พรรคเพื่อชาติ ยก 8 ข้อ ปลุกคนไทยไม่เลือก “ประยุทธ์” กลับมาเป็นนายกฯ

พรรคเพื่อชาติ – วันที่ 11 ก.พ. น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวเหตุผลที่ประชาชนไทยไม่ควรเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งว่า การบริหารงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ คสช. คนจนเพิ่มขึ้น 963,000 คน หรือเกือบล้านคนระหว่างปี 2558-2559 ซึ่งปริมาณคนจนเพิ่มขึ้นมากกว่าวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2551 โดยประชาชนทั้งประเทศรู้ตัวว่ายากจน แต่ไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากความผิดพลาดในการบริหารประเทศ เนื่องด้วยสื่อถูกจำกัดเสรีภาพจึงไม่มีการรายงาน

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์มีความเป็นเผด็จการสูง เหยียดเพศ สร้างค่านิยมไม่รักษาคำพูด เห็นแก่ตัว ยกตนข่มท่าน เอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น และไม่มีน้ำใจนักกีฬา เพิ่มความขัดแย้งให้ประเทศมากขึ้น ดังเหตุผลต่อไปนี้

1.พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำเผด็จการ ใช้วิธีการกำจัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ห้ามแม้กระทั่งการคุยกัน 5 คน การชู 3 นิ้ว การกินแฮมเบอร์เกอร์ก็ไม่สามารถทำได้ ถ้าผู้ใดขัดขืนจะถูกทหารควบคุมตัว และส่งฟ้องศาลทหารข้อหาขัดคำสั่ง คสช. แล้วอ้างว่าการริดรอนสิทธิประชาชนทำให้บ้านเมืองความสงบ แก้ไขความขัดแย้ง ซึ่งไม่เป็นความจริง เวลาผ่านไปเกือบ 5 ปี

แต่พอมีประเด็นกระตุ้นที่คู่ขัดแย้งคิดว่าฝ่ายตนเองจะเพลี่ยงพล้ำ ก็ออกมาแสดงถ้อยคำรุนแรงว่าร้ายอีกฝ่ายทันที โดยไม่ฟังข้อเท็จจริงและแยกแยะความถูกต้อง แสดงว่าสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ทำไม่ได้ลดทอนความขัดแย้งในสังคมเลย กลับตอกลิ่มความขัดแย้งให้ห่างออกไปด้วยการให้ท้ายฝ่ายสนับสนุนที่สร้างความวุ่นวายของบ้านเมืองขัดขวางการเลือกตั้งเมื่อปี 2557 เพื่อให้พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาสู่อำนาจ และกำจัดสิทธิฝ่ายคิดต่าง วิธีการของพลเอกประยุทธ์ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาความขัดแย้ง

2.บุคลิกภาพและลักษณะนิสัยพล.อ.ประยุทธ์จากการชี้หน้าผู้สื่อข่าว ขว้างเปลือกกล้วยใส่ศีรษะผู้สื่อข่าว กล่าวถึงเหยื่อชาวต่างชาติที่ถูกข่มขืนเสียชีวิตว่าเป็นเพราะการแต่งตัวของเหยื่อ การออกกฎการแต่งกายของสตรีในเทศกาลสงกรานต์ จะเห็นได้ว่าพล.อ.ประยุทธ์เป็นคนก้าวร้าว เหยียดเพศ ดูถูกสตรี มีความเป็นเผด็จการสูง เป็นผู้ที่ระงับอารมณ์ตนเองไม่ได้ ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งในการเป็นผู้นำประเทศ

3.พล.อ.ประยุทธ์ กล้าตัดสินใจในเรื่องที่คนอื่นไม่กล้าทำ เพราะมีกฎหมายนิรโทษกรรมตัวเอง บางการตัดสินใจนำมาซึ่งความเสียหายของประเทศ เช่น กรณีเหมืองทอง ที่ประเทศไทยถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายอยู่ในชั้นศาล

4.ผลงานตลอด 4 ปีที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ ทำดัชนีชี้วัดประเทศร่วงลงทุกด้าน ทั้งความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ความโปร่งใสทางกระบวนการยุติธรรม ความเป็นประชาธิปไตย คุณภาพการศึกษา คุณภาพอากาศของประเทศ

5.พล.อ.ประยุทธ์ต้องการสืบทอดและเสพติดอำนาจ ทั้งที่การบริหารประเทศที่ผ่านมาทำให้ประชาชนฐานรากทั้งประเทศลำบากยากแค้นแสนสาหัส จากสถิติปริมาณคนจนที่มีรายได้ 2,920 บาท/คน/เดือน ที่พุ่งพรวดกว่า 20 % ในปี 2558 – 2559 มีคนจนเพิ่มขึ้น 963,000 คน (เกือบ 1 ล้านคน)

6.พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ที่ประชาชนพึ่งพาไม่ได้ ไม่มีวิสัยทัศน์คิดแก้ไขปัญหา ไม่รับฟังปัญหาจากประชาชน อย่างกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ไปเดินตลาดเพื่อหาเสียง ถ้ามีพ่อค้าแม่ค้าบอกว่า “ขายของไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์จะโต้กลับทันทีว่า “เป็นเรื่องของผมเหรอ” เป็นคำตอบที่ปัดปัญหาให้พ้นตัว

7.พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้ที่คับแคบ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน และพวกพ้องดังเห็นได้จากยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ทำไว้เพื่อกีดกันรัฐบาลใดๆ ที่เข้ามาใหม่เพื่อให้ทำตามความต้องการของ คสช.และคณะ

8.การที่พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาบริหารประเทศได้สร้างค่านิยมเผด็จการปลูกฝังให้สังคมไทย คือไม่สามารถฟังความคิดเห็นที่แตกต่างได้ ก้าวร้าวและระงับอารมณ์ไม่ได้เมื่อได้ยินคำถามที่แสดงความคิดเห็นแตกต่าง ค่านิยมในการไม่รักษาคำพูด เช่น การรับปากว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งที่เลื่อนมาถึง 5 ครั้ง การประดิษฐ์วาทกรรมว่า “ขอเวลาอีกไม่นาน” ซึ่งใช้เวลามาเกือบ 5 ปียังไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง ค่านิยมเห็นแก่ตน และค่านิยมไม่มีน้ำใจนักกีฬา ที่ต้องสร้างกฎกติกาที่เอาเปรียบเพื่อสืบทอดอำนาจเสร็จก่อนจึงจัดให้มีการเลือกตั้งแบบไม่เต็มใจนัก

ค่านิยมยกตนข่มท่านจากการที่พล.อ.ประยุทธ์พูดเสมอว่า “มีรัฐบาลไหนทำงานเยอะเท่านี้ไหม” และค่านิยมปฏิเสธความรับผิดชอบในฐานะผู้นำ คือ การเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้ฝ่ายตรงข้าม ถ้าเกิดความผิดพลาดใดๆ ขึ้นมาจะได้ยินพล.อ.ประยุทธ์พูดเสมอว่าเป็นความผิดรัฐบาลเก่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน