บิ๊กตู่ มอบคำขวัญ ‘วันครู’ ชี้ สอนเด็กคิดนอกกรอบ แต่อย่าอ้าง ‘เสรีภาพ-ปชต.’ ให้ปท.วุ่นวาย ถ้าเป็นแบบนี้ต้องการครูที่มีคุณภาพ ยัน รัฐบาลตั้งใจปฏิรูปการศึกษา ด้านครูรร.นายร้อยฯ ปลื้ม ลูกศิษย์เป็นถึง นายกฯ
วันครู – เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 ม.ค. ที่หอประชุมคุรุสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีงานวันครู ครั้งที่ 63 “คุณธรรมนำครูไทย สร้างเด็กไทยหัวใจซื่อตรง” จัดโดยสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา โดยก่อนเริ่มพิธีนายกฯ ถวายราชสักการะพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 สักการะปฐมบูรพาจารย์ ณ แท่นที่บูชาศีรษะครู 7 องค์ สักการะพระรัตนตรัย สักการะพระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 คารวะพร้อมมอบของที่ระลึกแก่พล.อ.เกษม นภาสวัสดิ์ ครูอาวุโส ซึ่งเป็นครูผู้สอนสมัยรร.นายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
จากนั้นนายกฯ มอบรางวัลผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาของชาติ 2562 จำนวน 4 คน และ 3 บริษัท รางวัลคุรุสภาประจำปี 2561 “ระดับดีเด่น” รางวัลยอดครูผู้มีอุดมการณ์ประจำปี 2561 จำนวน 9 คนโดยปีนี้นายกฯ คำขวัญวันครู “ครูดี ศิษย์ดี มีพัฒนา ก้าวหน้าสู่เทคโนโลยี”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปราศรัยเนื่องในวันครู ว่า วันที่ 16 ม.ค. ของทุกปีเป็นวันครู เป็นครูของแผ่นดิน เป็นครูของประเทศชาติ ของเด็กของสังคม และนอกจากการผลิตลูกศิษย์ไปประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัว ครูต้องสร้างความสงบให้กับสังคมสร้างพัฒนาการการเรียนรู้ เพราะหน้าที่ครูมีมากรองจากพ่อแม่ ต้องอบรมบ่มนิสัยศิษย์ให้มีคุณธรรม จริยธรรมตั้งแต่เด็ก สร้างคนที่เป็นประโยชน์แก่สังคม ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงรับสั่งว่า ต้องทำความดีด้วยหัวใจ ด้วยจิตอาสา เพราะสิ่งเหล่านี้ขาดหายไปจากสังคมมาก ดังนั้นการปลูกฝังคุณธรรมจึงสำคัญ และเมื่อหลายคนมีคุณธรรม ก็จะทำให้องค์กรมีจริยธรรมและเข้มแข็ง มีการเผื่อแผ่แบ่งปันเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ปัญหาสังคมมากตั้งแต่วัยเรียนจนถึงวัยผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุก็สร้างเรื่องได้เหมือนกัน อยากยกย่องว่าครูเป็นปูชนียบุคคลทุกคนให้เกียรติยกย่องในวันครูของทุกปี อยากให้ครูทบทวนว่าทำความดีอะไรไปบ้าง อะไรที่ยังทำไม่ได้ จะทำอะไรให้ดีกว่าเดิมอย่ามุ่งหวังเพียงแค่รางวัลเท่านั้น รัฐบาลนี้มุ่งหวังปฏิรูปการศึกษา
โดยครูต้องปฏิรูปตัวเองและเพื่อเด็ก และสิ่งที่เป็นประโยชน์จะตามมาเอง ตราบใดยังไม่สามารถสร้างความไว้ใจแก่เด็กและผู้ปกครอง ไม่ว่าจะทำอะไรก็เกิดปัญหาทั้งสิ้น ต้องตอบคำถามสังคมในสิ่งที่โจมตีให้ได้ ครูต้องช่วยกันสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสังคม เริ่มจากกระบวนการคิด วิเคราะห์ หลักวิชาการ และเรียนรู้จากโซเชียลมีเดียไปพร้อมกับเด็กและชี้แจงหาคำตอบในสิ่งที่ถูก ไม่ใช่แค่เล่นเกม
เพราะวันนี้โซเชียลมีเดียให้ร้ายกันทุกวัน จึงต้องเพิ่มเติมความรู้ในห้องเรียน ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ เอาตัวอย่างจากโซเชียลมาชี้แจงในกระดานให้เด็กได้เรียนรู้วิเคราะห์ข้อเท็จจริง พร้อมกับชี้แนะในสิ่งที่ถูกท่ามกลางสังคมดิจิทัล มิเช่นนั้นจะอยู่กันไม่ได้ ยกตัวอย่าง เรื่องค่าฝุ่นละออง PM2.5 และ PM10 ซึ่งรัฐบาลได้แก้ปัญหาลดใช้น้ำมันดีเซล ขสมก.ต้องเติมบี 20 ทำฝนเทียม ไม่ใช่ลดน้ำอย่างเดียวหรือไม่ทำอะไร เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ควรอธิบาย ไม่ใช่คอยจับจ้องเหมือนที่คนในปัจจุบันเป็น ที่ฟังและจับประเด็นแค่ว่าได้หรือเสีย เพราะแนวคิดแบบนี้อันตราย แต่รัฐบาลจะไปใช้กฎหมายมากไม่ได้ เพราะคาบเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ทุกวันนี้โลกปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็นส่วนใหญ่ สิทธิเสียงอยู่ที่ประชาชนขึ้นและอำนาจรัฐจะลดลง
นอกจากนั้นครูต้องสอนเด็กให้กล้าแสดงออกให้มาพูดหน้าชั้น ต้องสอนเรื่องกฎหมายซึ่งเป็นกรอบใหญ่ มีบรรทัดฐานและภูมิคุ้มกันที่ดี ก่อนที่จะไปคิดนอกกรอบ ไม่ใช่คิดนอกกรอบแล้วดึงกลับมาไม่ได้ซึ่งไม่ถูกต้อง ไม่ใช่คิดนอกกรอบทำอะไรก็ได้แล้วบอกว่าเสรีภาพ ประชาธิปไตย แต่ทำประเทศวุ่นวาย สิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยครูที่มีศักยภาพ
โดยครูต้องปฏิรูปตัวเอง เพราะไม่มีใครปฏิรูปได้ดีเท่าตัวครูเอง ต้องพัฒนาตัวเองให้ทันกับโลกปัจจุบัน ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นเพื่อลดภาระบ้าง และวางกำหนดเวลาแก้ปัญหาให้สอดคล้องแผนแม่บทปฏิรูปการศึกษา และคิดว่าจะทำอย่างไรให้ปฏิรูป เพราะเวลาเขาจะเล่นงานไม่เฉพาะครูแต่จะมาถึงรัฐบาลและนายกฯ จึงขอให้ช่วยกัน วันนี้คนดีไม่กล้าแสดงออก คนไม่ดีกล้าแสดงออกทุกอย่างโดยไม่กลัวกฎหมาย และต้องแก้ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และคิดหาวิธีแก้ปัญหาให้ทุกคนมีงานทำ ทุกคนหวังปริญญาแต่ไม่มีงานทำ ดังนั้นสถาบันการศึกษาต้องเปิดสาขาที่สังคมต้องการ ไม่ใช่ว่าเปิดสาขาเดียวจำนวนมาก
ด้านพล.อ.เกษม กล่าวถึงพล.อ.ประยุทธ์ ว่าปกติจะจำลูกศิษย์ได้ 2 กลุ่มคือคนที่เรียนดี กับคนที่เรียนอ่อน ส่วนนายกฯ ไม่ได้อยู่ใน 2 กลุ่ม แต่ที่จำนายกฯ ได้ เพราะเป็นรุ่นน้องจากรร.วัดนวลนรดิศ เป็นคนพูดจาเสียงดังฟังชัดเป็นจุดเด่น และการเรียนไปได้สบาย วันนี้เมื่อรู้ว่าศิษย์เจริญก้าวหน้าไม่ว่าระดับใดก็ภูมิใจเป็นธรรมดา เมื่อเป็นระดับสุดยอดถึงนายกฯ ก็ภูมิใจมาก และไม่ใช่แค่คนนี้แต่เป็นศิษย์ทุกคน ที่ผ่านมาติดตามการทำงานของนายกฯ มาตลอด จนประสบความสำเร็จ เพราะเป็นคนทำงานได้ดี รวดเร็ว ส่วนความจริงจัง เข้มแข็ง ก็เป็นบุคลิกของทหาร
