‘ทยา’ ลั่น ‘พล.อ.ประยุทธ์’ คือ ‘ทางรอด’ ที่ดีที่สุด ไม่ใช่ ‘สืบทอดอำนาจ’

ร้อนแรงเหลือเกินสำหรับบรรยากาศการเมืองไทยช่วงนี้ เห็นได้จากพรรคการเมืองต่างๆ ออกหาเสียงอย่างไม่มีใครยอมใคร ฟาดฟันฝีปากผ่านเวทีดีเบต และดึงดูดคะแนนด้วยนโยบายเด็ดๆ กันมากมาย ฝ่ายประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หลากหลายอาชีพ ต่างออกมาแสดงความคิดเห็น และสนับสนุนผู้สมัครส.ส. และพรรคการเมืองกันอย่างเปิดเผย ไม่เว้นกระทั่งดารา-นักแสดง หรือคนดังในแวดวงนักธุรกิจ

‘ทยา ทีปสุวรรณ’ อดีตแกนนำ กปปส. และอดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ก็ออกเปิดตัวสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหนึ่งเดียวของพรรคพลังประชารัฐ เป็นนายกฯ อีกสมัย ผ่านการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมให้เหตุผลว่า ‘พล.อ.ประยุทธ์ คือ ทางรอดเดียวของประเทศไทยในณะนี้’

ครั้งนี้ คุณทยา ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับ ข่าวสดออนไลน์ ถึงจุดยืนทางการเมือง และข้อคิดเห็นถึงการเมืองใน ‘คนรุ่นใหม่’

ลาออกจาก ‘ประชาธิปัตย์’

เป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตเหมือนกัน เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่เราผูกพันมาตั้งแต่เด็กๆ จริงๆ ตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่เล่นการเมือง คุณตาควง อภัยวงศ์ ก็เป็นบรรพบุรุษที่เป็นผู้ก่อตั้งของพรรคด้วย คุณพ่อก็สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ พี่ตั้น (ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ) ก็สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เหมือนเราก็เติบโตมากับครอบครัวที่มีความเป็นประชาธิปัตย์

เราได้มีโอกาสที่มาทำงานการเมืองในตำแหน่งรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ต้องบอกว่าผู้ใหญ่ในพรรคก็ให้โอกาสครอบครัวเรามาโดยตลอด เพราะฉะนั้นก็เป็นการตัดสินใจที่มีความผูกพัน และเป็นการตัดสินใจที่เราก็ลำบากใจเหมือนกัน แต่ว่าคิดดูแล้วมันจำเป็นต้องทำ เพราะเมื่อเราชัดเจนในจุดยืนทางการเมืองในเวลานี้ขณะนี้ ซึ่งจะเป็นจุดยืนที่แตกต่างจากพรรคประชาธิปัตย์

หนุน ‘พล.อ.ประยุทธ์’

จุดยืนก็อย่างที่เรียนว่าเราสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยเหตุผลหลายเหตุผล เพราะฉะนั้นเมื่อเราจำเป็นต้องมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เราก็มีความชัดเจน ไม่ใช่ว่าออกมาเพราะสามีเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ หรือเป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1

เราภูมิใจในสิ่งที่เราทำมากในตอนที่เราเป็น กปปส. เราก็บอกว่างั้นเราพอแล้วกับการเมือง เราไม่ได้ไปต่อกับที่ไหนเลย แต่เมื่อสถานการณ์มันเปลี่ยนไป พี่ตั้นตัดสินใจที่จะกลับไปทำการเมืองอีกครั้งหนึ่ง ด้วยความเชื่อของเขา ด้วยอุดมการณ์ของเขา ที่เขาอยากจะทำให้พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง

จุดที่เราต้องเลือก

คิดว่าบ้านเมืองมันถึงจุดที่เราต้องเลือก เลือกที่เราจะเอาผู้นำที่เราสามารถสร้างความสงบสุขให้กับประเทศไทยได้จริงๆ ก็ทราบกันดีตอนนี้เราก็เลือกกันแหละชัดเจน กับระบอบทักษิณ หรือความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ จากเหตุการณ์วันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา อันนั้นก็เป็นจุดเปลี่ยนอันหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่า เราจำเป็นต้องออกมา เพราะว่าเห็นได้ชัดว่า ทางฝ่ายนู้นทำอะไรก็ได้จริงๆ

ไม่ดีที่สุด แต่เป็น ‘ทางรอดเดียว’

ถ้าฝ่ายนู้นสามารถทำอะไรก็ได้ที่จะทำให้พรรคชนะการเลือกตั้ง ให้ ‘นายใหญ่’ ได้กลับมา เราเองก็ต้องออกมาแสดงจุดยืน เราก็คิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่บอกว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่เป็นทางรอดที่ดีที่สุดของประเทศ ซึ่งเราเชื่ออย่างนั้น

บิ๊กตู่’ มาด้วยความจำเป็น

คือจริงๆ ที่ผ่านมา 4-5 ปี ก็เห็นแล้วว่าบ้านเมืองเราสงบ ถามว่าย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนม็อบ มั่นใจว่าท่านไม่ได้อยากออกมา ถ้าในเวลานั้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์คำนึงถึงประเทศแล้วไม่อยากให้เกิดความรุนแรง รัฐบาลต้องลาออก แต่ว่าคุณยิ่งลักษณ์ก็เลือกที่จะไม่ลาออก แล้วก็เริ่มมีการใช้ความรุนแรง มีคนบาดเจ็บล้มตายกันมากขึ้นเรื่อยๆ ดิฉันไม่คิดว่าพล.อ.ประยุทธ์อยากจะออกมายึดอำนาจ ท่านเองตอนนั้นเป็น ผบ.ทบ. ท่านก็พร้อมจะเกษียณในตำแหน่ง ผบ.ทบ. นั้นก็สูงสุดแล้วในอาชีพของทหาร และท่านก็ไม่ได้วางแผนที่จะเข้ามาเล่นการเมือง หรือสืบทอดอำนาจเหมือนหลายๆ คนเข้าใจ แต่ในเมื่อบ้านเมืองมันถึงทางตัน ท่านก็เลยจำเป็นต้องออกมา

ท่านเองเข้ามาท่านไม่ได้ทำดีทุกอย่าง ดิฉันก็คิดว่ามีหลายอย่างที่อยากให้ท่านทำ แต่ท่านยังไม่ได้ทำ หรือทำแล้ว ยังทำไม่เสร็จ หรือปัญหาบ้านเมืองที่มันสะสมมาเป็น 10 ปี จากการคอร์รัปชั่นของนักการเมืองที่เข้ามากอบโกยผลประโยชน์อะไรก็ตามแต่ มันไม่ได้แก้ด้วยเวลา 4-5 ปี

ดิฉันก็เลยคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ นั่นคือคนที่เหมาะในสถานการณ์ตอนนี้ แต่ถ้าท่านจะเป็นตลอดไปยาวนาน และบ้านเมืองมันสามารถสร้างจุดผ่านตรงนี้ไปได้ ท่านก็คงต้องวางมือลงจากตำแหน่ง และให้นักการเมืองเข้ามาบริหารประเทศ แต่ถึงจุดจุดนี้ ในเวลานี้ ท่านไม่ได้เป็นคนที่ดีที่สุด แต่ท่านเป็นคนที่เหมาะที่สุด คือ พล.อ.ประยุทธ์

ใครกันแน่ ‘สืบทอดอำนาจ’ ?

จริงๆ การสืบทอดอำนาจตอนนี้ เป็นการพูดใช้นโยบายหาเสียง ใช้เป็นวาทกรรมหาเสียง เพื่อโจมตี ดิฉันมองว่า คำว่า ‘สืบทอดอำนาจ’ การที่นายกรัฐมนตรี หรือประธานาธิบดีในประเทศอื่นๆ ที่จะลงมาขอโอกาส หรือจะลงมาสู่สนามเลือกตั้ง ที่จะขออาสาทำงานต่อให้กับบ้านเมืองอีกครั้งหนึ่ง ประเทศที่ไหนๆ ก็ทำกัน การเลือกตั้งครั้งนี้ก็ไม่ใช่เป็นการเลือกตั้งที่เข้ามาด้วยการเผด็จการ ก็เข้ามาลงแข่งสู่สนามประชาธิปไตย การที่ท่านอาจจะคิดว่าหลายอย่างที่ยังทำไม่เสร็จ และก็อยากจะสานต่อนโยบายต่างๆ ที่ได้ทำไว้ มันก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่ท่านประยุทธ์อยากจะกลับมาทำงานอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็จัดให้มีการเลือกตั้ง

แผนการพานายใหญ่กลับบ้าน

ถ้ามาเล่นด้วยวาทกรรมว่า ‘สืบทอดอำนาจ’ แล้วรัฐธรรมนูญปี 2560 ก็ได้ผ่านประชามติมา ก็ไม่แปลกอะไรที่คนที่เคยเป็นทหารแล้วก็เข้ามาสู่การเมืองด้วยความจำเป็น ถ้าจะมองไปถึงรัฐบาลก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลคุณทักษิณ รัฐบาลคุณสมัคร รัฐบาลคุณสมชาย รัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ อันนั้นก็มีการส่งไม้ต่อ เพราะว่าโดนคดีปุ๊บ ก็มีการส่งไม้ต่อมาให้กับคนในตระกูล คนที่ใกล้ชิด ก็คือต้องการที่จะสืบทอดอำนาจ ทุกคนก็ต้องการที่จะอยู่แนวหน้าต่อไป เรื่องของเผด็จการในรัฐสภา เรื่องของการแก้กฎหมายนิรโทษกรรม ดันนิรโทษกรรมสุดซอยออกไปตรงนั้น ดิฉันคิดว่าอันนั้นมันยิ่งแย่กว่าอีก คือแก้ฎหมายเพื่อพา ‘นายใหญ่’ กลับบ้าน ก็ยิ่งถือว่า เป็นการสืบทอดอำนาจเหมือนกัน ก็คือต้องการอยู่ในบ้านเมืองต่อ ในบ้านเมืองต่อ

ถ้าถามว่า 5 ปีที่แล้วที่ท่านเข้ามา ท่านก็มายึดอำนาจนั่นแหละจากนักการเมือง ก็มองได้ว่าตรงนั้นเป็นเผด็จการ ก็ไม่มีใครเถียง บ้านเมืองถึงทางตัน ขัดแย้ง ท่านก็เข้ามา ท่านมีการใช้ ม.44 ในการแก้ปัญหา ในการทำให้บ้านเมืองไม่มีความรุนแรง ให้อยู่ในความสงบ แต่ในตอนนี้เหมือนท่านจะคืนอำนาจให้ประชาชนแล้ว รัฐบาลพร้อมคืนอำนาจให้กับสู่กระบวนการประชาธิปไตย เข้ามาสู่กระบวนการเลือกตั้ง ดิฉันเองมองว่ามันไม่ใช่เรื่องของเผด็จการ มองกลับไปคือเผด็จการในคราบของประชาธิปไตยที่ผ่านมาในระบอบทักษิณมีมากมาย

ส.ว.250 เสียง ไม่จำเป็นต้องเลือก พล.อ.ประยุทธ์

ตรงนี้ก็อยากให้ดูรายชื่อของ ส.ว. ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ จริงๆ ส.ว. ไม่จำเป็นต้องโหวตให้กับพล.อ.ประยุทธ์ แล้วก็เรื่องที่ให้ ส.ว. เข้ามามีสิทธิในการเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญของคำถามพ่วงที่ได้มีการผ่านประชามติมาแล้ว ถ้าเกิดว่าคนไปใช้สิทธิกันเยอะๆ แล้วก็เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ แล้วก็พรรคพลังประชารัฐได้มีโอกาสได้ที่นั่งใน ส.ส. มากขึ้น อันนั้นก็จะเป็นการทำให้เห็นว่าประชาชนต้องเลือกแล้วว่าจะเดินไปทางไหน ระหว่างความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง หรือว่าบ้านเมืองจะกลับเข้าไปสู่วงจรเดิมๆ

ห่วงคนรุ่นใหม่เลือกคนตามกระแส

คิดว่า ‘คนรุ่นใหม่’ ก็คือกำลังหลักในการพัฒนาประเทศด้วย เพราะฉะนั้นเขาต้องเลือกคนที่เหมาะสม ต้องคิดเยอะๆ อย่าไปเลือกเพราะว่ากระแส อย่าไปเลือกเพราะเห็นเป็นคนรุ่นใหม่เหมือนกัน อะไรอย่างนี้ คือต้องดูนโยบาย ดูเจตนารมณ์ ดูความตั้งใจของหัวหน้าพรรคนั้นๆ ด้วย ว่าเขาตั้งใจที่จะเข้ามาทำอะไรให้กับประเทศ อย่าเลือกด้วยอารมณ์ อย่าเลือกด้วยความเบื่อการเมือง เพราะว่าคนรุ่นใหม่ ต้องเป็นคนที่จะอาสามาทำตรงนี้ ต้องเป็นคนที่รักแผ่นดินไทย รู้จักรากเหง้าของแผ่นดิน รู้จักว่าแผ่นดินให้เขาเติบโตมาอย่างไร แล้วเขาจะตอบแทนประเทศชาติอย่างไร ไม่ใช่เป็นเพราะเขาหน้าใหม่ อายุน้อย เป็นคนรุ่นใหม่ ดูแล้วน่าจะไม่เหมือนพรรคอื่น ก็เป็นทางเลือกได้ เรื่องของนโยบายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเกณฑ์ทหาร ในเรื่องของการพิธีไหว้ครู เรื่องของงบกองทัพ เรื่องของความเป็นไทย เอกลักษณ์ อัตลักษณ์ของเรา ความเป็นสยามเมืองยิ้ม

คนรุ่นใหม่ต้องคิดเยอะๆ

อยากให้น้องๆ รุ่นใหม่คิดกันเยอะๆ เพราะว่าเราต้องอยู่ไปอีก 4 -5 ปี กับสิ่งที่เราเลือก ไม่ใช่ว่าเราเลือก เขาเข้าไปเป็นรัฐบาลแล้วเราไม่ชอบ แล้วเราทำอะไรก็ไม่ได้แล้ว เพราะว่าเขาเป็นรัฐบาลแล้ว การไปใช้สิทธิครั้งแรก หรือการที่เราไม่ได้เลือกตั้งมา 8-9 ปี อยากให้แบบคิดกันเยอะๆ จริงๆ เพราะเราเลือกอะไร เราได้อย่างนั้น

ก็อยู่ที่ว่าใครจะชนะ แต่ว่าอย่างที่บอกว่าเป็นการตัดสินใจของคนไทยทั้งประเทศ ในการกำหนดอนาคตของประเทศเอง เราไม่ได้มีการเลือกตั้งมานาน ออกมาใช้สิทธิกันเยอะๆ ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร เราต้องเคารพ

หยุดแน่หลังเลือกตั้ง

โพสต์แรกที่อีฟออกมา คนแชร์อะไรกันเยอะมากเลยคือว่าเรื่องของการรักพี่ เสียดายน้อง คือดิฉันคิดว่าคนมีความรู้สึกร่วมกับเราเยอะ คือเลือกประชาธิปัตย์มาตลอด และเป็นพรรคที่เก่าแก่ เป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ พรรคที่มี ส.ส. น้ำดีเยอะ ดิฉันเองในตอนนี้เองก็เป็นอิสระ ก็คงกลับมาทำธุรกิจครอบครัว ก็มีความสุขที่จะทำโรงเรียน ทำการศึกษา พัฒนาการศึกษาถึงแม้จะเป็นสเกลเล็กๆ แต่ก็เป็นอะไรที่เรามี Passion กับตรงนี้ แล้วก็อยากจะทำให้ดี ให้เวลากับครอบครัวมากกว่า จบวันที่ 24 นี้ก็ไม่โพสต์เรื่องการเมืองแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน