‘พิชัย’ ย้อน “บิ๊กตู่” แนะ พลังประชารัฐ ก่อน ฉะ! ใช้เงินมหาศาลการคลังจะแย่ ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำ แนะประชาชนเลือกพรรคจากผลงานในอดีต
เมื่อวันที่ 17 มี.ค. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ออกมาแสดงความกังวลเรื่องพรรคการเมืองเสนอนโยบาย กลัวว่าจะไม่มีเงินใช้จ่าย ว่า พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะต้องเตือนพรรคพลังประชารัฐที่เสนอพล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ ก่อนพรรคอื่น เพราะนโยบายหลังสุดของพรรค พปชร.จะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมหาศาล
นายพิชัย กล่าวต่อว่า เช่น กำหนดราคาผลิตผลเกษตร ทั้งข้าวสาร 12,000 บาท ข้าวหอมมะลิ 18,000 บาท ยางพารากิโลกรัมละ 65 บาท และปาล์มน้ำมันกิโลกรัมละ 5 บาท โดยจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนหลายแสนล้านบาท นอกจากนี้ การขึ้นค่าแรง 400-425 บาท และ ปริญญาตรี 20,000 บาท และ ปวช. 18,000 บาท จะเพิ่มต้นทุนให้กับภาคธุรกิจอย่างมาก ทั้งที่เศรษฐกิจในภาพรวมยังย่ำแย่ การส่งออกเริ่มติดลบ และอาจจะติดลบต่อไปอีก
เกาะติดข่าวการเมืองข่าวเลือกตั้ง แค่กดเป็นเพื่อนกับไลน์@ข่าวสด ที่นี่
นายพิชัย กล่าวอีกว่า ประกอบกับค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง ซึ่งหากค่าแรงและค่าจ้างเพิ่มขึ้นอีก จะยิ่งสร้างปัญหาให้กับภาคธุรกิจมาก ความจริงคือรัฐบาลควรจะทยอยปรับเพิ่มค่าแรงและค่าจ้างในแต่ละปี เพื่อให้ธุรกิจค่อย ๆ ปรับตัว นอกจากที่รัฐบาลจะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นแล้ว พรรค พปชร.ยังมีนโยบายลดภาษี ทำให้รายได้รัฐลดลงอีก แล้วรัฐจะเอาเงินที่ไหนไปดำเนินนโยบายต่าง ๆ ได้
อดีต รมว.พลังงาน กล่าวด้วยว่า และการลดภาษีบุคคลธรรมดาลง 10 เปอร์เซ็นต์ จะเอื้อประโยชน์คนรวยเพียง 2-3 แสนคนเท่านั้น ที่มีรายได้สูงและจ่ายภาษีในอัตราสูง และมีสัดส่วนการจ่ายประมาณ 2 ใน 3 ของรายได้รัฐจากภาษีบุคคลธรรมดา ซึ่งจะทำให้รายได้หายไปอย่างมาก ยิ่งตอกย้ำความเหลื่อมล้ำ เพราะจะมีแต่คนรวยเท่านั้นที่ได้ประโยชน์
“ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้แจกเงินสะเปะสะปะไปมากแล้ว เป็นการแจกแบบเกือบเสียเปล่า ไม่ได้สร้างความสามารถในแข่งขันเพิ่มขึ้นให้กับประเทศแต่อย่างไร อย่างไรก็ดี การออกนโยบายเศรษฐกิจก็เป็นสิทธิของพรรคการเมือง และอยากให้ประชาชนได้พิจารณาให้รอบคอบว่าพรรคการเมืองไหนจะสร้างการพัฒนาให้กับประเทศได้อย่างแท้จริง โดยดูจากผลงานในอดีต ถ้าหาก 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น จะหวังว่าอนาคตจะทำให้ดีกว่าเดิมคงเป็นไปได้ยาก และหากมีการใช้เงินกันอย่างมากระบบการเงินการคลังของประเทศจะมีปัญหาอย่างมากได้” นายพิชัย กล่าว