“ชวลิต” โวย ครม. ทิ้งทวนอนุมัติงบกว่าหมื่นล้าน เติมเงิน “บัตรคนจน ช่วยคนรวย” ปล่อยให้นายทุนถอนทุนคืน

บัตรคนจน – วันที่ 8 พ.ค. นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลัง กกต.รับรองให้เป็น ส.ส. นครพนม มีประเด็นสำคัญที่จะขอให้ความเห็นทางการเมืองเป็นงานแรกกรณี ครม.เห็นชอบมาตรการพยุงเศรษฐกิจกลางปี 2562 ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ว่ากระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ เงินกระจายในตำบล หมู่บ้านหรือเงินไปกระจุกตัวอยู่กับนายทุนไม่กี่ราย และเป็นการทิ้งทวนเพื่อเอื้อนายทุนหรือไม่ เพราะเมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา ครม.ได้มีมติอนุมัติงบประมาณ 13,200 ล้านบาท เพื่อเติมเงินให้ผู้ถือบัตร จำนวน 14.5 ล้านคน

โดยเติมเงินในบัตรคนจน จำนวน 500 บาท/คน/เดือน ในเดือนพ.ค. – มิ.ย. ทั้งนี้ ในการเติมเงินตามจำนวนดังกล่าว มีเงื่อนไขให้รูดบัตรซื้อของจากร้านธงฟ้าประชารัฐเท่านั้น ไม่สามารถกดเงินสดได้ เสมือนเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนไม่กี่รายที่ร่ำรวยอยู่แล้วให้ร่ำรวยยิ่งขึ้นหรือไม่ แทนที่จะให้คนจนสามารถกดเงินสดไปจับจ่ายใช้สอยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในชุมชนให้ขยายตัวและเติบโต ส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในวงกว้าง กลับกลายเป็นมาตรการที่ช่วยคนที่รวยอยู่แล้วให้รวยยิ่งขึ้นหรือไม่ ส่งผลให้ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจนห่างกันมากยิ่งขึ้น ด้วยมาตรการของรัฐบาลที่กระทำซ้ำแม้จะถูกติติง

นายชวลิต กล่าวอีกว่า ในช่วงรณรงค์หาเสียงที่ผ่านมา แต่ละพรรคการเมืองได้ติติงกันแล้ว ว่ามาตรการดังกล่าวช่วยคนรวย ช่วยนายทุนของพรรคหรือไม่ ก็ยังไม่ยอมรับฟัง กลับออกมาตรการซ้ำๆ เสมือนกับจะเป็นการทิ้งทวนเพื่อให้นายทุนถอนทุนหรือไม่ ที่มีการเปรียบเปรยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยบัตรคนจนนี้ว่า “บัตรคนจน แต่ช่วยคนรวยให้รวยขึ้น” จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรับฟัง เพราะงบประมาณที่ใช้เป็นภาษีของประชาชน และในฐานะที่เป็น ส.ส.ระบบเขต ได้รับข้อสังเกตจากประชาชนในพื้นที่วิพากษ์วิจารณ์กระบวนการบริหารจัดการบัตรคนจนที่เอื้อต่อคนรวย และเอื้อต่อพรรคการเมืองบางพรรคหรือไม่

โดยชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์กันว่ามีสินค้าในร้านธงฟ้าประชารัฐหลายรายการ มีราคาแพงกว่าท้องตลาด เป็นการเอาเปรียบประชาชน ที่สำคัญในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ผู้สมัครของพรรคการเมืองบางพรรค รณรงค์หาสมาชิกพรรคพ่วงกับการได้รับบัตรคนจน เมื่อลงพื้นที่ตามตำบล หมู่บ้าน จึงได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวบ้าน ว่ามีคนจนจริงจำนวนหนึ่งไม่ได้รับบัตรคนจน แต่ชาวบ้านคนใดหากไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้นตามคำเชิญชวน จะพ่วงได้รับบัตรคนจนด้วย สรุปว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเติมเงินให้บัตรคนจนดังกล่าว ไม่อาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในตำบล หมู่บ้านได้ แต่กลับกระจุกตัวอยู่กับนายทุนไม่กี่ราย ที่สำคัญเป็นเงินงบประมาณจำนวนมากนับหมื่นล้านบาท

“มีกรณีที่น่าเศร้าใจไปมากกว่านั้น ที่ในช่วงเปิดภาคเรียนการศึกษาในปีนี้ ได้เห็นนักเรียน นักศึกษา ร้องไห้ต่อสาธารณะที่ไม่สามารถกู้ยืมเงิน กยศ.เพื่อใช้ประโยชน์ทางด้านการศึกษาได้ สะท้อนการจัดสรรงบประมาณในนโยบายการช่วยเหลือเยาวชนและครอบครัว ที่ขาดการประสานงานระหว่างกระทรวง และขาดการตรวจสอบ เสนอแนะจากสภาผู้แทนราษฎร นับว่าขาดตกบกพร่องอย่างยิ่ง” นายชวลิต กล่าว


ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน