“ปิยบุตร” การันตี “ธนาธร” เข้าสภาแน่ จี้ กกต.ยึดสูตรคิดปาร์ตี้ลิสต์ 7.1 หมื่นแต้ม

ธนาธร – เมื่อเวลา 15.10 น. วันที่ 7 พ.ค. ที่พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) อาคารไทยซัมมิท นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค แถลงถึงการคำนวณที่นั่งส.ส.บัญชีรายชื่อว่า รัฐธรรมนูญและพ.ร.ป.ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการคำนวณมี 2 มาตรา ประกอบด้วย รัฐธรรมนูญมาตรา 91 และพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 128 เมื่ออ่านทั้งสองบทบัญญัตินี้แล้ว ในมาตรา 91 และมาตรา 128 สรุปความได้ว่า

วิธีคำนวณต้องคิดจากจำนวนส.ส.พึงมีก่อน ที่ 71,574.98 คะแนน หมายความว่า พรรคใดที่มีส.ส.ในสภาได้ ต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 71,000 เว้นแต่พรรคที่มีส.ส.เขตมากกว่าส.ส.พึงมี นั่นคือพรรคเพื่อไทย ในส่วนของพรรคอนาคตใหม่นั้น มีคะแนนดิบ 6,265,950 คะแนน และอาจได้เพิ่มอีกจากการเลือกตั้งซ่อมเขต 8 จ.เชียงใหม่ คำนวณคร่าวๆ ประมาณ 6.3 ล้านคะแนน ซึ่งจะได้ส.ส.ทั้งหมด 87 ที่

นายปิยบุตร กล่าวต่อว่า หากวันที่ 8 พ.ค. กกต.ยืนยันจะใช้สูตรคำนวณแบบ 27 พรรค จะทำให้อนาคตใหม่มีส.ส.เหลือเพียง 80 คน คิดเป็นคะแนนดิบที่หายไปประมาณ 600,000 คะแนน หมายความว่า 600,000 เสียงของประชาชนที่เลือกเรา หายวับไปกับตา

ซึ่งจะส่งผลตามมาหลายประการ ได้แก่

1.ความไม่เป็นธรรมจากคะแนนที่หายไป ทั้งพลังประชารัฐ (พปชร.) ประชาธิปัตย์ (ปชป.) เสรีรวมไทยก็โดนเช่นกัน แต่พรรคเราโดนเยอะที่สุดถึง 7 คน

2.เกิดความไม่เป็นธรรมระหว่างผู้สมัครแบบแบ่งเขต หลายเขตผู้สมัครได้คะแนน 30,000-40,000 คะแนนจึงได้เป็น ส.ส. แต่ปรากฏว่าบางพรรคได้คะแนนเพียง 30,000-60,000 จากทั้งประเทศกลับได้ส.ส. 1 คน

3.การจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคที่อยู่ฝ่ายต้านการสืบทอดอำนาของคสช. เสียงส.ส.จะหายไปเกือบ 10 คน หมายความว่าเสียงข้างมากในสภาจะเปลี่ยนไปทันที เพราะพรรคฝ่ายประชาธิปไตยจะมีเสียงไม่ถึง 250 เสียง เกิดความไม่เป็นธรรม ซึ่งกกต.ต้องยึดเอาตามที่ประกาศในกฎหมายล่วงหน้า

สำหรับกรณีสิ่งที่ผู้ตรวจการแผ่นดินร้องศาลรัฐธรรมนูญ กรณีพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 128 ขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 หรือไม่ กรณีดังกล่าวไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเป็นเช่นใดก็ไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าการเลือกตั้งจะเป็นโมฆะ สมมติศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าขัดกันจริง ก็ทำให้มาตรา 128 สิ้นผลไป แต่กกต.ยังมีมาตรา 91 เป็นฐานสำหรับการคำนวณจำนวนส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อยู่ดี

หากวินิฉัยว่ามาตรา 128 ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ กกต.ก็ไม่มีทางเป็นอื่นที่จะคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ได้ อย่างไรเสียก็ต้องคำนวณจากมาตรา 91 เป็นหลัก สูตร 27 พรรคก็เกิดไม่ได้ แต่สิ่งที่กำลังขยายความกันอยู่ทำราวกับว่าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มาตรา 128 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญจะทำให้ กกต.ใช้สูตร 27 พรรคมาคำนวณได้ทันที ทั้งที่ความจริงเป็นคนละเรื่องกัน

เพราะอำนาจการคำนวณสูตรเป็นอำนาจ กกต. เว้นเสียแต่ กกต.จะคำนวณขัดกับมาตรา 91 อันนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หาก กกต.ตีความสูตรคำนวณจากพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 128 เองจนเกิดสูตร 27 พรรค แต่ปรากฏว่าขัดกับรัฐธรรมนูญ นี่ไม่ใช่เรื่องกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการใช้อำนาจของ กกต.ขัดกับรัฐธรรมนูญแทน

“อยากให้ กกต.คำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อโดยคิดจากฐานรัฐธรรมนูญ ตามที่มาตรา 91 ระบุ พรรคไหนไม่ถึง 71,000 คะแนน ก็ต้องเป็นไปตามนั้น หากการใช้อำนาจของ กกต.ทำให้พรรคอนาคตใหม่หายไป 600,000 คะแนนและส.ส. 7 คน รวมถึงคะแนนเสียงและจำนวนส.ส.ของพรรคอื่นที่ได้รับผลกระทบ หาก กกต.ใช้อำนาจขัดกับรัฐธรรมนูญจะมีโทษทางกฎหมาย

ทั้งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.เอง จะมีบทลงโทษหนัก จึงถือว่าสุ่มเสี่ยงหาก กกต.ใช้อำนาจตีความเองโดยใช้สูตร 27 พรรค ขอส่งสัญญาณไปว่า หากใช้อำนาจโดยไม่ชอบจะต้องรับผิดทางกฎหมาย ที่สำคัญคือจะกระทบกับทิศทางการจัดตั้งรัฐบาล และเสียงของประชาชนที่เลือกพวกเขาเหล่านี้ เรื่องนี้เขียนไว้ชัดแล้ว ต้องดำเนินตามกติกา”

นายปิยบุตร กล่าวถึงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เข้าชี้แจงกับกกต.เรื่องการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย ว่า เรายืนยันการโอนหุ้นมีผลนับตั้งแต่ลงนาม ซึ่งกรณีนายธนาธร ทำครบถ้วนทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.แล้ว พรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่า

1.กกต.ไม่มีอำนาจตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครส.ส.อีกแล้ว ตั้งแต่บัดนี้ ทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ เพราะกกต.มีเวลาตรวจสอบตั้งแต่ยื่นสมัคร เมื่อถึงวันเลือกตั้งแล้วยังไม่ประกาศผลก็สามารถตรวจสอบได้อีก แต่เมื่อวันนี้ประกาศรับรองไปแล้ว หมายความว่า กกต.ไม่มีอำนาจตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของส.ส.ทุกคนอีกแล้ว

2.กกต.ไม่มีอำนาจแจกใบส้ม เพราะเรื่องใบส้มเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้ง กรณีนายธนาธร เป็นเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม จึงแจกไม่ได้

3.กกต.พยายามอ้างมาตรา 41 ในพ.ร.ป.ว่าด้วยกกต. เรื่องอำนาจการไต่สวน แต่หาก กกต.อ้างกรณีนี้ตลอดหมายความว่า กกต.จะนำกฎหมายบททั่วไปมาใช้กับกรณีเฉพาะทั้งหมด กฎหมายฉบับอื่นก็ไม่มีค่า ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องเขียนอำนาจของ กกต. แต่เขียนแค่มาตรา 41 อย่างเดียว พร้อมระบุว่า กกต.มีอำนาตรวจสอบส.ส.ตลอดเวลา ซึ่งการตีความกฎหมายต้องใช้บทเฉพาะกาลในการตีความก่อน ไม่ใช่อยู่ดีๆ มาหยิบฐานอำนาจว่าด้วยบททั่วไปของตัวเองมาใช้

4.การตั้งข้อกล่าวหาของนายธนาธร ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะกกต.ปราศจากอำนาจทางกฎหมาย การตั้งข้อกล่าวหาไม่ชัดแจ้งและไม่เปิดโอกาสให้นายธนาธร ไปชี้แจง การดำเนินกระบวนการต่างๆ น่าจะไม่เคารพหลักความเสมอภาค และการพิจาณาอย่างเป็นธรรม

5.ขอย้ำอีกครั้งว่า การโอนหุ้นของนายธนาธร มีผลในทางกฎหมายสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2562 นายธนาธรไม่มีหุ้นสื่อมวลชนใดๆ เหลืออยู่ในวันสมัครรับเลือกตั้ง

“กรณีของนายธนาธร ไม่มีวันหรือช่องทางใดที่นายธนาธร จะถูกแขวนอยู่ใน 5 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่รับรอง เพราะการแขวน 5 เปอร์เซ็นต์มีไว้สำหรับแจกส.ส.เขตเท่านั้น เรามั่นใจ หากองค์กรอิสระตัดสินบนตัวบทกฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติ หรืออยู่ภายใต้การกดดันขององค์กรใด ยืนยันว่านายธนาธร จะได้เป็น ส.ส.ในสภาแน่นอน

ยืนยันว่าสัตยาบันที่ร่วมลงกับ 7 พรรคการเมืองยังจับมือกันเหนียวแน่น หาก กกต.ใช้สูตรคำนวณยึดหลักรัฐธรรมนูญมาตรา 91 จะทำให้พรรคที่ร่วมลงสัตยาบันมีเสียงเกินครึ่งของสภาผู้แทนราษฎรแน่นนอน” นายปิยบุตร กล่าว


ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน