“อ๋อย” แจงเตรียมเดินสายเวที 4 ภาค เริ่มที่ร้อยเอ็ด 12 มี.ค. ลั่น! จะคอยดูวันจัดตั้ง ‘รัฐบาล’ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้

เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ – เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 11 มี.ค. ที่พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ฐานะแกนนำกลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วยนายประภัสร์ จงสงวน นายนิคม ไวยรัชพานิช นายก่อแก้ว พิกุลทอง และอดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ เรียกประชุมอดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อหารือระเบียบและข้อบังคับของ กกต.อย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดกิจกรรมดังกล่าว ไม่เข้าข่ายครอบงำพรรคการเมือง และวางแนวทางของกลุ่มฯ รวมถึงซักซ้อมการตั้งเวทีพูดคุยกับประชาชน 4 ภาค

จากนั้นเวลา 12.00 น. นายจาตุรนต์ ให้สัมภาษณ์ หลังการประชุมว่า ทางกลุ่มฯ จะเริ่มเดินสายในวันที่ 12 มี.ค.ที่ จ.ร้อยเอ็ด โดยจะเป็นลักษณะเวทีปราศรัย ซึ่งมีการขอใช้สถานที่และขออนุญาตชุมนุม เพื่อแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ไม่มีวัตถุประสงค์อื่น เนื่องจากพวกตนไม่ได้อยู่ในสถานะผู้สมัครรับเลือกตั้งแล้ว และมีแนวทางชัดเจน ที่จะทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย หยุดสืบทอดอำนาจ สนับสนุนรัฐบาลประชาธิปไตยแก้ปัญหาประเทศ เมื่อพวกตนหมดสถานะการเป็นผู้สมัคร ส.ส.แต่ยังอยากทำประโยชน์ตามแนวทางนี้อยู่ ซึ่งการปราศรัยของกลุ่มฯ จะไม่พูดให้เลือกใคร แต่จะวิจารณ์เหตุการณ์บ้านเมืองรวมถึงความจำเป็นที่ประชาชนต้องช่วยกันหยุดสืบทอดอำนาจของ คสช. และสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยให้เป็นรัฐบาล โดยการไปเลือกตั้ง

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

เมื่อถามว่ามีบางฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มจะสร้างความขัดแย้ง นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การทำกิจกรรมของกลุ่มไม่ใช่การสร้างความขัดแย้ง แต่เป็นประเด็นเดิมที่เราเคยหาเสียงในการเลือกตั้งและจะมีความชัดเจนมากขึ้นว่าประชาชนจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ต่อหรือไม่ อยากให้เศรษฐกิจแย่อย่างนี้ต่อไป เพราะ คสช.หรือต้องการเปลี่ยนให้ได้รัฐบาลประชาธิปไตยเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และทางออกของกลุ่มฯ ไม่ให้บอกให้ประชาชนทำอะไร แต่เสนอให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง

เมื่อถามถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ประกาศไม่หนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ตนเคยพูดถึงแนวทางดังกล่าวมานานแล้ว และสอบถามไปยังนายอภิสิทธิ์ว่าจะร่วมรัฐบาลกับพล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ แต่ที่ตนเสนอคือ การไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ ที่สำคัญความเห็นของนายอภิสิทธ์ ที่เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตนอยากถามว่าความเห็นดังกล่าวเป็นความเห็นของคนทั้งพรรคหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาแกนนำของพรรคประชาธิปัตย์หลายคนที่เคยร่วมวงดีเบตด้วยกัน มักพูดไปในแนวทางเดียวกันว่า คนในพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีใครสามารถพูดแทนพรรคได้ จนกว่าพรรคจะมีมติออกมา

ดังนั้นคำพูดของนายอภิสิทธิ์ก็ไม่ชัดเจนว่า เมื่อพรรคประชาธิปัตย์มีมติออกมาจะตรงตามความเห็นของนายอภิสิทธิ์หรือไม่ และถึงเวลาต้องร่วมรัฐบาลจริงๆ หากพรรคมีมติไม่ตรงกับนายอภิสิทธิ์ นายอภิสิทธิ์ก็ต้องออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค จึงเป็นไปได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์อาจมีการลงมติหลังจากนี้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และนายอภิสิทธิ์ต้องออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค

และในที่สุดเมื่อพล.อ.ประยุทธ์ตั้งรัฐบาลได้ พรรคประชาธิปัตย์อาจบอกว่าจำเป็นต้องร่วมรัฐบาล เพื่อไม่ให้ประเทศว่างเว้นจากการมีรัฐบาล ก็อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นสิ่งที่นายอภิสิทธิ์พูดในช่วงคับขัน รู้ว่ากระแสพรรคอ่อนลงเพราะไม่มีความชัดเจน เรื่องการสนับสนุนเผด็จการหรือไม่ ทำให้คำพูดนายอภิสิทธิ์ขาดความน่าเชื่อถือไปมาก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน