เลขาฯกกต.แจงอดีตกรรมการ-สมาชิกทษช.ช่วยพรรคอื่นหาเสียงได้

ช่วยพรรคอื่นหาเสียงได้-เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต.กล่าวถึงผลจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติว่า กรรมการบริหารพรรคทั้ง 13 คนจะถูกตัดสิทธิสมัคร และห้ามเป็นกรรมการบริหารพรรคหรือผู้ร่วมก่อตั้งพรรคการเมืองอื่นภายในเวลา 10 ปี ยกเว้นนายรุ่งเรือง พิทยศิริ ซึ่งลาออกไปก่อนมีการกระทำความผิด ทั้งนี้กรรมการบริหารพรรคทั้ง 13 คน ที่ถูกเพิกถอนสิทธิสามารถไปช่วยหาเสียงให้กับพรรคการเมืองอื่นได้ แต่ต้องระวังไม่ให้เข้าข่ายครอบงำพรรคอื่น และจะขึ้นรูปในป้ายหาเสียงคู่กับผู้สมัครของพรรคอื่นไม่ได้ แต่หากไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นแล้ว สามารถขึ้นรูปในป้ายหาเสียงคู่กับผู้สมัครได้

ส่วนสมาชิกและผู้สมัครคนอื่นๆ เมื่อพรรคถูกยุบสามารถไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่น และเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ เพราะยังมีสถานะเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งประเด็นผู้ช่วยหาเสียงจะถูกควบคุมด้วยจำนวนและค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนที่ทำการพรรคและสาขาพรรคแม้กฎหมายไม่ได้กำหนดว่าต้องรื้อถอนป้ายชื่อและโลโก้พรรคออกภายในกำหนดเวลาเท่าไร แต่ควรรีบดำเนินการโดยเร็ว สำหรับการโฆษณาหาเสียงในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นป้ายหาเสียง หรือการหาเสียงผ่านโซเชี่ยลมีเดียต้องลบทิ้งทั้งหมด ในระหว่างนี้กกต.ได้เร่งประชาสัมพันธ์ไปยังสถานเอกอัครราชทูตใน 97 ประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ให้เร่งชี้แจงกรณีพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบ เพราะหากกาบัตรเลือกผู้สมัครของพรรคที่ถูกยุบ จะถือเป็นบัตรเสียทันที

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการยุบพรรค เมื่อกกต.ได้รับคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญจะเร่งส่งเรื่องให้ศาลฎีกาสั่งถอนชื่อผู้สมัครของพรรคไทยรักษาชาติออกจากการเป็นผู้สมัครทันที โดยเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนวันลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า รวมถึงกรณีพรรคเพื่อนไทยซึ่งผู้สมัครถูกตัดสิทธิสมัครทั้งพรรค โดยตามขั้นตอนนายทะเบียนพรรคการเมืองประกาศยุบพรรคไทยรักษาชาติและนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา พร้อมกับแจ้งประกาศดังกล่าวให้กับอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติทราบ และแจ้งให้พรรคไทยรักษาชาติ จัดส่งบัญชีและงบแสดงสถานะทางการเงินต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองภายใน 30 วันนับแต่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งยุบพรรค เพื่อแจ้งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินดำเนินการชำระบัญชีของพรรค

ส่วนกรณีที่มีการวิจารณ์ว่ายุบพรรคไทยรักษาชาติรวดเร็ว แต่เรื่องร้องยุบพรรคอื่นทำช้า โดยเฉพาะกรณีการจัดโต๊ะจีนระดมทุนของพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งยื่นคำร้องมาตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.2561 พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า กรณีพรรคไทยรักษาชาติความผิดปรากฏชัดมีหลักฐานอันควรเชื่อว่ามีการกระทำอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองอย่างชัดเจน จึงเสนอให้กกต.พิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญได้ทันที ส่วนเรื่องโต๊ะจีนระดมทุนต้องตรวจสอบบัญชียอดบริจาค จะยุบพรรคได้ต่อเมื่อมีการรับเงินจากชาวต่างชาติหรือนิติบุคคลที่มีชาวต่างชาติถือครองหุ้นมากกว่า 49% ซึ่งมีรายชื่อนิติบุคคลบริจาคถึง 40 แห่ง และเป็นการบริจาคจากบุคคลธรรมดาถึง 84 คน รายละเอียดทั้งหมดต้องตรวจสอบไปยังสำนักทะเบียนราษฎร และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า คาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนและสามารถเสนอความเห็นให้กกต.พิจารณาได้ รวมถึงคำร้องยุบพรรคอื่นๆด้วย

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวถึงการเดินทางไปดูงานการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรของกกต.ทั้ง 7 คนว่า กฎหมายใหม่กำหนดให้กกต.ต้องไปดูการจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร หากเกิดเหตุผิดพลาด เช่น ส่งบัตรผิด กกต.สามรถใช้อำนาจสั่งระงับการเลือกตั้งได้ทันที ถ้ากกต.ไม่เดินทางไปแล้วเกิดเหตุขัดข้องผิดพลาด จะกลายเป็นกกต.ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนงบประมาณในการเดินทางอยู่ในขอบข่ายของการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้การเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 17 มี.ค.นี้ กกต.ทั้ง 7 คนจะลงพื้นที่ตรวจสอบการจัดการเลือกตั้งในพื้นที่ต่างๆเช่นกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน