จตุพร ขอความชัดเจน จี้ บิ๊กตู่ อย่ากั๊ก! บอกได้แล้วว่าจะลงพรรคไหน

เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสวนคุณแม่สุนีย์ อินฉัตร ต.ดูน อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ พร้อมด้วย นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา พร้อมด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ซึ่งเป็นทีมผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อชาติ นางสุนีย์ อินฉัตร อดีต ส.ว.ศรีสะเกษ และ น.ส.มาลินี อินฉัตร อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ ได้ร่วมกันเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ ทั้ง 8 เขตเลือกตั้งของพรรคเพื่อชาติ โดยบรรดาผู้ช่วยหาเสียงได้พากันพูดปราศรัยกับกลุ่มผู้ให้การสนับสนุนพรรคเพื่อชาติ โดยมีเจ้าหน้าที่ ตร.จาก สภ.กันทรารมย์ มาคอยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่ม นปช. ผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ส.ส.ปี 2562 มีผลบังคับใช้แล้ว มีวันเลือกตั้งและมีวันสมัครรับเลือกตั้งที่ชัดเจนแล้ว คือวันที่ 4 – 8 ก.พ. ตนขออนุญาตเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อีกครั้งหนึ่งว่า ได้เวลาแล้วที่ท่านจะต้องตัดสินใจให้เด็ดขาด ไม่ควรที่จะพูดจะกั๊กว่า รอพรรคการเมืองมาทาบทาม เพราะว่า พรรคพลังประชารัฐ ได้ทาบทามท่านทุกวันบนเวทีและโดยการสัมภาษณ์ของสื่อมวลชนว่าจะให้มาอยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรี.ของพรรคพลังประชารัฐ และตนขอความชัดเจนจาก พล.อ.ประยุทธ์ว่า เมื่อท่านตกปากรับคำไปอยู่ในบัญชีของพรรคพลังประชารัฐแล้ว ท่านต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะ คสช. มิฉะนั้น ท่านจะเป็นคนที่เอาเปรียบมากที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะว่า ตำแหน่งหัวหน้าคณะ คสช.นั้น จะมีอำนาจเหนือกว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง มีอำนาจปลดคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขณะที่ผู้สมัครพรรคเพื่อชาติทุกคน คณะกรรมการเลือกตั้งมีสิทธิ์แจกใบแดง ใบเหลืองและใบส้ม

นายจตุพร กล่าวต่อไปว่า แต่ว่าพรรคพลังประชารัฐหาก พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรีก็จะเป็นกั๊กไปกั๊กมา เพราะว่าทางฝ่ายพลังประชารัฐมีการส่งเสียงว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มาก็จะทำให้เสียหาย ทางฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ก็บอกว่ารอการทาบทาม ซึ่งทางพรรคพลังประชารัฐก็มีการทาบทามอยู่ทุกวันอยู่แล้ว ก็ควรที่จะจบได้แล้ว ประเทศไทยก็จะได้มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่จะมาดูแลการเลือกตั้ง ให้มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม แต่หากว่า ท่านจะนั่งอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและอยู่ในบัญชีพรรคพลังประชารัฐและเป็นหัวหน้า คสช.ด้วย คุม กกต.ด้วย ตนเห็นว่ามันมากไป ตนเห็นว่า ควรจะร่วมกันเสียสละ เพราะว่าขณะนี้ไม่มีใครได้เปรียบไปมากกว่าพรรคพลังประชารัฐแล้ว ตนจะไม่เรียกร้องให้ 4 รมต.ลาออก เพราะหากว่า พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก 4 รมต.ก็ต้องออกไปโดยปริยายอยู่แล้ว

นายจตุพร กล่าวด้วยว่า เพราะฉะนั้น วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เรียกร้องให้ประเทศเดินหน้าด้วยความสงบ ตนต้องขอความร่วมมือ พล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นแบบอย่างในการไม่เอารัดเอาเปรียบ มันเป็นดาบ 2 คมที่ตนเคยบอกว่า ถ้าได้เปรียบคนไทยอาจจะมีความรู้สึกไม่มาก แต่ถ้าได้เปรียบจนกระทั่งเอาเปรียบ ท่านจะเสียมากกว่าได้ เพราะฉะนั้นให้ดูบรรดารุ่นพี่ ๆ ของพวกท่านว่า สุดท้ายนั้น จบไม่สวยสักคน ส่วนการที่พรรคชาติไทยจะได้กี่ที่นั่งนั้น ตนได้คุยกับคณะบริหารพรรคว่า ที่เราไม่ประกาศแบบพรรคพลังประชารัฐว่า ได้ 150 เสียง พรรครวมพลังประชาชาติไทยของคุณสุเทพ จะได้ 50 เสียงนั้น เนื่องจากว่า พรรคเพื่อชาตินั้น ต้องการทำความเข้าใจกับประชาชน ด้วยการเชิญชวนประชาชนมาช่วยสร้างชาติ มาร่วมกันแก้ไขปัญหาชาติ ตนเห็นว่า หากประชาชนเห็นด้วยกับแนวทางของพรรคเพื่อชาติ ก็จะทำให้พรรคเพื่อชาติได้เสียงสนับสนุนท่วมท้นโดยปริยาย

นายจตุพร กล่าวต่อไปว่า ตนจะเสนอ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ เป็นนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวเท่านั้น เนื่องจากว่า ตนได้คุยกับคณะกรรมการบริหารพรรคแล้ว และในบรรดาพรรคการเมืองที่มีการเสนอคนเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ถ้าเทียบประสบการณ์ในการต่อสู้ชีวิต ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจด้วยตนเองนั้น ตนเชื่อว่า นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ เป็นผู้มีประสบการณ์ไม่เป็นสองรองใคร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน