พท.ส่งเน้นๆ249เขต โพลชี้”ชัชชาติ”มาแรง กกต.ยันใช้เฟซบุ๊กได้ “ตู่”หดรายการวันศุกร์

เปิดยุทธศาสตร์เลือกตั้ง เพื่อไทยเล็งส่งผู้สมัครส.ส.แบบเขตแค่ 249 เขต ทำโพลวัดกระแส “ชัชชาติ” มาแรงฉุดเรตติ้งผู้สมัครขึ้นสูงตาม พลังประชารัฐถกปรับแผนหาเสียงใหม่ ทยอยเปิดตัวผู้สมัคร ล็อตแรกกทม. 30 เขต 2 ก.พ.นี้ “สมศักดิ์”โวยถูกดิสเครดิต ปล่อยคลิปหาเสียงเวทีสารคาม ยันคนฟังไม่ได้ลุกหนี แค่หลบแดด “ธนาธร” ซัด”คสช.-4รมต.”ไร้ยางอาย กกต.ย้ำสมัคร ส.ส.ต้องมีหลักฐานเสียภาษีย้อนหลัง 3 ปี ยันไม่ต้องปิดแอ๊กเคานต์เฟซบุ๊ก แค่แจ้งกกต. “บิ๊กตู่”ยังนิ่ง ปัดตอบอนาคตการเมือง ปรับโฉมรายการคืนวันศุกร์ ให้สั้น-กระชับ “สดศรี”เตือนกกต. หวั่นร้องเรียนอื้อ รับรองผลเลือกตั้งไม่ทัน 9 พ.ค.

กกต.ยันไม่ผ่อนผันยื่นภาษี

เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงกรณีกกต.ให้ใช้หลักฐานการยื่นการเสียภาษีย้อนหลัง 3 ปี (2559-2561) เป็นหลักฐานสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ว่า กกต.พูดคุยกันแล้ว โดยเฉพาะข้อกฎหมายซึ่งเรามีข้อกังวล แต่กฎหมายนี้กำหนดให้ใช้หลักฐานการเสียภาษีถึงปีที่รับสมัคร จึงมีมติว่าหลักฐานภาษีที่ใช้ต้องใช้ย้อนหลัง 3 ปี คือปี 2559, 2560 และ 2561 ซึ่งการเสียภาษีของปี 2561 ทางกรมสรรพากรให้เสียภาษีตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.2562 ดังนั้น ผู้ที่จะสมัครสามารถยื่นเสียภาษีประจำปี 2561 ได้แล้ว และขอหลักฐานการเสียภาษีจากกรมสรรพากรเพื่อนำมายื่นสมัคร

พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า ส่วนที่มีบางคนอาจมีปัญหารวบรวมหลักฐานการหักภาษี ณ ที่จ่าย ก็ให้ไปยื่นเสียภาษีประจำปีกับกรมสรรพากรก่อนเพื่อให้ได้หลักฐานใบเสร็จการเสียภาษีมายื่นสมัครต่อกกต.ก่อน แล้วค่อยไปยื่นหลักฐานการหักภาษี ณ ที่จ่าย ภายหลังต่อกรมสรรพากร อย่างไรก็ตาม การเสนอให้กกต.ผ่อนผันเกณฑ์ดังกล่าวไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นเรื่องที่กำหนดอยู่กฎหมาย

เล็งหารือ”ไลน์”สัปดาห์หน้า

พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวถึงการหาเสียงทางโซเชี่ยลมีเดียว่า ขณะนี้ใครที่มีเฟซบุ๊ก ไลน์ ก็ไม่ต้องลบแอ๊กเคาต์ สามารถแจ้งล่วงหน้าต่อผู้อำนวยการประจำเขตเลือกตั้งได้เลย แม้จะยังไม่เปิดรับสมัครแต่เมื่อมีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ให้มีการเลือกตั้งส.ส.แล้ว การหาเสียงต่างๆ ก็ดำเนินการได้ตามปกติ ระเบียบกกต.ที่ออกมาในเรื่องดังกล่าวก็เพื่อปกป้องตัวผู้สมัครที่จะใช้ช่องทางสื่อสารกับประชาชน ไม่ถูกผู้อื่นปลอมแอ๊กเคาต์เพื่อใส่ร้ายป้ายสี และเพื่อกกต.จะคำนวณเป็นค่าใช่จ่ายหาเสียง

เลขาฯ กกต. กล่าวว่า ยืนยันว่ากกต.ให้อิสรเสรีภาพในการหาเสียงเต็มที่ ทุกพรรคทำได้ตามปกติ แต่อย่าทำผิดกฎหมาย และขอให้เก็บใบเสร็จค่าใช้จ่ายไว้เป็นหลักฐาน ตอนนี้กกต.ได้ประสานกับทุกมีเดีย ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาได้หารือกับผู้บริหารกูเกิ้ล เรื่องการคำนวณค่าใช้จ่าย และสัปดาห์หน้าจะไปคุยกับไลน์ประจำประเทศไทย เพื่อให้ความรู้ ไม่ให้มีการเผยแพร่ข้อความที่ผิดกฎหมาย

ย้ำบัตรลต.มีเบอร์-ชื่อ-โลโก้พรรค

พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวถึงผู้สมัครพรรค การเมืองตำหนิกกต.ล่าช้าเรื่องการกำหนดสถานที่ติดป้ายหาเสียงว่า กกต.เร่งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ขณะนี้ยังไม่มีการรับสมัคร จึงไม่ทราบตัวเลขที่ชัดเจนว่าแต่ละพรรคจะส่งผู้สมัครกี่เขต ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ผูกกับการคำนวณจำนวนป้าย และผู้ช่วยหาเสียง เช่น กำหนดให้มีได้ไม่เกิน 10 ของจำนวนเขตที่ส่งสมัคร เรื่องการหาเสียงสามารถดำเนินการได้ แต่อาจมีปัญหาเรื่องการคำนวณค่าใช้จ่าย ซึ่งเริ่มนับแล้ว

พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำบัตรเลือกตั้งว่า มีการจัดงบประมาณพิมพ์บัตรเลือกตั้งแล้ว สามารถตรวจสอบได้ในเว็บไซต์ของกกต. แต่ยังไม่มีการทำสัญญาจัดจ้าง เพราะการดำเนินการจะเริ่มเมื่อปิดรับสมัคร ซึ่งจะรู้จำนวนผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งนอกเขต เลือกตั้งล่วงหน้า และเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร แต่ขอให้มั่นใจว่ารูปแบบของบัตร จะมีหมายเลขผู้สมัคร ชื่อและโลโก้พรรค เนื่องจากอยู่ในระเบียบที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว

ยอดสมาชิก 7 แสน-ปชป.นำโด่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานกกต. ได้เผยแพร่ข้อมูลสมาชิกพรรคการเมืองล่าสุด ส่งข้อมูลเข้ามาวันที่ 21 ม.ค. โดยมีพรรคที่ดำเนินการอยู่รวม 104 พรรค สมาชิกพรรคการเมืองทุกพรรครวม 702,843 คน

ทั้งนี้ พรรคที่มีสมาชิกพรรคมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ พรรคประชาธิปัตย์ 129,392 คน รองลงมาคือ พรรคไทรักธรรม 49,721 คน พรรคอนาคตใหม่ 43,201 คน พรรคพลังท้องถิ่นไท 30,072 คน และพรรคภูมิใจไทย 30,031 คน

พลังประชารัฐมีแค่หลักพัน

พรรคอื่นที่น่าสนใจ อาทิ พรรคเพื่อไทย 20,334 คน พรรคไทยรักษาชาติ 12,272 คน พรรคเพื่อชาติ 16,453 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 20,587 คน พรรคชาติพัฒนา 15,048 คน พรรครวมพลังประชาชาติไทย 14,749 คน พรรคพลังประชารัฐ 4,206 คน เป็นต้น ทั้งนี้ยังพบว่ามี 8 พรรคที่ไม่แจ้งยอดสมาชิก และอีก 2 พรรคไม่มีสมาชิกพรรค

นอกจากนั้นยังมีพรรคที่สิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรค การเมือง พ.ศ.2560 จำนวน 9 พรรค ได้แก่ พรรคประชาราช พรรคพลังอุดร พรรคกิจสังคม พรรคประชาสันติ พรรคอาสาสมัครไทย พรรคคนไทย พรรคพลังพลเมือง พรรคมาตุภูมิ และพรรคเสรีนิยม

“วิษณุ”ยันหาเสียงโซเชี่ยลได้

ที่โรงแรมเบสท์เวสเทิร์นพลัสแวนด้าแกรนด์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการหาเสียงของพรรคต่างๆ ว่า ขณะนี้สามารถหาเสียงได้ทุกช่องทาง ตามที่กกต.กำหนด โดยเริ่มหาเสียงได้ตั้งแต่ประกาศพ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งส.ส. ซึ่ง กกต.กำหนดการหาเสียง ทั้งการติดตั้งป้ายหา เสียง การใช้รถหาเสียง และการหาเสียงผ่าน โซเชี่ยลมีเดีย ขอให้ศึกษาจากระเบียบของกกต.ที่ประกาศลงราชกิจจานุเบกษาและปฏิบัติตาม และขอให้เตรียมเอกสารสมัครรับเลือกตั้งวันที่ 4-8 ก.พ. ให้พร้อม ทั้งรูปถ่าย ใบสมัคร ค่าสมัคร ใบรับรองการแสดงหลักฐานการเสียภาษีย้อนหลัง 3 ปี 2559-2561 ใครจะโอดครวญว่าเตรียมตัวไม่ทันคงไม่ได้ เพราะทุกอย่างเป็นข่าวมาระยะหนึ่งแล้ว

บิ๊กตู่ปัดตอบอนาคต-ไล่ดูข้อกม.

ที่โรงเรียนเตรียมทหาร จ.นครนายก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานงานสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหารครบรอบ 61 ปี ถึงการตัดสินใจอนาคตทางการเมือง หลังมีชื่อปรากฏเป็นอันดับ 1 ในบัญชีเสนอชื่อเป็นนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยพล.อ.ประยุทธ์ยิ้ม และกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ไปดูข้อกฎหมาย”

จ่อลงพื้นที่สระบุรี-แจกส.ป.ก.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังมีพ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งส.ส. พล.อ. ประยุทธ์ยังคงลงพื้นที่ตรวจราชการ โดยวันที่ 28 ม.ค. นายกฯ มีกำหนดตรวจราชการที่ จ.สระบุรี จุดแรกเยี่ยมชมสวนพฤกษศาสตร์พุแค ต.พุแค อ.เฉลิมพระเกียรติ จากนั้นเป็นสักขีพยาน มอบที่ดินส.ป.ก.4-01 ให้แก่เกษตรกร 10 ราย และมอบสมุดประจำตัว ผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชน ตามนโยบายรัฐบาล ลักษณะแปลงรวม พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนแก่ราษฎร

ปรับโฉมรายการวันศุกร์-ไม่เกี่ยวพรฎ.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า สำหรับรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ซึ่งออกอากาศทุกคืนวันศุกร์นั้น ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ มีการปรับรูปแบบรายการใหม่เป็นครั้งแรก เพื่อต้องการนำเสนอในรูปแบบที่ประชาชนได้ประโยชน์และเข้าใจง่าย โดยนำจุดแข็งในด้านต่างๆ มานำเสนอผ่านวีดิทัศน์ เนื้อหารายการจากนี้จะกระชับและสั้นลง ไม่เกิน 25 นาที โดยเทปนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะใช้เวลาพูดเพียง 7 นาที จากนั้นจะเปิดวีดิทัศน์อีก 7 นาที เพื่อรายงานความคืบหน้าโครงการต่างๆที่รัฐบาลได้ทำมา เช่น การสร้างสังคมคุณภาพ เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด กองทุน สวัสดิการชุมชน และการยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานไทยผ่านกองทุนประกันสังคม เป็นต้น

ขณะที่ในสัปดาห์ถัดไปจะเป็นความคืบหน้าด้านอื่นๆ เช่น โครงการคลองลาดพร้าว กองทุนการออม บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แฟลตดินแดง เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อชี้แจงให้ประชาชนทราบถึงความคืบหน้าการดำเนินการว่ารัฐบาลได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง รวมถึงภายในอนาคตจะทำอะไรบ้าง

สำหรับวีดิทัศน์ที่เปิดในรายการ จะเป็นวีดิทัศน์ที่แต่ละกระทรวงเคยรายงานให้ที่ประชุมครม.รับทราบมาแล้ว แต่ยังไม่เคยเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบ ทั้งนี้ การปรับรูปแบบรายการดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวกับการประกาศพ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งส.ส. เพราะนายกฯยังไม่ได้ตัดสินใจทางการเมือง หากนายกฯตอบรับแล้ว จะพิจารณาปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการอีกครั้งว่าอะไรทำได้บ้างหรือทำไม่ได้บ้าง

สั่งรมต.เร่งปิดจ๊อบก่อนเลือกตั้ง

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกฯ และโฆษก พปชร. กล่าวถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลว่า ขอให้รอโฆษกประจำสำนักนายกฯ เป็นผู้แถลง ที่ผ่านมามีผลงานที่รัฐบาลทำออกมามาก ยิ่งปีสุดท้ายรัฐบาลพยายามเก็บงาน

รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ตนจึงบอกว่า 4 ปีที่ผ่านมาเราเดินหน้ามาหลายเรื่อง และปีสุดท้ายเป็นปีที่มีสีสันที่สุด ทุกอย่างเห็นผลและเกิดการเปลี่ยนแปลง ตรงนี้ทำให้ตนพอใจและสบายใจ และคิดว่านายกฯ มีหลายเรื่องที่จะบอกกับประชาชนในวันแถลงข่าว เนื่องจากมีผลงานออกมามาก เวลาอาจไม่พอด้วยซ้ำ ซึ่งก่อนเลือกตั้งเราต้องปิดงานให้ได้ โดยนายกฯ สั่งอยู่ตลอดเวลา และเร่งให้ทุกคนปิดงาน พยายามเดินหน้าทุกโครงการให้เห็นผล ส่วนจะมี ครม.สัญจรอีกหรือไม่นั้นต้องรอให้นายกฯ ตัดสินใจ

“กอบศักดิ์”โต้เก็บของ-ลาออก

เมื่อถามถึงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ จะนำคณะไปโรดโชว์ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 30 ม.ค.-2 ก.พ. ได้เตรียมคำตอบเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทยหรือไม่ นายกอบศักดิ์กล่าวว่า เราเตรียมอยู่แล้ว สถานการณ์การเมืองไทยขณะนี้ชัดเจนขึ้นเยอะ และนักลงทุนตอบสนองดี โดยเฉพาะ 2-3 วันที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์มีการตอบสนองที่ดี หลังจากมีปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมือง แต่ตอนนี้ทุกคนมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้ง ทำให้นักลงทุนสบายใจ และเมื่อเราไปตอบที่ญี่ปุ่นเขาจะได้สบายใจเช่นกันว่าความอึมครึมในประเทศไทยมันหมดลงแล้ว ไม่น่ามีปัญหา ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยพูดกับบริษัทญี่ปุ่นที่อยู่ในไทย เขาพูดชัดเจนว่าไม่เคยกังวลสถานการณ์เลย เนื่องจากปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นจะอยู่เป็นที่ที่ ไม่ได้ลุกลามไปในบริษัทของเขา จึงสบายใจที่จะดำเนินธุรกิจในประเทศไทยต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามถึงการลาออกจากรัฐมนตรีจะชัดเจนหลังจากไปโรดโชว์ที่ญี่ปุ่นหรือไม่ นายกอบศักดิ์กล่าวว่า “ผมต้องรอดู 4 รัฐมนตรีว่าจะลาออกก่อนหน้าผมหรือเปล่า ถ้าลาออกก่อนไปผมก็คงไม่ได้ไปแน่ ตอนนี้ผมจะทำหน้าที่เท่าที่ทำได้ ขอให้รอดูต่อไป ส่วนที่มีข่าวว่าผมเก็บของแล้ว ยืนยันยังไม่ได้เก็บของแต่อย่างใด”

“สมศักดิ์”ยันชาวบ้านแห่ฟัง

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พปชร. กล่าวกรณีมีคลิปเผยแพร่ในโซเชี่ยล ระบุประชาชนเดินทางกลับเพราะมีการพูดพาดพิงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในเวทีเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร จ.มหาสารคาม เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นการดิสเครดิต พปชร.และเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ จ.นครราช สีมา ซึ่งถ่ายเก้าอี้โล่งตอนคนยังไม่มาฟังปราศรัย แล้วนำภาพไปโจมตีว่าไม่มีคนมาฟัง ยืนยันว่าการปราศรัยที่ จ.มหาสารคาม ประชาชนไม่ได้ลุกหนี มีมาฟังปราศรัยไม่ต่ำกว่า 5,000 คน แต่เวลานั้นหลายคนนั่งตากแดด รอปราศรัยเริ่มเวลา 17.00 น. ตนได้บอกให้หลบใต้ร่มไม้ทางฝั่งซ้ายและขวาของเวทีเพราะไม่อยากให้ลำบาก

นายสมศักดิ์กล่าวว่า ระหว่างปราศรัยพอแดดร่มประชาชนก็มานั่งเต็มด้านหน้า ใช้เวลาอธิบายนโยบาย 30 นาที จากนั้นต้องรีบกลับมาขึ้นเครื่องบินที่ จ.ขอนแก่น เพื่อมาร่วมแถลงนโยบายที่พรรค ซึ่งเมื่อตนปราศรัยและเปิดตัวผู้สมัครทุกอย่างก็จบ แต่ผู้สมัครบางคนอยากพูดคุยเปิดใจกับชาวบ้าน ผู้ดำเนินรายการบนเวทีก็ร้องขอให้ชาวบ้านฟังต่อ แต่ล่วงเลยถึงค่ำ คนจึงบางตาซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะชาวบ้านบางคนมาจากต่างอำเภอที่ระยะทางไกล

ฉะพวกจ้องดิสเครดิตพปชร.

“คนที่มาอัดคลิปคงตั้งใจมาตอนเลิก ทำแบบทุกครั้งเพื่อดิสเครดิต ทำลายคะแนนนิยมของพรรคให้หมดความน่าเชื่อถือ งานของเราที่จัดขึ้นทุกเวทีทุกจังหวัด มีประชาชนมาอย่างเนืองแน่นเพื่อมาฟังแนวนโยบาย เขาชอบเรื่องการพักหนี้ 3 ปี และนโยบายโคบาลประชารัฐ รวมถึงสิ่งต่างๆ ที่พรรคจะทำให้” นายสมศักดิ์กล่าว

ปรับแผนดัน”ลูกบุญทรง”ลงเชียงใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำวันที่ 24 ม.ค. คณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) แกนนำ และประธานยุทธศาสตร์ภาคต่างๆ นำโดยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ร.อ.ธรรมมนัส พรหมเผ่า นายอนุชา นาคาศัย ได้ประชุมเพื่อสรุปภาพรวมหลังจากลงพื้นที่ช่วยว่าที่ผู้สมัครส.ส.หาเสียง ปรับแผนยุทธศาสตร์เวทีปราศรัย รวมทั้งประเมินความนิยมของว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทุกภาค มาสรุปตัวบุคคลที่จะส่งลงสมัคร ซึ่งบางเขตยังไม่ลงตัว เช่น ภาคเหนือ และกทม. ที่ยังสามารถปรับเปลี่ยนตัวบุคคลได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะที่จ.เชียงใหม่ เขต 5 เดิมวางตัวนายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ ลูกชายนายบุญทรง อดีตรมว.พาณิชย์ เป็นผู้สมัคร แต่ปรากฏว่าในการเปิดตัว 4 เวทีใหญ่ตามภาคต่างๆ พร้อมกัน เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมมนัส ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือ ได้เปิดตัวร.อ.หญิง เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ เป็นว่าที่ผู้สมัคร และจะขยับนายเดชนัฐวิทย์ ไปอยู่ในบัญชีรายชื่อ แต่พบว่ากระแสนิยมของบุคคลดังกล่าวไม่แรงตามที่คาดไว้ ทำให้ผู้บริหารพรรคและคณะกรรมการยุทธศาสตร์เลือกตั้ง ต้องปรับแผนใหม่ โดยมีแนวโน้มสูงจะส่งนายเดชนัฐวิทย์ ลงสมัครส.ส.เขต 5 แทน และอาจขยับร.อ.หญิง เดือนเต็มดวง ไปอยู่บัญชีรายชื่อหรือเบียดในเขตอื่นแทน

จ่อเปิดตัวผู้สมัครเมืองกรุง2ก.พ.

ขณะที่พื้นที่กทม.ในบางเขต มีผู้ประสงค์ลงสมัคร มากกว่า 1 คน จึงปรับหมุนระหว่างเขต ดังนั้นต้องพิจารณาบุคคลที่เหมาะสมและมีคะแนนนิยมหลังจากมีอดีตส.ก.และส.ข.จากเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ มาช่วยงานประกอบกันด้วย ตั้งเป้าส.ส.กทม.ไว้ 2-3 ที่นั่ง ส่วนพื้นที่ตะวันออก พรรคได้จัดผู้สมัครลงตัวทุกเขต แต่อาจเปลี่ยนตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ตราด ที่เข้ารับการผ่าตัดอีกครั้ง

สำหรับการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส. 350 เขต พรรคกำหนดไว้เบื้องต้นวันที่ 2-4 ก.พ.นี้ โดยจะเปิดตัวผู้สมัครส.ส.เป็นรายภาค คาดว่าวันที่ 2 ก.พ.นี้ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. 30 เขต เป็นชุดแรก

“อนุทิน”นำทีมลุยกทม.ครั้งแรก

ที่สวนธนบุรีรมย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วยนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรค นายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรค พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรค และนายไสว โชติกะสุภา ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตราษฎร์บูรณะ-ทุ่งครุ อดีตส.ก. รวมถึงทีมว่าที่ผู้สมัคร กทม.และจังหวัดใกล้เคียง ทั้งนี้ มีประชาชนต้อนรับอย่างอบอุ่น เข้ามาทักทายและขอถ่ายรูปจำนวนมาก โดยนายอนุทิน ยังได้พบและทักทายกับนายไกรเสริม โตทับเที่ยง ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตราษฎร์บูรณะ-ทุ่งครุ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งมาออกกำลังกายและลงพื้นที่พบประชาชนเช่นกัน

นายอนุทินกล่าวว่า ครั้งนี้ลงพื้นที่กทม.อย่างเป็นทางการครั้งแรกของพรรค

มั่นใจปักธงภูมิใจไทยได้แน่

เมื่อถามว่าภท.มั่นใจแค่ไหนว่าจะได้รับชัยชนะในเขตราษฎร์บูรณะ-ทุ่งครุ นายอนุทินกล่าวว่า ตนมั่นใจในตัวนายไสว เพราะเป็นส.ก.หลายสมัย ระหว่างเดินมีประชาชนทักทายนายไสวมากกว่าตนด้วยซ้ำ จึงค่อนข้างมั่นใจ วันนี้มีคนที่เชื่อมั่นและให้กำลังใจ เราเป็นพรรคที่ตั้งใจทำงาน ไม่ได้มาชิงไหวชิงพริบทางการเมืองหรือสร้างความขัดแย้ง ขอทำอย่างเดียวคือทำงานเพื่อปากท้อง ไม่ทำอย่างอื่น

เมื่อถามว่าประเมินว่าภท.จะได้ส.ส.กี่ที่นั่งในกทม. นายอนุทินกล่าวว่า ทุกคนมีศักยภาพทั้งนั้น เราจะทำเต็มที่ พรรคมีนโยบายที่เป็นประโยชน์แก่คนกทม. โดยเฉพาะเรื่องแกร็บที่ต้องทำให้ถูกกฎหมาย การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งไม่ใช่หยุดทำงาน แต่ไม่ต้องเข้าสำนักงาน ให้ทำงานอยู่ที่บ้าน เพราะปัจจุบันผู้คนใช้เทคโนโลยีสื่อสาร จึงน่าจะช่วยลดปัญหาการจราจรได้ในระดับหนึ่ง วันนี้เราให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้มาก ถ้าลดปัญหาจราจรได้ ฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เป็นปัญหาอยู่ก็จะลดไปโดยอัตโนมัติ

หยุดโพสต์-เน้นเคาะประตูบ้าน

เมื่อถามว่าหลังจากประกาศความพร้อมเป็นนายกฯ และขณะนี้วันเลือกตั้งมีความชัดเจนแล้ว ภท.มีอะไรที่ต้องเร่งทำอีกหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ภท.เตรียมพร้อมมานานแล้ว ทั้งการบริหารจัดการภายในพรรคและรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งวันสมัครจะมีขึ้นในวันที่ 4-8 ก.พ.นี้ เวลาที่เหลือคือโค้งสุดท้าย ขณะนี้ในบางเขตมีแคนดิเดตมากกว่า 1 คน เขาต้องพิสูจน์ตัวเองว่าทำไมเขาจึงเหมาะสมที่จะลงสมัคร

เมื่อถามว่าหลายพรรคเรียกร้องให้กกต. กำหนดรายละเอียดการหาเสียงให้ชัดเจน เช่น การโพสต์เฟซบุ๊ก นายอนุทินกล่าวว่า “ภท.ไม่มีปัญหา ระเบียบต่างๆ เขียนมาชัดเจนว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ เราก็ทำตามนั้น ดีที่สุดคือไม่ต้องโพสต์ แต่ลงไปหาชาวบ้าน จะมีผลมากที่สุด ขณะนี้ผมเลิกโพสต์แล้ว ต้องขยันเดินเคาะทุกประตูบ้าน เอานโยบายพรรคไปนำเสนอ ไม่ใช่อยู่บ้าน พิมพ์อะไรแล้วเอากล้องมือถือมาถ่ายคลิปตัวเอง แล้วบอกให้คนเลือกตัวเอง ไม่มีใครเขาเลือกหรอก”

เมื่อถามว่าบางฝ่ายวิจารณ์ว่าบรรยากาศการหาเสียงควรเสรีมากกว่านี้ นายอนุทินกล่าวว่า แค่นี้ก็ดีแล้ว 5 ปีเราทนมาได้ ตอนนี้ก็หมดแล้ว ดีขึ้นกว่าเดิมตั้งเยอะ อย่าไปบ่นอะไรในอดีตเลยเพราะย้อนเวลากลับไปไม่ได้ มองไปข้างหน้าดีกว่าว่าเราจะทำอะไร เวลานี้เป็นเวลาของประชาธิปไตย เวลาของการเมือง อะไรที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยและการเมือง ก็ไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยว ปล่อยให้ประชาธิปไตยพาพวกเราไปสู่อนาคต

“สุวัจน์”แง้มจุดยืนเดียวกับพปชร.

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา(ชพน.) เปิดเผยว่า ชพน.จะเปิดตัวนโยบายและว่าที่ผู้สมัครของพรรคทั้งหมดวันที่ 31 ม.ค.นี้ ขณะนี้กำลังหารือกันภายในพรรคว่าจะส่งผู้สมัครครบ 350 เขตหรือไม่ เบื้องต้นมี 300 เขตแล้ว ส่วนชื่อนายกฯ ในบัญชีของพรรคยังไม่ได้หารือเพราะกกต.ให้ยื่นได้ถึงวันที่ 8 ก.พ. ทั้งนี้ จุดยืนของชพน.ไม่ต้องการความขัดแย้ง และไม่ต้องการให้ประเทศกลับสู่การเมืองแบบเดิม

เมื่อถามว่าจุดยืนเรื่องการลดความขัดแย้งตรงกับจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เป็นไปได้หรือไม่ที่จะจับมือกัน นายสุวัจน์กล่าวว่า เป็นจุดยืนที่มองเห็นปัญหาของประเทศเหมือนกัน ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องดีที่นักการเมืองไม่สร้างเงื่อนไขให้การเมืองเดดล็อก จึงถือว่ามีความเห็นตรงกัน แต่โครงสร้างรัฐบาลจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับผลของการ เลือกตั้ง

พท.จวกกติกากกต.สร้างปัญหา

นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณี กกต.กำหนดให้ยื่นหลักฐานแสดงการเสียภาษี 3 ปีจนถึงปีที่ลงสมัครรับเลือกตั้งว่า ส่วนตัวไม่เดือดร้อน แต่ในกฎหมายกำหนดว่าให้เสียภาษีได้ถึงสิ้นเดือนมี.ค. จึงมีบางคนโต้แย้งว่ายังไม่ถึงกำหนดที่ต้องเสียภาษีของปี 2561 จึงขอให้ยื่นแสดงเฉพาะปี 2558-60 แต่กกต.ไม่สน บอกให้เวลาไปเสียแล้วทำไมไม่ไปเสีย กติกาแบบนี้จะมีผลผูกพันต่อหลักฐานที่ต้องแสดงต่อกกต.ด้วย จึงอาจเป็นปัญหาตามมา ซึ่งกกต.ต้องยอมรับความจริงและเข้าใจว่าการยื่นแบบแสดงการเสียภาษีประจำปี 2561 มีถึงวันที่ 31 มี.ค. ก็เอาถึงปี 2560 ก็ได้ เพราะตอนแรกเข้าใจว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนก.พ. พรรคก็บอกให้สมาชิกเตรียมเอกสารของปี 2558-60 พอ กกต.ระบุแบบนี้พรรคก็ต้องสั่งให้ไปหามาใหม่ให้ได้อีก

โว”หน่อย-ชัชชาติ”ทำงานเป็นทีม

เมื่อถามว่าขณะนี้ พท.เคลื่อนไหวโดยมีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แกนนำพรรคเป็นผู้นำ จะเกิดเป็นภาพความขัดแย้งหรือการแบ่งขั้วภายในพรรคหรือไม่ นายสามารถกล่าวว่า ไม่มีความขัดแย้งใดๆ เลย พท.ทำงานกันเป็นทีม ซึ่งเรามีบุคลากรหลากหลายที่มีความรู้ความสามารถ แต่ละฝ่ายก็มีคนนิยมแตกต่างกันออกไป ทั้ง 2 คนถือว่าเป็นแม่เหล็กดูดคะแนนให้เราได้คะแนนท่วมท้นได้ และถูกชูอยู่ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพท.ทั้งคู่ จึงไม่ใช่เรื่องแตกแยกใดๆ สุดท้ายหลังเลือกตั้งก็อยู่ที่พรรคจะประชุมปรึกษาหารือกัน เชื่อว่าประชาชนไม่สับสนแต่กลับยิ่งอุ่นใจและมั่นใจมากขึ้นว่าถ้าเลือก พท.แล้วจะได้ทั้งคู่

นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ลพบุรี พท. กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าทั้งคุณหญิงสุดารัตน์และนายชัชชาติต่างมีบทบาทในพรรค ทั้งคู่คือผู้ใหญ่ที่มีความรู้ความสามารถ เก่งคนละด้าน ก็ต้องแยกกันเดินสาย ถ้าไปเวทีเดียวพร้อมกันก็เสียอีกเวทีหนึ่งไป วันไหนคุณหญิงสุดารัตน์ไปลงพื้นที่ภาคอีสานก็ให้นายชัชชาติลงพื้นที่กทม. ส่วนบัญชีนายกฯ ของพรรค ไม่ว่าจะเป็นใครสมาชิกก็รับได้ทุกคน แต่วันนี้พรรคอื่นยังไม่เปิดบัญชีนายกฯ จะให้พท.เปิดเลยทั้ง 3 ชื่อ คนจะเอาไปโจมตีได้ ทั้งนี้ ตนหนุนทุกคน แต่คะแนนความนิยมในตัวนายชัชชาติมาแรง เราต้องยอมรับ พท.มีแต่ความสามัคคี บรรยากาศเป็นประชาธิปไตย เราไม่มีทางขัดแย้งกันเอง

เปิดโพลพท.”ชัชชาติ”เรตติ้งพุ่ง

รายงานข่าวจาก พท.แจ้งว่า หลังจากเปิดตัวนายชัชชาติเข้ามาร่วมงานกับพรรคอย่างเป็นทางการ ให้ดูแลงานด้านเศรษฐกิจระบบขนส่งมวลชนและระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานด้วยนั้น ผลปรากฏว่าคะแนนความนิยมของ พท.เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในทั่วทุกภาคของประเทศ รวมทั้งในพื้นที่กทม.ซึ่งเป็นพื้นที่หลักของพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) และยิ่งพรรคเปิดให้นายชัชชาติออกเดินสายปราศรัยช่วยผู้สมัครหาเสียงในต่างจังหวัดยิ่งเพิ่มคะแนนนิยมให้กับตัวผู้สมัครได้อีกทางหนึ่งด้วย

ที่สำคัญจากผลการสำรวจคะแนนนิยมของพรรคระหว่างคุณหญิงสุดารัตน์และนายชัชชาติ ล่าสุดปรากฏว่าคะแนนความนิยมของนายชัชชาติสูงกว่าคุณหญิงสุดารัตน์อย่างมาก ทำให้พรรคเกิดความมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะทำให้พท.ได้ส.ส.เพิ่มขึ้น คาดว่าเบื้องต้นจะส่งผู้สมัครระบบเขต 249 เขต และอาจจะปรับขึ้นลงเล็กน้อย ส่วนบัญชีรายชื่อมีผู้เสนอตัว 131 คน พรรคยังคงต้องทำงานหนักอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่ขณะนี้คะแนนยังไม่กระเตื้องขึ้นเท่าที่ควร

ทษช.จี้”บิ๊กตู่-4รมต.”ลาออก

ที่จ.อุทัยธานี ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวถึงการจะแถลงผลงานรอบ 4 ปีของรัฐบาลคสช.ว่า หากนายกฯ นำเสนอผลงานตามความจริงต่อประชาชน ก็จะได้รับคะแนนนิยม แต่หากสิ่งที่เสนอไม่ตรงกับความเป็นจริง อาจกลายเป็นการโกหกคำโตต่อสาธารณชนได้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้นายกฯ ยังไม่แสดงความชัดเจน แต่คนในสังคมต่างคาดเดาได้ว่านายกฯ จะตัดสินใจอย่างไร

ร.ท.ปรีชาพลกล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือหากนายกฯ ตัดสินใจรับเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีรายชื่อพรรคใด ก็ควรแสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่ง รวมถึง 4 รัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐที่สนับสนุนการสืบทอดของคสช.ด้วย แม้กฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ เพื่อไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบและให้การเลือกตั้งมีความหมาย เป็นที่ยอมรับของประชาชนและในสายตาของชาวโลก

“ธนาธร”ลั่นอนค.ส่งครบ350เขต

ที่ ซ.พหลโยธิน 7 (อารีย์) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) พร้อมด้วย น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค นายคริสต์ โปรตะนันท์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 6 พญาไท ราชเทวี จตุจักร พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่แนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส.และนโยบายของพรรคกับประชาชนและร้านค้าในย่าน ซ.อารีย์ โดยมีประชาชนให้ความสนใจขอถ่ายรูปกับนายธนาธรจำนวนมาก

นายธนาธรให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.นี้ว่า เรามีความพร้อมในทุกด้าน โดยจะส่งผู้สมัครครบทั้ง 350 เขต และกทม.ครบทั้ง 30 เขต เราส่งคนใหม่ทั้งหมด และเป็นคนที่ไม่เคยอยู่ในระบบอุปถัมภ์หรือเป็นนักการเมืองมาก่อน ซึ่งคิดว่านี่จะเป็นจุดแข็งของเรา ส่วนนโยบายพรรคที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้รับเสียงตอบรับจากนักวิชาการและประชาชนทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี ส่วนตัวแทนพรรคประจำจังหวัดก็ครบแล้ว 70 จังหวัด อีก 7 จังหวัดอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการทางเอกสารกับกกต. คิดว่าไม่มีปัญหา

ติงกติกากกต.จำกัดเสรีภาพ

ส่วนประกาศเรื่องการใช้โซเชี่ยลมีเดียหาเสียงนั้น นายธนาธรกล่าวว่า เรื่องนี้ประชาชนสับสนมาก แต่ยืนยันว่าการโพสต์เฟซบุ๊กหรือใช้โซเชี่ยลเป็นปกติ ขอให้ประชาชนอย่าเข้าใจผิด สำหรับผู้สมัคร ส.ส.แต่ละพรรคก็ยังมีเสรีภาพอยู่ เพียงแต่ต้องลงทะเบียนก่อนว่าตัวเองมีกี่ช่องทาง เมื่อลงทะเบียนกับ กกต.เรียบร้อยแล้ว สามารถโพสต์ได้ตามปกติ แต่ตนคิดว่าการต้องลงทะเบียนกับ กกต.ทำให้ยุ่งยากวุ่นวาย เป็นการจำกัดสิทธิ เสรีภาพ ทั้งที่ก่อนหน้ามีพ.ร.ฎ. ทุกคนก็ใช้โซเชี่ยลเป็นช่องทางแสดงความคิดเห็นเป็นปกติ เมื่อใกล้เลือกตั้ง สิ่งเหล่านี้ก็ควรทำได้เหมือนเดิม ซึ่งตนคิดว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นอุปสรรค ตนคิดว่ากฎหมายที่เขียนขึ้นเสมือนว่าพรรคเป็นหน่วยงานราชการ ทำให้ความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละพรรคน้อยลง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประชาธิปไตยในระยะยาว

อัด”คสช.-4รมต.”ไร้ยางอาย

เมื่อถามถึง 4 รมต.ของพรรคพลังประชารัฐยังไม่ลาออก นายธนาธรกล่าวว่า ไม่น่าแปลกใจ สิ่งที่พปชร.ทำ ทั้งการไม่ลาออกของแกนนำพรรค การใช้อำนาจเพื่อผลักดันให้ประชาชนมาเลือกตัวเองเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมต่อพรรคอื่น ต้องบอกว่าพปชร.และคสช. ทำอะไรไม่เกรงใจประชาชน ทำอะไรที่ไม่มียางอาย ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.เรียกร้องเรื่องคุณธรรม ความถูกต้องมาตลอด 4 ปี เมื่อ ถึงเวลาที่ตัวเองต้องแสดงความจริงใจให้ประชาชนเห็น ไม่ว่าเรื่องคุณธรรมหรือความถูกต้อง แต่กลับไม่ทำ แสดงว่า คสช.และการทำรัฐประหารแก้ปัญหาของประเทศไม่ได้

ปชป.โวยกกต.ทำลายบรรยากาศ

ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายธนา ชีรวินิจ โฆษกปชป. แถลงว่า การที่กกต.ยังออกระเบียบเลือกตั้งไม่ชัดเจน ทำให้พรรคพบกับอุปสรรคและปัญหาหลายอย่างที่ไม่สามารถเดินหน้าหาเสียงได้อย่างเต็มที่ ทั้งความชัดเจนเรื่องการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งแต่ละพื้นที่มีแนวทางปฏิบัติการรับแจ้งวิธีการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์แตกต่างกัน ส่วนการกำหนดจำนวนผู้ช่วยหาเสียง เมื่อเปรียบเทียบกับความเป็นจริง เมื่อลงพื้นที่จะมีสมาชิกคนอื่นๆ รวมทั้งผู้ให้การสนับสนุนมาช่วยหาเสียงด้วย ดังนั้น ส่วนนี้จะต้องแจ้งต่อกกต. อย่างไร

โฆษกปชป. กล่าวอีกว่า ระเบียบบางเรื่อง เขียนไปแล้วก็ทำได้ยากมาก จึงอยากให้กกต.มีหน่วยงานตอบข้อสงสัยของผู้สมัคร เพราะเวลานี้หากจะถามระเบียบต่างๆ กกต.มักให้ทำหนังสือเข้าไป ทำให้ใช้เวลามากจนกระทั่งเลยเวลาหาเสียง ซึ่งการกำหนดรายละเอียดปลีกย่อยมากเกินไป ทำให้บรรยากาศการหาเสียงลดความคึกคักและความน่าสนใจลงไป ดังนั้น ขอเรียกร้องกกต.ให้กำหนดระเบียบที่ตีความไม่ตรงกันให้ชัดเจน

เมื่อถามถึงการเรียกร้องให้ 4 รัฐมนตรี พปชร.ลาออกจากตำแหน่งนั้น นายธนากล่าวว่า ปชป.คงไม่เรียกร้องอีกแล้ว เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องจริยธรรมทางการเมืองของแต่ละคน จะต้องมีความรับผิดชอบ และสังคมไทยต้องตัดสินว่าเป็นจริยธรรมทางการเมืองที่เหมาะสมหรือไม่

“ศิริโชค”มีสิทธิสมัครส.ส.

นายณัฏฐ์ เล่าห์สวกุล รองเลขาธิการกกต. กล่าวถึงกรณีนายศิริโชค โสภา นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุดและนายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาคดีหมิ่นประมาทน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยพิพากษายืนให้จำคุก 1 ปี ปรับ 50,000 บาท โดยโทษให้รอลงอาญาว่า ในกรณีนี้ไม่ถือว่าขาดคุณสมบัติในการลงสมัครเลือกตั้ง ถ้าจะขาดคุณสมบัตินั้น ต้องได้รับโทษจำคุกและมีการติดคุกจริงๆ

สดศรีหวั่นรับรองผลไม่ทัน 9 พ.ค.

นางสดศรี สัตยธรรม อดีต กกต.งานด้านพรรคการเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาความไม่ชัดเจนข้อกฎหมายเกี่ยวกับประกาศของ กกต. จะนำไปสู่การร้องเรียนจำนวนมาก อาจจะไม่ทันกรอบเวลาเลือกตั้งได้ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน แต่กกต.ไม่ได้ชี้แจงขั้นตอนให้ชัดเจน ส่งผลให้ทุกพรรคยังเริ่มหาเสียงไม่ได้ อาจนำไปสู่การร้องเรียนที่คาดว่าจะมีจำนวนมากกว่าทุกครั้ง จึงอยากเตือน กกต.ว่าระวังจะทำงานไม่ทัน และจะส่งผลต่อการประกาศผลเลือกตั้งไม่ครบ 95 เปอร์เซ็นต์ ตามกฎหมายกำหนดที่จะครบ 60 วัน ภายในวันที่ 9 พ.ค.นี้

“หากประกาศผลไม่ทัน อาจส่งให้รัฐบาลและคสช.ใช้มาตรา 44 เลื่อนเวลาประกาศผลและขยายเวลาประชุมสภา ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า และรัฐบาลชุดนี้ต้องทำหน้าที่ต่อไปก่อน ขณะที่ กกต.อาจจะโดนเรื่องการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 อีกด้วย” นางสดศรี กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน