วิษณุ มั่นใจ เลือกตั้งไม่โมฆะ ล่ารายชื่อถอดกกต.ได้ แต่กระบวนการอีกยาว หากให้หยุดปฏิบัติหน้าที่

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 1 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ที่มีการล่ารายชื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เนื่องจากไม่พอใจในการปฎิบัติหน้าที่จัดการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า เท่าที่เห็นคิดว่าการล่ารายชื่อดังกล่าวยังไม่นำไปสู่อะไร เพราะในกระบวนการถอดถอนนั้นจะต้องผ่านการสอบสวน และอื่นๆอีกมาก ใครจะล่ารายชื่อก็ทำไป แต่กระบวนการยังมีอีกยาว หากจะให้กกต.หยุดปฏิบัติหน้าที่ ถามว่าแล้วใครจะประกาศผลการเลือกตั้ง หรือมีความตั้งใจไม่อยากให้ประกาศผลการเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากประกาศผลการเลือกตั้งไม่ได้จะ ส่งผลให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ถือว่าเป็นโมฆะ เพราะการเลือกตั้งจะเป็นโมฆะได้ก็ต่อเมื่อมีกรณีเดียว คือ จากคำสั่งศาล แต่ในวันนี้คดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งยังไม่ถึงชั้นศาลเลยแม้แต่เรื่องเดียว วันนี้จึงคิดว่ายังไม่มีเรื่องที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งเป็นโมฆะ

เมื่อถามว่า มองว่าเจตนาของคนที่ล่ารายชื่อถอดถอนกกต.นั้น เป็นเพราะอะไร นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เขาอาจจะเจตนาดีก็ได้ หรืออาจจะหวังอะไรตนก็ไม่ทราบ แต่อยากให้ช่วยดูจนสุดกระบวนการว่าที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไร เรื่องนี้ฝ่ายรักษาความสงบเรียบร้อยได้ดูแลอยู่ เพราะภายใน 1-2 เดือนนี้ ที่จะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

จึงไม่ควรเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง นี่เป็นหนึ่งเหตุผล ที่จำเป็นต้องเลื่อนการเลือกตั้งจากวันที่ 24 ก.พ. 62 มาเป็นวันที่ 24 มี.ค.62 เพราะไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นในช่วงพระราชพิธี

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

เมื่อถามว่า ทางที่ดีกกต. ควรออกมาชี้แจงข้อสงสัยต่างๆ เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดเจนหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า กกต.ก็ได้ชี้แจงบ้างแล้ว และเห็นด้วยว่าควรจะต้องการชี้แจงอย่างเป็นระบบ กกต.ควรรวบรวมคำถามทั้งหลาย เพื่อตอบให้เกิดความกระจ่าง ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ

แต่ต้องตอบให้ตรงกัน อย่างไรก็ตามกกต. ไม่ได้มาปรึกษาเรื่องอะไรกลับตน และต้องเข้าใจด้วยว่า กกต.ชุดนี้คือกกต.ชุดใหม่ ซึ่งมีคณะทำงานใหม่กฏหมาย และ วิธีการเลือกตั้ง รวมถึงการนับคะแนนใหม่

“คนไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่า ในการเลือกบัตรใบเดียวนั้น เมื่อเลือกเสร็จแล้ว คะแนนต้องเอามาหาร รอบ 1 รอบ 2 รอบ 3 เมื่อมีหลายรอบเข้าก็ทำให้พรรคการเมืองที่ได้คะแนนเพียง 30,000 คะแนน ได้ส.ส. มา 1 คน จากทีแรกตั้งหลักว่าต้องได้ถึง 60,000 – 70,000 คะแนน

จึงจะได้ส.ส. 1 คน ถามว่าแค่ 30,000 คะแนนทำไมจึงได้ 1 คน ก็เพราะว่ามันมีวิธีคิดของเขา ซึ่งกกต. ต้องอธิบายทั้งหมดอย่างเป็นระบบ เพราะเป็นวิธีใหม่จริงๆ ทั้งวิธีการเลือกตั้งและการนับคะแนน รวมถึงเจ้าหน้าที่ ซึ่งก็เห็นใจทุกอย่างที่ทำให้ทุกอย่างเกิดความวุ่นวายขึ้น”

ผู้สื่อข่าวถามว่า สรุปว่าได้ 30,000 คะแนนก็ได้ส.ส.มา 1 ที่นั่งแล้วใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “เห็นเขาว่าอย่างนั้น เพราะการนับคะแนนมีการเฉลี่ยหลายรอบ รอบ1,2,3 นั้น พรรคอื่น ได้ไปหมดแล้ว แต่เหลือเศษอยู่ จึงเฉลี่ยให้พรรคเล็กๆ”

เมื่อถามว่าอย่างนี้จะเกิดความเป็นธรรมแก่พรรคการเมืองขนาดใหญ่หรือ นายวิษณุ กล่าวว่า พรรคใหญ่ ได้ผ่านการได้เปรียบไปหมดแล้ว จึงได้เฉลี่ยไปถึงพรรคเล็ก เป็นไปตามกฎกติกาที่มีมาตั้งแต่ต้น ไม่มีใครไปกลั่นแกล้งกัน ในเมื่อกฎกติการะบุไว้อย่างนี้ ผลที่ออกมาจึงช่วยไม่ได้ แต่ที่สุดแล้วควรให้กกต. เป็นผู้ประกาศ และเปิดเผยถึงวิธีการคิดเฉลี่ยคะแนน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน