ประกาศทีวีรวมการเฉพาะกิจ ยุติเหตุการณ์-ความสับสน ในการยื่นว่าที่นายกรัฐมนตรี พปชร.เสนอชื่อประยุทธ์แล้ว

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชโองการให้ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯยุติบทบาทไม่ให้ยุ่งเกี่ยวทางการเมือง โดยประกาศสถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งประเทศไทย ความว่าพระราชินี พระรัชทายาทและพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ อยู่ในหลักการเกี่ยวกับการดำรงอยู่เหนือการเมืองและความเป็นกลางทางการเมืองของพระมหากษัตริย์ด้วย และไม่สามารถดำรงตำแหน่งใดๆ ในทางการเมืองได้ เพราะจะเป็นการขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขณะที่พรรคประชารัฐเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ต่อกกต.ให้เป็นนายกฯในนามพรรคแล้ว

เมื่อเวลา 22.40 น. วันที่ 8 ก.พ. โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจออกประกาศราชกิจจานุเบกษา เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเป็นศูนย์รวมและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนชาวไทย พระมหากษัตริย์และพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ทรงดำรงสถานะอยู่เหนือการเมือง และทรงประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อประเทศชาติและประชาชนมาโดยตลอด ดังเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งว่าตลอดระยะเวลา ๗๐ ปี แห่งการครองสิริราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อความผาสุกและความอยู่ดีกินดีของประชาชนทรงปกครองประเทศด้วยทศพิธราชธรรม และนำพาประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยก่อการร้าย ภัยพิบัติ และภัยที่เกิดจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองในประเทศ ทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุข และดูแลปกป้องประชาชนด้วยน้ำพระราชหฤทัยที่เปี่ยมด้วยพระมหากรุณาอย่างมิอาจประมาณได้ ประชาชน ทุกหมู่เหล่าเคารพรัก และเทิดทูนพระองค์เสมือนด้วยบิดา จึงทรงเป็น “พ่อแห่งแผ่นดิน” โดยแท้จริง

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทั้งยังเป็นพระเชษฐภคินีในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ แม้จะทรงกราบถวายบังคมลาออกจากฐานันดรศักดิ์ไปแล้วตามกฎมณเฑียรบาล โดยได้กราบบังคมทูลพระกรุณาเป็นลายลักษณ์อักษร หากยังทรงสถานะและดำรงพระองค์ในฐานะสมาชิกแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงเป็นที่รักใคร่ของสมเด็จพระบรมชนกนาถ และสมเด็จพระบรมราชชนนี ตลอดจนเป็นที่เคารพยกย่อง ของพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์และประชาชนชาวไทยมาอย่างต่อเนื่องยาวนานด้วยทรงประกอบพระกรณียกิจ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน โดยในการดำรงพระองค์และการประกอบพระกรณียกิจต่างๆ นั้นทรงปฏิบัติด้วยการถวายงานของข้าราชการในพระองค์ และหน่วยราชการต่างๆ ของหน่วยราชการในพระองค์ตลอดมา การนำสมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์มาเกี่ยวข้องกับระบบการเมือง ไม่ว่าจะโดยทางใดก็ตาม จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อโบราณราชประเพณี ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมของชาติ ถือเป็นการกระทำที่มิบังควรไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

อนึ่ง บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญทุกฉบับรวมทั้งฉบับปัจจุบัน มีหมวดว่าด้วยพระมหากษัตริย์เป็นการเฉพาะ ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่รองรับสถานะพิเศษของสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามประเพณี การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่เหนือการเมืองและทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิด กล่าวหา หรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้ ซึ่งบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญดังกล่าวย่อมครอบคลุมถึงพระราชินีพระรัชทายาทและพระบรมราชวงศ์ซึ่งมีความใกล้ชิดกับพระมหากษัตริย์ ดังที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจร่วมกับพระองค์หรือแทนพระองค์อยู่เป็นนิจ ดังนั้นพระราชินีพระรัชทายาท และพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ จึงอยู่ในหลักการเกี่ยวกับการดำรงอยู่เหนือการเมืองและความเป็นกลางทางการเมืองของพระมหากษัตริย์ด้วย และไม่สามารถดำรงตำแหน่งใดๆ ในทางการเมืองได้ เพราะจะเป็นการขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ประกาศ ณ วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๒ เป็นปีที่ ๔ ในรัชกาลปัจจุบัน

ทษช.ชงชื่อ”ทูลกระหม่อมฯ”นายกฯ

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ รวมทั้งการเสนอบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมือง ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้าย บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

เวลา 08.30 น. คณะกรรมการบริหารพรรค แกนนำและสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ทยอยมารอเพื่อยื่นเอกสาร รายชื่อแคนดิเดต นายกฯ ของพรรค โดยเมื่อร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค มาถึงพร้อมซองเอกสาร บรรยากาศเป็นไปด้วยความโกลาหล สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างชาติกว่า 100 ชีวิต กรูเข้าไปรุมล้อมถ่ายภาพและขอสัมภาษณ์ ทั้งนี้ น่าสังเกตว่านายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรค นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และสมาชิกพรรคที่เป็นแกนนำ นปช. ไม่ได้ร่วมเดินทางมายื่นเอกสารด้วย

เวลา 09.00 น. ร.ท.ปรีชาพล พร้อมคณะ เข้าไปยื่นเอกสารเสนอรายชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรค ต่อกกต. โดยเปิดภาพผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ คือทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี โดยยื่นให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ ซึ่งเป็นภาพของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ อยู่บนใบเสนอรายชื่อแคนดิเดต นายกฯของพรรค ในเวลา 09.10 น. ทั้งนี้ ใช้เวลายื่นประมาณ 15 นาที

ปลื้มทรงมีพระเมตตา-รอกกต.ชี้

จากนั้น ร.ท.ปรีชาพล ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้แกนนำพรรคได้มายื่นรายชื่อแคนดิเดต นายกฯของพรรค ซึ่งคือทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี โดยคณะกรรมการบริหารได้ประชุมและเสนอชื่อบุคคลที่มีความเหมาะสม เข้าที่ประชุมกก.บห.เมื่อวันที่ 4 ก.พ. โดยกก.บห.เห็นพ้องว่าทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ เป็นชื่อที่มีความเหมาะสมที่สุด จึงมีมติเห็นชอบ จากนั้นเราได้ติดต่อประสาน ซึ่งท่านเองก็มีพระเมตตา ตอบรับ และยินยอมให้ ทษช. เสนอชื่อเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบเป็นนายกฯ ในนามของทษช. วันนี้ตนถือว่าเป็นพระเมตตาที่ท่านได้เสียสละ และลงมาทำงานให้กับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านให้เกียรติตอบรับเป็นบัญชีนายกฯ ของทษช.

เมื่อถามว่าแคนดิเดตนายกฯ จะต้องลงพื้นที่ช่วยสมาชิกพรรคหาเสียงด้วยหรือไม่ ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า ทษช.มีนโยบายและมีแผนงานหาเสียงอยู่แล้ว ส่วนรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับท่านนั้น คงต้องรอหลังจากกกต.พิจารณาและตรวจสอบคุณสมบัติ และประกาศอย่างเป็นทางการ จากนั้นจะแถลงในรายละเอียดว่าท่านจะได้มาช่วยหรือไม่อย่างไร

ยันสนับสนุนปชต.-เปลี่ยนแปลง

เมื่อถามว่าเช่นนี้จะเป็นรัฐบาลแห่งชาติ ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า คงยังไม่ใช่ ทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ส่วนความได้เปรียบเสียเปรียบ ขึ้นอยู่กับประชาชนเป็นผู้ตัดสิน แต่ทษช.ชัดเจนในเรื่องของประชาธิปไตย และป้องกันการสืบทอดอำนาจ

เมื่อถามว่าการเสนอพระนามในครั้งนี้ ประชาชนจะเข้าใจหรือไม่ ร.ท.ปรีชาพล กล่าวว่า เชื่อว่าประชาชนเข้าใจได้และประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน

เมื่อถามว่าคิดว่าทษช. จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า อาจจะเร็วไปที่จะบอกเช่นนั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการลงคะแนนเสียงของประชาชน ซึ่งจะต้องพูดคุยหารือกับพรรคที่มีแนวคิดเดียวกัน ซึ่งทษช.ชัดเจนว่าเราสนับสนุนประชาธิปไตย เราทำทุกวิถีทางสกัดกั้นการสืบทอดอำนาจ ดังนั้น คงจะได้พูดคุยกับพรรคที่มีแนวคิดแนวทางเดียวกันหลังผลเลือกตั้งออกมา

เมื่อถามว่าเหตุใดทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ถึงเลือกทษช. ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า ตนคงตอบแทนท่านไม่ได้ แต่พรรคเองก็มีแนวความคิดที่ทันสมัย ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของโลก พระองค์ท่านมีบุคลิกและแนวคิดสอดคล้องกับทษช.

ทำตามรธน.ที่ไม่ได้ร่วมร่าง

ส่วนกระแสเรียกร้องให้นายกฯ ต้องมาจากส.ส.เท่านั้น ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เราไม่ได้เป็นคนร่าง เราเข้ามาเป็นผู้เล่นในกฎหมายที่เราไม่ได้เป็นคนร่าง ดังนั้นทุกอย่างที่เราดำเนินการชอบด้วยกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญทุกประการ พวกเราฝ่ายประชา ธิปไตยไม่ว่ากฎกติกาจะเป็นอย่างไร พวกเราพร้อมจะทำตามทุกอย่าง ในเมื่อวันนี้ผู้มีอำนาจและผู้เกี่ยวข้อง เขียนกฎหมายมาเป็นแบบนี้ เราก็ยื่นและเสนอตามขั้นตอน

เมื่อถามว่าข้อห้าม กกต.ที่ห้ามนำสถาบันมาหาเสียง ตรงนี้จะเป็นปัญหาหรือไม่ ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า ขอให้ กกต.ตอบ เพราะเราได้พิจารณาตามกฎหมาย ฝ่ายกฎหมายพิจารณาเรียบร้อยแล้วคิดว่าไม่มีปัญหาใดๆ ขอให้ กกต.เป็นผู้ตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ยังมีพรรคการเมืองต่างๆ มายื่นสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) เปิดเผยภายหลังยื่นต่อกกต.ว่า พรรคส่งสมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อครบ 150 คน ส่วนบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ จะขอตรวจดูจากรายชื่อที่แต่ละพรรคเสนอก่อน หากเห็นว่ารายชื่อที่พรรคอื่นเสนอ เป็นบุคคลที่เหมาะสมก็พร้อมสนับสนุน แต่หากไม่เหมาะสม พรรคจะเสนอชื่อตนในฐานะหัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดต นายกฯ คาดว่าจำนวนส.ส. คงไม่ขี้เหร่

ออกแถลงการณ์แจงประชาชน

ต่อมา พรรคไทยรักษาชาติ ออกแถลง การณ์ว่า พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับพระเมตตาจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล ในการรับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ในนามพรรค ทูลกระหม่อมฯ ทรงจบการศึกษาปริญญาตรีและปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยระดับแนวหน้าของสหรัฐอเมริกา คือ Massachusetts Institute of Technology (MIT) และ University of California, Los Angeles (UCLA) ตามลำดับ

ทูลกระหม่อมฯ ได้ทรงใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชน โดยการทำงานเพื่อส่งตัวเองเรียนในขณะที่พำนักอยู่ ณ ประเทศสหรัฐ และทรงได้ลาออกจากฐานันดรศักดิ์ ตั้งแต่ปี 2515 เมื่อกลับมาพำนักอยู่ที่ประเทศไทยก็ได้จัดตั้งโครงการ To Be Number One เพื่อจูงใจให้เยาวชนไทยห่างไกลยาเสพติด โดยเสด็จไปทั่วประเทศ จึงได้เห็นความทุกข์ยากของประชาชน และเป็นห่วงอยากมีส่วนได้ช่วยเหลือให้คนไทยหลุดพ้นจากความยากจน และมีอนาคตที่ดี ประกอบกับการที่ได้เป็นผู้แทนไปส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมากว่า 10 ปี จึงทรงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะอาสามาทำหน้าที่นายกฯ เพื่อได้ช่วยเหลือประชาชนและประเทศชาติ โดยใช้ความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมาในด้านต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศอย่างเต็มที่

แถลงการณ์ ระบุอีกว่า ทูลกระหม่อมฯ มีพระประสงค์ที่จะสร้างความเจริญให้กับประเทศ และความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชน ด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาปรับใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้ประเทศไทยทันสมัยทันโลก ยิ่งไปกว่านั้นคือการสร้างความสามัคคีปรองดองให้กับคนในชาติ นโยบายต่างๆ ของทูลกระหม่อมฯ ทษช.จะน้อมรับมาปฏิบัติอย่างเต็มกำลังความสามารถ ทษช.จึงขอกราบเรียนมายังพี่น้องประชาชน เพื่อโปรดทราบในพระเมตตาครั้งนี้

ไม่ใช้รูปกิจกรรมใดๆหาเสียง

นายวิม รุ่งวัฒนจินดา รองเลขาธิการพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขั้นตอนต่อจากนี้คงต้องรอให้กกต.ประกาศรายชื่อผู้ที่จะเป็นนายกฯของพรรค รวมถึงการตรวจสอบคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งเห็นว่าจะมีการประกาศภายในวันที่ 15 ก.พ. สำหรับเรื่องการแจ้งข้อมูลกับกกต.นั้นได้แจ้งตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง แต่ขอให้เป็นเรื่องภายในของพรรคที่ขอไม่เปิดเผยรายละเอียด

นายวิมกล่าวต่อว่าขณะที่กิจกรรมทางการเมืองต่างๆ นั้น คงต้องสุดแล้วแต่ทูลกระหม่อมฯ ท่านจะทรงเมตตากับทษช. แต่ยืนยันว่าพรรคจะไม่มีการนำรูปของทูลกระหม่อมฯ ท่านไปโพสต์ลงในที่ต่างๆ หรือใช้หาเสียงหรือกล่าวอ้างใดๆ อย่างแน่นอน พรรคจะเดินหน้าหาเสียงเหมือนเดิม ชูนโยบายของพรรคหาเสียงเหมือนเดิม

ทรงโพสต์ไอจี-เราจะไปด้วยกัน

ช่วงเช้าวันเดียวกัน ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ ทรงโพสต์อินสตาแกรมส่วนพระองค์ nichax เป็นพระรูปครั้งเสด็จไปยัง จ.เชียงใหม่ เล่าว่า “Good morning ค่ะทุกคน วันนี้เราจะเริ่มวันกันที่สะพานนวรัฐ จังหวัดเชียงใหม่ ตอน 6 โมงเช้า แล้วเราจะเดินไปด้วยกัน อันที่จริงรูปนี้เป็นภาพจากเมื่อเราไปทำงาน To Be Number One ที่เชียงใหม่และลำปาง และไปทำงานที่พิษณุโลก ระหว่างนั้นดิฉันก็ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนหลายๆสถานที่ โดยเฉพาะวัด เพราะเชียงใหม่มีวัดเยอะมาก

ถ้าเราจะไปไหว้พระ 9 วัดที่เชียงใหม่คงใช้เวลาไม่นาน เพราะวัดอยู่ติดๆกันหมด ตอนที่ดิฉันอยู่เชียงใหม่คราวนี้ก็ยังได้ใส่บาตรทุกวันด้วย แต่วันนี้จะเริ่มที่สะพานนวรัฐซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำปิงเก่าแก่ซึ่งทำด้วยไม้สัก สร้างเมื่อประมาณปี 2433 และได้รับการสร้างใหม่ให้เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กเมื่อปี 2510 หลังจากเราเดินข้ามสะพานนี้แล้ว เราก็เริ่มวันด้วยกาแฟที่ร้านกาแฟริมปิงซักแก้วนึงจะได้สดชื่นและกระฉับกระเฉง”

จากนั้นเมื่อพรรคไทยรักษาชาติยื่น พระนามฯ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต่อกกต. แล้วปรากฏว่าชาวเน็ตจำนวนมากได้เข้าไปคอมเมนต์ในอินสตาแกรมส่วนพระองค์ ถวายพระพร “ทรงพระสเลนเดอร์” หลายคนกราบทูลว่า เป็นข่าวดีของบ้านเมือง และขอถวายกำลังใจแด่ทูลกระหม่อมฯ

ทรงย้ำอยู่ในฐานะสามัญชนแล้ว

ในจำนวนนี้รวมถึง อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้เข้ามาคอมเมนต์ด้วยว่า “ขอเป็นกำลังใจเล็กๆ ในทุกๆ เรื่อง ให้ทูลกระหม่อมตลอดไปเพคะ” จากนั้น ทูลกระหม่อมฯ ทรงตอบอุ๊งอิ๊งว่า “ขอบใจมากอิ๊งสำหรับกำลังใจที่ให้มาตลอด”

ล่าสุด เวลา 15.50 น.ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงโพสต์ไอจี ระบุว่า

“ขอขอบคุณสำหรับความรัก และทุกกำลังใจ และความสนับสนุนจากพวกเราคนไทยทุกคน ดิฉันรู้สึกซาบซึ้งที่สุด และอยากบอกว่าอยากเห็นพวกเราได้มีโอกาส มีสิทธิ์ที่จะมีโอกาส และมีความสุขในประเทศของเรา และขอชี้แจงว่า ดิฉันได้ลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ และอยู่ในฐานะสามัญชนแล้ว ดิฉันจึงขอใช้สิทธิและเสรีภาพอย่างสามัญชนภายใต้รัฐธรรมนูญกฎหมาย และยินยอมให้พรรคไทยรักษาชาติใช้ชื่อเพื่อ เสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นเพียงการแสดงถึงสิทธิ เสรีภาพ และความไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ เหนือปวงชนชาวไทยตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ หากแต่การกระทำครั้งนี้ ข้าพเจ้าได้กระทำด้วยความจริงใจและความตั้งใจเสียสละในการขอโอกาสนำประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง”

ดารา-นักร้องปลื้มข่าวดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังพรรคไทยรักษาชาติ เสนอพระนาม ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็น แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ต่อ กกต. เรียบร้อยแล้ว และทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงโพสต์ขอบคุณทุกกำลังใจนั้น ปรากฏว่ามีบุคคลในวงการบันเทิงหลายคน เข้าไปคอมเมนต์ถวายพระพร “ทรงพระสเลนเดอร์” ในอินสตาแกรมส่วนพระองค์ เป็นจำนวนมาก ปลาบปลื้มที่รับทราบข่าวดังกล่าว อาทิ หญิงลี ศรีจุมพล นักร้องลูกทุ่งหมอลำชื่อดัง ระบุว่าปลาบปลื้ม ขนลุกทั้งวัน คิทตี้ ชิชา อมาตยกุล นักแสดง ดีเจบุ๊กโกะ ธนัชพันธ์ รวมถึงนางเอกสาว เมย์ พิชญ์นาฏ รวมถึงแทค ภรัณยู ระบุว่า ผมจะเลือกพรรคนี้ เป็นต้น

ทษช.ยืนยันคุณสมบัติครบถ้วน

พรรคไทยรักษาชาติ ออกแถลงการณ์ว่า จากกรณีที่กรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ มีมติเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรค ขอชี้แจงว่าพรรคไทยรักษาชาติได้ตรวจสอบคุณสมบัติผู้ถูกเสนอชื่อตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ 2560 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องพบว่าทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล เป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน

1.ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล ได้ลาออกจากการดำรงฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ในฐานะสมเด็จเจ้าฟ้า ตามประกาศราชกิจจานุเบกษาฉบับลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2515 ทำให้สถานะทางกฎหมายของท่านเป็นสามัญชนตั้งแต่บัดนั้น

2.คุณสมบัติของผู้ที่จะอยู่ในบัญชีรายชื่อว่าที่นายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 88 และ 89 กำหนดให้ต้องมีหนังสือยินยอมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อ โดยมีรายละเอียดตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด ซึ่งทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล ได้มีหนังสือตอบรับมายังพรรคไทยรักษาชาติตามเอกสารแนบ ซึ่งได้ยื่นต่อ กกต.ไปแล้ว

3.กรณีผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อว่าที่นายกฯ เป็นผู้ไม่ได้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ฝ่ายกฎหมายของพรรคตรวจสอบและยืนยันว่าทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล ไม่ได้ขาดคุณสมบัติจากกรณีดังกล่าวตามคำให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต.เมื่อวันที่ 7 ก.พ.2562 ระบุว่าการไม่ได้ใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นข้อห้ามของรัฐธรรมนูญในอดีต แต่รัฐธรรมนูญปัจจุบันได้ยกเลิก ห้ามเพียงต้องไม่เคยเป็นผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น

“วิษณุ-สมคิด”ปัดให้ความเห็น

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ เป็นนายกฯในบัญชีรายชื่อของพรรค เมื่อถามถึงความเหมาะสมและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นายวิษณุกล่าวว่า ขอไม่ตอบ และไม่มีความเห็น หากตอบได้ตนตอบไปแล้ว แต่นี่ตอบไม่ได้

เมื่อถามย้ำว่าเซอร์ไพรส์หรือไม่ นายวิษณุถามกลับว่า “แล้วคุณเซอร์ไพรส์หรือไม่” เมื่อถามว่านายวิษณุดูอึดอัดใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ เฉยๆ

เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นนายกฯในบัญชีของพรรคถือเป็นเรื่องดีใช่หรือไม่ว่า “ก็ประชาธิปไตยไง”

ด้านนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) โพสต์บท กลอนผ่านเพจเฟซบุ๊ก คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ระบุว่า “ยามบ้านเมืองมีปัญหาอย่าตระหนก เก็บความอกสั่นหวั่นไหวเอาไว้ก่อน รักษาความเยือกเย็นเป็นสาคร ค่อยๆย้อนมองหาสาเหตุใด ตั้งสติดำริมั่นหันมาคิด พลังจิตทบทวนอย่างครวญใคร่ หากร่วมมือร่วมแรงและร่วมใจ ย่อมฝ่าฟันกันไปได้ทันการณ์”

“บิ๊กตู่”ก็ส่งสารถึงสื่อมวลชน

เมื่อเวลา 09.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่งสารจากนายกฯถึงสื่อมวลชน กรณีตอบรับการเสนอชื่อเป็นนายกฯในบัญชีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า เมื่อคสช.และรัฐบาลเข้ามาบริหาร ช่วง 4 ปีเศษที่ผ่านมา ได้พยายามแก้ไขสถานการณ์จนฟื้นคืนสู่สภาวะปกติ บ้านเมืองสงบสุข ประชาชนดำเนินชีวิตได้ปกติ ประเทศมีการพัฒนาในทุกด้าน ไม่มีการชุมนุมประท้วงหรือความเคลื่อนไหวใดๆ ที่กระทบสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยรวม รัฐบาลบริหารได้อย่างมีเอกภาพ ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศว่าแก้ไขปัญหาหมักหมมของประเทศที่การเมืองปกติไม่สามารถแก้ได้ ไม่ว่าจะด้วยข้อจำกัดทางกฎหมาย หรือระยะเวลาการบริหารของแต่ละรัฐบาลที่สั้นและไม่ต่อเนื่อง ซ้ำยังเกิดปัญหาขัดแย้งต่างๆ เป็นระยะ

นายกฯ ระบุว่า ประเทศต้องเดินไปข้างหน้า ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 ที่กำหนดให้มียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนปฏิรูปประเทศ เพื่อเป็นแนวทางและทิศทางของประเทศต่อไปในอนาคต จำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกภาคส่วน จะต้องร่วมกันนำประเทศในช่วงเปลี่ยนแปลงสำคัญนี้ไปสู่จุดหมายปลายทางให้ได้ ที่สำคัญจะต้องมีรัฐบาลและผู้นำรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับ ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน และมุ่งมั่นตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง

ตอบรับเชิญพปชร.นั่งนายกฯ

พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ขอขอบคุณพปชร. ที่ให้เกียรติเชิญเข้าอยู่ในบัญชีรายชื่อบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ผมได้พิจารณาไตร่ตรอง และทบทวนอย่างรอบคอบแล้ว ในเรื่องนโยบายของพรรคว่าจะขยายผลสืบเนื่องสิ่งต่างๆ ที่คสช.และรัฐบาลนี้ได้ดำเนินการหรือวางแนวทาง หรือริเริ่มไว้ได้หรือไม่ อีกทั้งพิจารณาหลายๆ มิติที่เกี่ยวข้อง ทั้งนโยบายและมาตรการด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม การดูแลประชาชนทุกภาคส่วน ความต่อเนื่องในการบริหารและพัฒนาประเทศ รวมทั้งพิจารณาภาพรวมของพรรค ประกอบด้วยสมาชิก เช่น ตัวแทนทั้งคนรุ่นใหม่ นักวิชาการ นักธุรกิจ นักการเมือง แม้บางคนเคยเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองก็ตาม และพิจารณาโอกาสที่จะได้รับความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนตามแนวทางประชารัฐ

“การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ง่าย เพราะเป็นช่วงเวลาสำคัญของประเทศ ผมจะเป็นทหารมาตลอดชีวิต ผมก็พร้อมจะสละชีวิตเพื่อปกป้องแผ่นดินไทย และผมมีความมั่นใจ ตั้งใจแน่วแน่ว่า จะร่วมมือร่วมใจกับประชาชน นำประเทศก้าวไปข้างหน้าด้วยกันได้อย่างสงบสุข สามัคคี ไม่มีความขัดแย้งในสังคมอีกต่อไป ดังนั้น ผมจึงขอตอบรับการเชิญโดยยินยอมให้พปชร. เสนอชื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกฯ ผมขอยืนยันว่ามิได้มุ่งหวังสืบทอดอำนาจใดๆ เพียงแต่มุ่งหวังถึงผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนโดยรวมเป็นสำคัญอย่างแท้จริง จะเร่งบริหารและพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป” นายกฯ ระบุ

ยันขอทำหน้าที่ภายใต้กฎหมาย

นายกฯ ระบุว่าคาดหวังว่าในการเลือกตั้งนี้ เราจะได้รัฐบาลและส.ส.ที่มีประสิทธิภาพ มีธรรมาภิบาล ไม่มีการใช้วัฒนธรรมการเมืองเดิมๆ ที่มีการต่อรองผลประโยชน์หรือตำแหน่งเพื่อกลุ่มของตนเอง เพื่อให้ได้คนดี มีความสามารถมาบริหารราชการ ทุกคนต้องเสียสละทำงานเพื่อส่วนรวมเท่านั้น ทั้งนี้ ตนพร้อมจะร่วมมือทำงานกับทุกพรรคที่มีอุดมการณ์และจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ขอขอบคุณ พปชร.อีกครั้ง และขอให้ทำหน้าที่ด้วยความระมัดระวังภายใต้กฎหมาย และกติกาที่กำหนด สร้างมิตร สร้างความสามัคคี มุ่งทำบ้านเมืองให้เกิดสันติสุขเจริญรุ่งเรืองต่อไปอย่างยั่งยืน สวัสดี

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรค พร้อมด้วยนาง กานต์กษิตฐ์ แห้วสันตติ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 กทม. ลงพื้นที่หาเสียงย่านเยาวราช

จากนั้น นายกอบศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ ตอบรับคำเชิญนั่งแคนดิเดตนายกฯของพปชร.ว่า เป็นข่าวดีของพรรค หลังจากแอบลุ้นมานาน มั่นใจว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นคนที่ประชาชนรัก เป็นผู้นำที่กล้าหาญ กล้าตัดสินใจ พูดตรงไปตรงมา มือสะอาด ทำจริง ทำได้สำเร็จ ซึ่งที่ผ่านมามีหลายโครงการที่รัฐบาลทำได้อย่างที่ไม่มีรัฐบาลไหนทำ ดังนั้นเมื่อนายกฯตอบรับ ทางพรรคจะนำโครงการดีๆ ของรัฐบาลก่อนหน้านี้ไปสานต่อให้เกิดผล ควบคู่กับนโยบายดีๆ ที่คิดโดย ส.ส.ของพรรค

ยกทีมผู้สมัครไปยื่นให้กกต.ทันที

เมื่อเวลา 13.00 น. แกนนำพรรคพลังประชารัฐ นำโดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคอีสาน นายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนสมาชิกพรรค พร้อมผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 30 เขต ได้นำหนังสือยินยอมของ พล.อ.ประยุทธ์ ไปยื่นต่อกกต.โดยรถบัสไปเดินทางที่ไปสำนักงาน กกต. ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊กพรรคพลังประชารัฐ ได้นำภาพของพล.อ.ประยุทธ์ มาโพสต์ โดยเขียนข้อความว่า “ทีมลุงตู่ยกมือขึ้น” พร้อมติดแฮชแท็กว่า #ทีมลุงตู่

เมื่อเวลา 13.25 น. ที่กกต. นายอุตตม กล่าวว่า วันนี้เดินทางเข้ามายื่นบัญชีเสนอพล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพียงคนเดียว ส่วนตนและนายสมคิดเป็นไปตามข่าวก่อนหน้านี้คือขอถอนตัวจากการเป็นผู้ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ

ยันพปชร.ขึ้นรูปบิ๊กตู่ใช้หาเสียง

ผู้สื่อข่าวถามว่า รายชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรคไทยรักษาชาติ มีผลต่อการตัดสินใจครั้งนี้อย่างไรบ้าง นายอุตตมกล่าวว่า ไม่ขอออกความเห็น เราขอทำหน้าที่ของเรา ทุกพรรคมีสิทธิที่จะนำเสนอว่าที่นายกฯให้กับประชาชน เราแค่เสนอรายชื่อตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้

ต่อข้อถามว่าในส่วนของพรรคพลังประชารัฐหนักใจหรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า เราเดินหน้าให้พี่น้องประชาชนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนพล.อ.ประยุทธ์จะช่วยพรรคหาเสียงอย่างไรก็เป็นเรื่องที่พรรคจะต้องหารือต่อไปว่าอะไรที่ท่านจะทำได้ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายด้วย

“ทางพรรคจะขึ้นรูปพล.อ.ประยุทธ์ ในการหาเสียงเลย เพราะได้รับทราบว่าสามารถทำได้แล้ว โดยอาจจะขึ้นวันนี้หรือพรุ่งนี้เลย ขึ้นอยู่กับว่าเตรียมการถึงไหนแล้ว ยืนยันว่าพรรคจะเดินหน้าในการปฏิรูปประเทศซึ่งการที่พรรคได้ยื่นสมัครส.ส. เราเดินหน้าตามแผนที่มี โดยมีหลายพรรคที่ลงสมัคร ซึ่งเราเป็นหนึ่งในนั้นมีแผนงานมีเป้าหมาย และเราจะเดินตามนั้น” นายอุตตมกล่าว

อุตตมกลับลำอ้างไม่เคยมีแผน2

ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อนายสมคิด ไม่มีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯแล้วจะมอบหมายให้ทำงานด้านใด นายอุตตมกล่าวว่า เป็นเรื่องที่จะต้องพูดคุยกันต่อไป ส่วนเรื่องความมั่นใจเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายอุตตมกล่าวว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้งแผนงาน ทั้งความมุ่งมั่นของพรรค เหมือนเดิมทุกอย่างและพรรคบอกว่าไม่เคยมีการพูดคุยกันว่าการที่ท่านรับตำแหน่งเป็นนายกฯของพรรคโดยที่ยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าคสช. จะมีปัญหาอะไร เราเสนอพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะที่เห็นว่าท่านเป็นบุคคลที่เหมาะสมไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานการในหน้าที่อื่นของท่าน และพรรคเราเกิดขึ้นจากการที่มีอุดมการณ์ร่วมกัน เพื่อที่จะนำความสุขกลับมาสู่ประเทศชาติ และให้ประเทศชาติก้าวทันโลกไม่มีการสืบทอดอำนาจให้ใคร พรรคนี้ไม่มีเจ้าของ ไม่เกี่ยวกับการสืบทอดอำนาจไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีกระแสเรื่องรัฐบาลแห่งชาติ นายอุตตมกล่าวว่า เรายังเหมือนเดิมทุกอย่าง ว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันที่ 24 มี.ค. ฉะนั้นทุกอย่างยังเหมือนเดิมในส่วน ของพรรค

“พรรคไม่เคยมีแผน 2 มั่นใจไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราสามารถจัดการกันได้ และยังมั่นใจว่าประชาชนคนไทยน่าจะให้การสนับ สนุนพล.อ.ประยุทธ์ ความเห็นแตกต่างกันได้ แต่เชื่อว่าท่านเป็นคนที่เหมาะสมในสถานการณ์นี้ ที่ประเทศชาติต้องการผู้นำ ให้ประเทศก้าวข้ามจุดเปลี่ยนแปลงหักเหนี้ไปให้ได้” นาย อุตตมกล่าว

พปชร.ก็ออกแถลงการณ์บ้าง

เมื่อเวลา 16.40 น. พรรคพลังประชารัฐ ออกแถลงการณ์ ดังนี้ ตามที่พรรคพลังประชารัฐได้เสนอ พล.อ.ประยทุธ์ จันทร์โอชา เป็นบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งทั่วไป พรรคพลังประชารัฐยืนยันว่า พล.อ. ประยุทธ์ มีความเหมาะสมที่สุดในการที่จะเป็นผู้นำในสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน ซึ่งต้องการความสงบสุข มีความสามัคคี ไม่มีความขัดแย้งในสังคมเพื่อการแก้ไขปัญหาให้ประเทศชาติ และพี่น้องประชาชนต่อไป

ในโอกาสนี้พรรคพลังประชารัฐขอขอบ พระคุณ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้กรุณาตัดสินใจเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติในการตอบรับให้พรรคพลังประชารัฐ ได้เสนอชื่อท่านต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้งในวันนี้ พรรคพลังประชารัฐเชื่อมั่นว่าสมาชิกพรรคและพี่น้องประชาชนมีความยินดีที่เห็นท่านจะได้มานำพาประเทศของเราก้าวไปข้างหน้า ตามแนวทางในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ไพบูลย์ยื่นกกต.ดูคุณสมบัติ

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานกกต. นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปประเทศ (ปชช.) เข้ายื่นหนังสือถึงนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. ขอให้กกต.พิจารณาและวินิจฉัยการกระทำของพรรคไทยรักษาชาติว่าเข้าข่ายขัดต่อระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้าม ในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 หมวด 4 ลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ข้อ 17

นายไพบูลย์กล่าวว่า ตนได้ทราบข่าวจากสื่อสาธารณะว่า พรรคไทยรักษาชาติมีมติเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ในบัญชีนายกฯของพรรค แม้ว่าทูลกระหม่อมฯจะทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์แล้ว ตั้งแต่ปี 2515 แต่ทูลกระหม่อมทรงเป็นเจ้าฟ้าชั้นทูลกระหม่อม ดังนั้นจึงทรงเป็นส่วนหนึ่งของสถาบัน พระมหากษัตริย์ ตามประเพณีการปกครองของประเทศไทย ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การที่พรรคไทยรักษาชาติได้ยื่นเสนอพระนามในบัญชี นายกฯ ย่อมต้องนำพระนามไปใช้ประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคอันเป็นการเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 หมวด 4 ลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ข้อ 17 ห้ามผู้สมัคร พรรคการเมือง หรือผู้ใดนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง

อ้างคำวินิจฉัยของศาลรธน.

นายไพบูลย์กล่าวว่า ก่อนหน้าศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยที่ 6/2543 กรณีขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยขอบเขตของการบังคับใช้เกี่ยวกับหน้าที่ของบุคคลที่จะต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยในคำวินิจฉัยดังกล่าวมีข้อสรุปเพื่อรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ บทดังกล่าวไม่ใช้บังคับกับพระมหากษัตริย์ พระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ ตั้งแต่ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไปโดยกำเนิดหรือจากการแต่งตั้ง ย่อมดำรงอยู่เหนือการเมืองและความเป็น กลางทางการเมือง ไม่ใช่เป็นเรื่องของฐานันดรศักดิ์ แต่เป็นเรื่องฐานะโดยกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นพระราชโอรสหรือพระราชธิดา ดังนั้นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจึงสอดรับกับคำร้องที่ตนนำมายื่นต่อประธาน กกต. จึงเห็นว่าประธานกกต.ควรรับไว้วินิจฉัยโดยเร็ว เพื่อรักษาไว้ซึ่งหลักการของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่าทูลกระหม่อมฯทรงลงพระนามยินยอมให้พรรคไทยรักษาชาติเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯแล้ว นายไพบูลย์กล่าวว่า ตนไม่ขอก้าวล่วงประเด็นดังกล่าว ตนมายื่นเรื่องให้ตรวจสอบพรรคไทยรักษาชาติ ในประเด็นข้อกฎหมาย ซึ่งมีปัญหาเข้าข่ายที่กกต.ควรรับไว้วินิจฉัย ซึ่งผลจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของกกต.

“ผมรีบเสนอความเห็นมายัง กกต. เพื่อพิจารณาและวินิจฉัยการกระทำของพรรคไทยรักษาชาติว่าเข้าข่ายขัดต่อระเบียบ กกต.หรือไม่ หากมีปัญหาขัดต่อระเบียบดังกล่าว ขอให้กกต.สั่งให้พรรคไทยรักษาชาติระงับการเสนอพระนามในบัญชีรายชื่อนายกฯของพรรค โดยไม่ประสงค์ให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ โดยเฉพาะในช่วงใกล้มีการเลือกตั้งยิ่งไม่ต้องการให้พรรคใดถูกยุบ อีกทั้งส่วนตัวก็ไม่มีปัญหากับพรรคไทยรักษาชาติ หัวหน้าพรรคกับผมก็เหมือนเป็นคนรุ่นหลาน การที่รีบยื่นคำร้องต่อกกต.เพื่อไม่ให้พรรค ไทยรักษาชาติทำผิดมากขึ้นไปกว่านี้ แค่ต้องการให้ระงับการใช้พระนามเท่านั้น” นายไพบูลย์กล่าว

รับไต่สวนกรณีคำร้องสุดารัตน์

ต่อมาเมื่อเวลา 15.45 น. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. กล่าวถึงผลการประชุม กกต.ว่า ได้พิจารณากรณีร้องให้ลบหรือแก้ไขการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีมติให้ลบเปลี่ยนแปลง แก้ไข การหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นการใส่ร้ายตามที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยร้องเรียน และหลังจากนี้พิจารณาตั้งคณะกรรมการไต่สวนว่าเรื่องดังกล่าว เกี่ยวข้องกับผู้สมัคร พรรคการเมืองหรือผู้ใด หากพบว่ามีความผิดของบุคคลทั่วไป กกต.จะดำเนินคดีอาญา แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับ ผู้สมัครจะพิจารณาตัดสิทธิสมัคร หากเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองอาจมีความผิดถึงขั้นยุบพรรค

อย่างไรก็ตาม อยากเตือนไปถึงผู้ใช้โซเชี่ยลมีเดียในการหาเสียงขอให้ระมัดระวังการหาเสียงที่จะเข้าข่ายการใส่ร้ายป้ายสี เพราะอยู่ในช่วงการเลือกตั้ง ซึ่งกฎหมายกำหนดว่าเป็นความผิดมีโทษสูงทั้งจำทั้งปรับ

มีสิทธิ์ขึ้นรูปว่าที่แคนดิเดตนายกฯ

เมื่อถามว่า พรรคไทยรักษาชาติสามารถนำรูปแคนดิเดตนายกฯของพรรคขึ้นป้ายหาเสียงได้เลยหรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า ตามระเบียบ กกต. พรรคสามารถขึ้นป้ายหาเสียงได้เลย อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ปัดที่จะอธิบายรายละเอียดว่าพรรค ทษช.จะมีขอบเขตในการนำแคนดิเดตนายกฯ ไปใช้หาเสียงได้อย่างไร โดยอ้างว่า ทุกพรรคทราบดีอยู่แล้วว่าอะไรทำได้ ไม่ได้แค่ไหน ในช่วงของการเลือกตั้ง

กกต.จัดคิกออฟการเลือกตั้ง

ที่ลานอเนกประสงค์ ชั้น 2 อาคารรัฐ ประศาสนภักดี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ สำนักงานกกต.จัดกิจกรรมคิกออฟการเลือกตั้งส.ส.โดยมีนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. พร้อมด้วยกรรมการกกต.ทั้ง 6 คน พล.อ.วิทวัส รชตะนันท์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายวัส ติงสมิตร ประธานกสม. พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานป.ป.ช.และผู้แทนกรมการปกครอง กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

พร้อมกันนี้ยังเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ รณรงค์การเลือกตั้งส.ส.ได้แก่ น.ส.พิชาภา ลิมศนุกาญจน์ มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 นายธชย ปทุมสุวรรณ หรือเก่ง ธชย น.ส.ปราง ปรางทิพย์ หรือปราง เดอะวอยซ์ ส.ท.สมบัติ บัญชาเมฆ หรือบัวขาว บัญชาเมฆ น.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เข้าร่วมงาน

เริ่มตีปี๊บเข้าถึงผู้มีสิทธิ์ทั่วปท.

นายอิทธิพรกล่าวว่า กกต.และหน่วยงานเครือข่ายจะร่วมกันรณรงค์ประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง เพื่อให้เข้าถึงประชาชน 66 ล้านคน ซึ่งมีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งประมาณ 51 ล้านครัวเรือนจากครัวเรือนทั้งหมด 25,723,807 ครัวเรือน เครือข่ายทุกคนจะทำงานในหมู่บ้าน และชุมชนด้วยจิตสาธารณะ ตามหน้าที่ของพลเมืองไทย โดยมี กกต. เป็นผู้สนับสนุนสื่อประชาสัมพันธ์ความรู้ โดยใช้เครื่องมือรณรงค์ประชาสัมพันธ์ เช่น หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน และเสียงตามสาย จำนวน 72,697 แห่ง คณะกรรมการหมู่บ้าน 74,656 แห่ง ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยและการเลือกตั้งตำบล 7,523 แห่ง ศูนย์ประสานงาน อสม. ในตำบล และหมู่บ้าน และศูนย์ ผู้สูงอายุ เป็นต้น จะเริ่มรณรงค์ประชาสัมพันธ์ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป และจะเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น ตั้งแต่ช่วงวันที่ 1-23 มี.ค.2562

ตู่ทำเก๊กหล่อโชว์สื่อทำเนียบ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ออกแถลงการณ์ยินยอมให้พรรคพลังประชารัฐใช้ชื่อเพื่อเสนอเป็นแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ ได้ใช้เวลาปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ห้องทำงาน บนตึกไทยคู่ฟ้า โดยยังคงอารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใสพูดคุยกับคณะทำงานเป็นปกติ

เวลา 16.52 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้มาขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับบ้านพัก โดยก่อนขึ้นได้หยุดและหันมาทางสื่อมวลชนโดยทำท่าเก๊กหล่อ พร้อมยิ้มอย่างอารมณ์ดี ก่อนขึ้นรถออกไปทันที ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า เสื้อคลุมที่นายกฯสวมใส่เป็นเสื้อสูทผ้าฝ้ายสีฟ้าที่ซื้อจากตลาดประชารัฐข้างทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นคนละตัวกับเมื่อเช้าที่นายกฯได้สวมสูทปกติมาทำงาน แต่หลังจากที่รถของนายกฯ ได้เคลื่อนตัวออกไป ปรากฏว่า รถรักษาความปลอดภัยคันที่ 1 ซึ่งเป็นรถเบนซ์แวน อี 350 ทะเบียน 3 กว 5957 เกิดสตาร์ตไม่ติด จนทำให้รถปิดท้ายขบวนคันต่อๆ มาต้องชะงัก และใช้วิธีถอยหลังลงจากแลมป์เพื่อออกไปต่อขบวนตามปกติ

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. บริเวณด้านข้างตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งมีบรรดาสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนเดินทางกลับบ้านพักนั้น ปรากฏว่าได้มีสัตว์ประจำทำเนียบรัฐบาล “ตัวเงินตัวทอง” ขนาดใหญ่ซึ่งหายหน้าหายตาไปนานได้ออกมาเดินผึ่งแดด พร้อมเดินนวยนาดอยู่สักพักสร้างความฮือฮา ไปพร้อมๆกับที่อีการ้องทัก ก่อนที่สัตว์ทั้งสองจะแยกย้ายกันไป

ชวนนัดบอกคนใต้แม้ว-ปูแกล้ง

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่อาคารชาญชัย อะเคเดียม มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เขตทวีวัฒนา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดปราศรัยใหญ่ครั้งแรก โดยมีการถ่ายทอดสดไปยัง 7 จุดทั่วประเทศ มีแกนนำพรรคร่วมเวทีอย่างคับคั่ง มีประชาชนเข้าร่วมฟังกว่า 2 พันคน โดยรองหัวหน้าพรรคทั้ง 4 ภาค ปราศรัยนโยบายของพรรคและนโยบายในแต่ละภาค ต่อด้วยตัวแทนจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือกลุ่มนิวเดม ขึ้นเวทีแนะนำตัว

ต่อมาเวลา 18.30 น. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษา ปชป. กล่าวปราศรัยว่า การเลือกตั้งเที่ยวนี้คนของเราถูกดูดไป 17 คน บางคนมีพร้อมทุกอย่างก็ยังไป เพราะขาดอุดมคติ ตนเป็นผู้แทนฯ มาจะครบ 50 ปีในวันที่ 10 ก.พ.นี้ เป็นส.ส.มา 15 สมัย โชคดีที่มาอยู่พรรคนี้เพราะเขาไม่เลือกปฏิบัติ พรุ่งนี้ (วันที่ 11 ก.พ.) ตนจะไปบอกชาวใต้ว่าสมัยนายทักษิณ ชินวัตร และสมัยน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เขาแกล้งอย่างไร เช่น ไม่ยอมซ่อมแซมถนนในภาคใต้ให้ แต่เราจะไม่แกล้งภาคใดภาคหนึ่ง หรือเลือกปฏิบัติ นี่คือหัวใจของปชป. ตนจะเตือนรุ่นน้องรุ่นหลานว่าอย่าไปแกล้งใครหรือเลือกปฏิบัติกับใคร ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย

ปิยบุตรยกคำพูดทูลกระหม่อม

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงจุดยืนหากต้องร่วมรัฐบาลกับ พปชร.และ ทษช.ว่า เรายืนยันจุดยืน 3 ข้อหลักตามที่ได้คือ 1.ยุติการสืบทอดอำนาจของ คสช. 2.แก้รัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งฉบับ 3.ล้มล้างผลพวงการทำรัฐประหารของคสช. เหล่านี้คือปัจจัยที่จะตัดสินใจว่าเราจะร่วมงานกับใครหรือไม่ เรายืนยันจะเสนอชื่อนายธนาธร เป็นนายกฯเท่านั้น เรามั่นใจว่าจะได้เสียงในสภา ด้วยจุดยืนที่มั่นคงในแนวทางประชาธิปไตยแบบนี้

เมื่อถามว่าการเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล ถือว่าทำให้เกิดความไม่เสมอภาคในการแข่งขันหรือไม่ นายปิยบุตรกล่าวว่า การแข่งขันครั้งนี้ต้องเป็นธรรม มีความเสมอภาคเท่าเทียม “บุคคลใดที่เสนอตัวเข้ามาสู่การเมืองแล้ว ต้องถูกอภิปรายโต้แย้งถกเถียง เป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย แต่อีกด้านหนึ่งก็น่ายินดี ที่ทูลกระหม่อมฯ เขียนในอินสตาแกรม ว่าท่านไม่นิยมชมชอบในเรื่องระบบอภิสิทธิ์ แสดงให้เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรม แคนดิเดตนายกฯทุกคน ต้องถูกอภิปรายหรือโต้แย้ง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เพราะเข้าสู่การแข่งขันในระบอบประชาธิปไตยแล้ว”

ธนาธรชี้สมการการเมืองเปลี่ยน

ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า ถ้าตัดชื่อพรรค ชื่อคนออกไป เอาจุดยืนทางการเมืองของพรรคเราเป็นตัวตั้ง ถ้าพรรคไหนเอาด้วย เราพร้อมร่วมงานด้วย ส่วนแคนดิเดตนายกฯของทษช.นั้น ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ผ่านคุณสมบัติตามกฎหมาย เราก็ไม่มีปัญหา และสิ่งที่เกิดขึ้นในเช้าวันนี้ ได้เปลี่ยนโฉมหน้าของการเมืองไทย เมื่อถามว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า ต้องบอกว่า มันเปิดโอกาสและความเป็นไปได้ใหม่ของประชาชน

เมื่อถามถึงความรู้สึกต่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล เป็นแคนดิเดตนายกฯ อนค.มีจุดยืนอย่างไรต่อเรื่องนี้ นายธนาธรกล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการเซ็ตซีโร่ สีเสื้อทางการเมืองที่ผ่านมาในอดีตไม่สามารถใช้อธิบายความขัดแย้งในสังคมไทยได้อีก นี่คือการเปิดโอกาสให้ประชาชนเลือกข้างทางการเมืองใหม่ และแตกต่างจากการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ เพราะการเลือกข้างทางการเมืองครั้งนี้มีพรรคอนาคตใหม่

เมื่อถามว่าการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯของ ทษช. จะนำไปสู่การปรองดองหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า “อนค.ไม่เชื่อว่าประชา ธิปไตย จะสร้างขึ้นด้วยการเจรจาต่อรอง ระหว่างกลุ่มชนชั้นนำเพียงอย่างเดียว แต่ประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและยั่งยืนต้องมีประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมสร้างและออกแบบร่วมกัน ประวัติศาสตร์พิสูจน์หลายครั้งแล้วว่า ประชาธิปไตยที่สร้างโดยกลุ่มชนชั้นนำ เจรจาต่อรองกันเองนั้นไม่ยั่งยืน ยืนยันว่านับแต่ตั้งพรรคมา อนค.ไม่เคยเจรจาต่อรองใดๆ กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายทักษิณ ชินวัตร สิ่งที่เกิดขึ้นใน 2-3 วันที่ผ่านมา ได้เปลี่ยนสมการการเมืองไปทั้งหมด แต่เรามั่นใจว่าอนค.จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล”

จตุพรแนะให้จับตาสถานการณ์

เมื่อเวลา 17.30 น. ที่สนามม้า จ.ขอนแก่น นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติและแกนนำกลุ่ม นปช. เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทั้ง 10 เขตเลือกตั้งของจ.ขอนแก่น และกล่าวว่า วันนี้นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของการเมืองไทย ที่ทูลกระหม่อมฯ ทรงมีเมตตาให้กับคนไทยในการสมัครรับการเลือกตั้งและถูกเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ซึ่งพรรคเพื่อชาติน้อมรับและไม่ขอส่งรายชื่อผู้สมัครในตำแหน่ง นายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ระบบเขตส่งผู้สมัครครบทุกเขต สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญที่เชื่อได้ว่าทุกพรรคการเมืองจะต้องกลับไปคิดทบทวนในทุกเรื่องใหม่อีกครั้ง จากนั้น 3-4 วันเราจึงจะทราบว่าแต่ละพรรคการเมืองมีท่าทีอย่างไร

“วันนี้พรรคยังคงเดินหน้าหาเสียงให้กับ ผู้สมัครส.ส.ระบบเขต ผมรับผิดชอบพื้นที่ภาคอีสานที่จะต้องลงพื้นที่ให้ครบทุกจังหวัดและทุกอำเภอ ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่คนเสื้อแดงและแนวร่วม นปช.จะออกมาแสดงพลังตามระบอบประชาธิปไตย ด้วยการเลือกผู้สมัครของพรรคเพื่อชาติทุกเขตและทุกคน แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าสุ่มเสี่ยงต่อการที่จะมีการปฏิวัติรัฐประหารอีกก็เป็นไปได้ ด้วยสัญญาณไม่ดีหลายอย่างหลังจากที่มีปรากฏการณ์ครั้งสำคัญที่สุดของไทยเมื่อเช้านี้จึงขอให้ทุกฝ่ายจับตาสถานการณ์ต่างๆ ให้ดี” นายจตุพรกล่าว

สรุป11,128คนสมัครชิงส.ส.เขต

เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่สำนักงานกกต. พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. แถลงภาพรวมการรับสมัครส.ส.ระบบแบ่งเขต (ข้อมูล ณ เวลา 17.00 น.) ว่า รวมยอดสมัคร 5 วัน จำนวน 11,128 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคการเมือง 80 พรรค และมีพรรคการเมืองยื่นสมัครแบบบัญชีรายชื่อรวม 5 วัน เป็นการสมัครจาก 72 พรรคการเมือง จำนวน 2,718 คน ในส่วนของการเสนอชื่อนายกฯ เฉพาะวันเดียวกันนี้มีพรรคการเมืองยื่นเสนอ 7 พรรค จำนวน 9 รายชื่อ ยอดรวม 5 วัน มีทั้งสิ้น 33 พรรค จำนวน 52 รายชื่อ โดยในวันที่ 15 ก.พ.นี้ กกต.จะประกาศรายชื่อ แจ้งเป็นผู้มีสิทธิสมัครส.ส.แบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ รวมถึงผู้ที่ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกฯของแต่ละพรรคว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่

ด้านนายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการกกต. กล่าวถึงการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ว่า การตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.เขตเป็นอำนาจของผอ.กกต.เขต ส่วนส.ส.บัญชีรายชื่อ กฎหมายเขียนชัดว่าเป็นอำนาจของกกต. สำหรับคุณสมบัติของ ผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกฯ กกต.ยังเห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า กกต.มีอำนาจพิจารณาหรือไม่ หรือมีอำนาจเพียงประกาศรายชื่อตามที่พรรคเสนอมา แต่เบื้องต้นเท่าที่อ่านกฎหมาย น่าจะมีอำนาจแค่ประกาศ ซึ่งทางสำนักงานฯกำลังศึกษาข้อกฎหมายทั้งหมด และจะเสนอต่อที่ประชุมกกต.พิจารณาในสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ หาก กกต.เห็นว่า กฎหมายให้อำนาจ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติได้ จะนำคุณสมบัติของผู้สมัครส.ส. มาเป็นหลักในการพิจารณาร่วมกับคุณสมบัติของรัฐมนตรี รวมถึงจะไปดูว่ามีคำร้องว่าขอให้กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อรายใดหรือไม่ โดยจะต้องดูเบื้องต้นก่อนว่า ผู้ร้องมีอำนาจยื่นคำร้องหรือไม่ก่อน ซึ่งปัจจุบันที่มีการยื่นคำร้องปรากฏทางสื่อ เป็นการร้องเรื่องการนำสถาบันมาใช้หาเสียง ไม่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติ ทั้งนี้ เมื่อกกต.ประกาศรายชื่อของผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกฯแล้ว ผู้ที่ ไม่ได้รับการประกาศชื่อไม่สามารถใช้สิทธิทางศาลได้ ต่างจากผู้ที่ไม่ได้รับการประกาศชื่อเป็นผู้สมัคร ส.ส.

อนาคตใหม่แถลงจี้”บิ๊กตู่”ลาออก

เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค แถลงถึงจุดยืนของพรรค หลังประชุมคณะกรรมกาบริหารพรรค (กก.บห.) ต่อกรณีพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เสนอชื่อ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกฯ

นายปิยบุตร อ่านแถลงการณ์ว่า กรณีดังกล่าวอนาคตใหม่มีความเห็น 1.ขอเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากนายกฯและหัวหน้าคสช. ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือการดำรงตำแหน่งของพล.อ.ประยุทธ์ ในการจัดเลือกตั้งทั่วไป เทียบบรรทัดฐานระดับสากลไม่ได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญให้คสช.มีอำนาจเต็ม ไม่ใช่รักษาการที่มีอำนาจจำกัด ทั้งคสช.ยังมีอำนาจเผด็จการอย่างมาตรา 44 และคสช.ยังมีอำนาจแต่งตั้งส.ว.ที่จะมีผลลงมติเห็นชอบนายกฯ จึงเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน ที่อาจทำให้การเลือกตั้งไม่เสรีและเป็นธรรม

2.การเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.นี้ อนค.ยืนยันเสนอชื่อนายธนาธร เป็นนายกฯ และยังยืนยันข้อเสนอทางการเมืองหลังเลือกตั้ง 3 ข้อคือ 1.หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจคสช. 2.แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ 3. ลบล้างผลพวงรัฐประหาร คิดว่าทั้ง 3 ข้อเป็นไปได้ ตามระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนต้องถูกนับรวม ไม่ว่าผลประโยชน์ของประชาชน รวมถึงสิทธิและเสรีภาพต้องได้รับการค้ำประกัน ที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าการตกลงรอมชอมระหว่างชนชั้นนำนั้นไม่อาจแก้ปัญหา

3.ส่วนรัฐประหาร 2557 ปูทางสืบทอดอำนาจ ในรัฐธรรมนูญ 2560 โดยให้นายกฯไม่ต้องเป็นส.ส. พรรคไหนที่ยึดหลักประชาธิปไตย จะต้องยึดหลักที่นายกฯต้องเป็นส.ส. ตามมรดกของเหตุการณ์พฤษภาฯ 35 ที่ต้องแลกเนื้อและชีวิตจำนวนมาก กว่าจะสถาปนาให้นายกฯเป็นส.ส. ในรัฐธรรมนูญ 2540

4.เรียกร้องให้การเลือกตั้งครั้งนี้ เสรีเป็นธรรม แข่งขันเสมอภาคเท่าเทียม สื่อและพรรค ต้องมีเสรีภาพแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคกฎหมาย และประเพณีค่านิยมอะไร เพื่อให้เลือกตั้งมีผลสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย

5.อนาคตใหม่พร้อมต่อการเลือกตั้ง เสนอบุคคลเหมาะสมเป็นนายกฯ รมต. ส.ส.และนโยบายที่มุ่งแก้ปัญหาโครงสร้างทั้งระบบ หากอนค.ได้เสียงข้างมากเพียงพอ พร้อมเป็นรัฐบาล โดยเสนอชื่อนายธนาธร เป็นนายกฯ แต่หากเกิดกรณีรัฐบาลแห่งชาติ รวมทุกพรรค อนาคตใหม่จะเป็นฝ่ายค้าน

นายปิยบุตรกล่าวว่า อนาคตใหม่เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า ประชาชนจะไม่ต้องเลือก ระหว่างเผด็จการทหาร กับการเมืองแบบเก่า เพราะการเมืองแบบใหม่นั้น เป็นไปได้ การเมืองของทุกคน ไม่ใช่การเจรจาจากผู้มีอำนาจไม่กี่คน เป็นไปได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน