วันที่ 21 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. กล่าวถึงปัญหาการตรวจค้นวัดพระธรรมกายว่า วันนี้โทรทัศน์บางช่อง พิธีกรบางคน ระบุว่าใช้มาตรา 44 กับวัดพระธรรมกายแล้วก็ไม่มีความหมาย กลายเป็นว่ารัฐบาลไม่มีน้ำยา ซึ่งเรื่องนี้หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ปัญหาก็จะเกิด กลายเป็นเชียร์มวย ดูกันว่าใครจะชนะระหว่างพระกับเจ้าหน้าที่ ถามว่าเกิดประโยชน์อะไรกับบ้านเมืองบ้าง เรื่องนี้เป็นคดีความ ถ้าสู้กันตามกระบวนการทุกอย่างก็จบ

“เมื่อตำรวจบอกว่า 7 วัน คือหมายความว่าต้องรู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป วันนี้มีการทำงานร่วมกันทั้งสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มหาเถรสมาคม (มส.) ก็ลงมาหารือร่วมกันเพื่อทำให้วัดพระธรรมกายเป็นสถานที่ที่ประชาชนสามารถเข้าไป ไม่แปลกประหลาดหรือแตกต่างจากที่อื่น ส่วนคดีความเป็นเรื่องของบุคคล ใครทำผิดก็ว่ากันไป ขอร้องอย่าพูดเหมือนเดิมพันใครจะชนะ เพราะบ้านเมืองจะแพ้ตลอด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ส่วนกรณีที่วัดพระธรรมกายมีการต่อเติมอาคารและใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้รับอนุญาตจากทางการ ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คนทำผิดกฎหมายยังไม่มาขึ้นศาลตามกระบวนการ จึงอย่าเพิ่งถามว่าผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้ที่เกี่ยวข้องจะมีความผิดหรือไม่ ดังนั้นสื่อมวลชนจึงควรบอกผู้ที่กระทำความผิดให้มามอบตัว เพราะเป็นหน้าที่ของสื่อ ที่จะต้องไปบอกว่า ขอให้พระสงฆ์เอาผ้าปิดจมูกออก

“ได้ที่ไหน เป็นพระปิดหน้าปิดตา เหมาะสมหรือเปล่าก็ไม่รู้ ส่วนที่ขอให้ยกเลิกมาตรา 44 ยืนยันว่าผมไม่ยกเลิก เพราะยังไม่จบเรื่องแล้วจะยกเลิกได้อย่างไร กฎหมายเลิกได้ที่ไหน ในเมื่อยังนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีไม่ได้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ต้องควบคุมไปตลอดจนกว่าพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสจะมอบตัวหรือดำเนินคดีได้ พร้อมบริหารจัดการใหม่และอย่ามาบอกว่าผมจะไปยึดพระทองคำ เพราะไม่รู้อะไรอยู่ไหน มีหรือเปล่าก็ไม่รู้ และแน่ใจอย่างไรว่าเป็นพระแท้ เป็นไปได้หรือที่นำทองคำไปหล่อพระขนาดนั้น เพราะขนาดสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่นยังรั่วเลย คิดแบบนี้ก็จะรู้คำตอบเอง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน