เป็น ส.ว. ได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว เปิดแบบฟอร์มใบสมัคร ถามยิบญาติ-คนสนิท พรรคการเมือง!

เป็น ส.ว. ได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว เปิดแบบฟอร์มใบสมัคร ถามยิบญาติ-คนสนิท

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานการคัดเลือก ส.ว. ที่แต่งตั้งโดยคณะรักษาคามสงบแห่งชาติ (คสช.) จำนวน 194 จาก 400 คน ที่รัฐมนตรีสมาชิกสนช. ทยอยลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเตรียมรับการแต่งตั้งเป็นส.ว. ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย จะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯวันที่ 10 พ.ค.นี้

โดยกระบวนการเริ่มต้นช่วงต้นเดือน เม.ย. พอต้นเดือน พ.ค. ผู้ได้รับการสรรหาเป็นส.ว. จะได้รับ ข้อความยืนยันจาก คสช. ให้ไปกรอกเอกสารสำคัญ จำนวน 5 หน้า โดยระบุไว้ว่า ใบรับรองนี้ไม่ใช่ใบสมัคร เป็นเพียงข้อมูลที่เจ้าของประวัติจัดทำและรับรองตน ให้ผู้เกี่ยวข้องนำไปใช้ประกอบการพิจารณาสรรหาแต่งตั้งดำรงตำแหน่งต่างๆของทางราชการ

ทั้งนี้กระดาษจะมีช่องให้เลือก ประสงค์ หรือ ไม่ประสงค์ ให้เสนอชื่อข้าพเจ้าเข้าสู่การพิจารณาสรรหาไม่ว่าให้ดำรงตำแหน่งใดก็ตาม และให้เลือกว่า ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. หรือไม่

ส่วนรายละเอียดอื่นประกอบด้วย ข้อมูลทั่วไป ชื่อ-สกุล ที่อยู่ประวัติการศึกษา การทำงาน การให้ระบุถึงความเกี่ยวพันคู่สมรส บิดา มารดา บุตร ธิดา ผู้สมัครฯ ส.ส. ในสังกัดพรรคใด ลงสมัครเขตเลือกตั้งใด หรือส.ว. หรือนักการเมืองท้องถิ่น รวมถึงความเกี่ยวพันกับผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ หรือศาลรัฐธรรมนูญ

แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า แม้ในใบรับรองประวัติจะระบุไว้ว่า ไม่ใช่ใบสมัคร แต่พฤติการณ์การตอบรับโดย “ประสงค์” จะได้รับการสรรหาเป็นส.ว ก็คือการสมัครนั่นเอง

นอกจากนี้ภายในเอกสารดังกล่าว ไม่ได้มีลักษณะต้องห้ามอื่น ซึ่งมีเรื่องการเป็นเจ้าของหรือถือหุ้นสื่อรวมอยู่ด้วย แต่พบว่ามีหลายบุคคลที่คาดว่าจะได้รับการติดต่อเป็นส.ว. รีบไปแก้ไขโอนหุ้นอย่างเร่งด่วน ที่ตลาดหลักทรัพย์ และแจ้งการโอนหุ้น หรือขายหุ้น หรือลาออก จากกรรมการบริษัทที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งการกระทำดังกล่าว ไม่น่าจะชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

ก่อนหน้านี้แต่ละคนได้ผ่านการสรรหารอบแรก 400 คน รวมถึงการสรรหา ส.ว. 194 คน กระทำอย่างปกปิดมีเงื่อนงำมาตั้งแต่ต้น ไม่ประกาศว่าใครเป็นกรรมการบ้าง ไม่ประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อให้การสรรหาได้ผู้ที่เหมาะสมมาเป็นส.ว. อย่างแท้จริง

“รัฐธรรมนูญ เขียนไว้ชัดเจน ว่าการสรรหาจะต้องเป็นกลางทางการเมือง แต่การคัดเลือก มีพรรคพวกเครือญาติผู้มีอำนาจเช่นน้องชาย พล.อ.ประะยุทธ์ ที่มีชื่อได้เป็นส.ว .ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะเป็นนายกฯ และเกิดประโยชน์ต่อพรรคพลังประชารัฐ ที่กำลังจัดตั้งรัฐบาล”