง ระบบถนน จำเป็นต้องปรับปรุงใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมมีการแจ้งให้ทราบถึงระบบการวางผังเมืองของประเทศ โดยผังเมืองรวมเมือง/ชุมชน มีผังแม่บทพัฒนาเมือง จัดระเบียบการใช้ประโยชน์ที่ดิน วางระบบคมนาคมขนส่ง โดยดำเนินการ 480 แห่ง ประกาศเป็นกฎกระทรวงแล้ว 233 ผัง อยู่ระหว่างดำเนินการ 247 ผัง

ฎีกาคุก-หมิ่นคิงเพาเวอร์

วันที่ 2 ก.พ. นายสมบัตร เดชาพานิชกุล รองประธานกรรมการ กลุ่มคิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดสมุทรปราการได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่บริษัทคิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายประพันธ์ คูณมี เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2554 ในข้อหาหมิ่นประมาท ความผิดต่อพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

จากการที่นายประพันธ์ปราศรัยต่อกลุ่มคนที่มาชุมนุมบริเวณถ.ราชดำเนิน ถ.พิษณุโลก หน้าและข้างทำเนียบรัฐบาล โดยปราศรัยใส่ความบริษัทคิง เพาเวอร์ฯ กรณีได้สัญญาประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากรหรือปลอดภาษี ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยมิชอบ ซึ่งเป็นข้อความเท็จ ทำให้โจทก์เสียหาย เสียชื่อเสียง มิใช่การแสดงความเห็นโดยสุจริต

ทั้งนี้ศาลมีคำพิพากษาว่าการกระทำของนายประพันธ์ เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จึงพิพากษาให้จำคุกนายประพันธ์ 6 เดือน ปรับ 60,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษ 2 ปี และให้โฆษณาคำพิพากษาโดยย่อในหนังสือพิมพ์ 4 ฉบับเป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน

นายสมบัตรกล่าวว่า นอกจากนี้กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ฯ ได้ยื่นฟ้องนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ เป็นจำเลยต่อศาลอาญา เพื่อดำเนินคดีในความผิดฐานหมิ่นประมาททำให้กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ฯได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง จากกรณีแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์หลายครั้งต่อเนื่องตั้งแต่กลางปี 2559 จนถึงปัจจุบัน ในประเด็นต่างๆ กรณีบริษัทได้สัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจากบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ทั้งนี้บริษัทจะยื่นฟ้องนายชาญชัย เพิ่มเติมในคดีอาญาอีกหลายคดี รวมทั้งจะดำเนินการฟ้องคดีทางแพ่งต่อไปด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน