พปชร.เปิดดีลใหม่ ใช้เสียงพิเศษตั้งรัฐบาล-เชื่อทะลุ 260 ไม่ปล่อยกระทรวงหลัก

พปชร. / เมื่อวันที่ 11 พ.ค. รายงานข่าวจากพรรคพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งว่า พรรคพปชร.ยังเดินหน้าพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่น เพื่อจัดตั้งรัฐบาลอยู่ตลอด รวมทั้งการเจรจาต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี โดยจะเริ่มชัดเจนระดับหนึ่งในสัปดาห์หน้า หลังจากตั้งประธานรัฐสภาเสร็จก็คาดว่าจะได้ข้อสรุป ซึ่งพรรคมั่นใจว่าสามารถจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสียงมากกว่า 255 เสียง เพราะจะมีคะแนนเสียงพิเศษจากพรรคพันธมิตรคู่แข่งบางส่วน ที่ได้เจรจาพูดคุยเรื่องเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลไปบ้างแล้ว โดยได้นัดพบปะหารือและทานข้าวกัน

นอกจากนี้มีส่วนหนึ่งสนใจจะมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วย โดยแกนนำพรรคยังเร่งพบปะกับบรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ทั้งพรรคขนาดกลางและพรรคเล็ก เพื่อรวบรวมเสียงให้มากที่สุด ให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ เนื่องจากมีความกังวลว่าในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์อาจได้เสียงสนับสนุนไม่ครบ 52 เสียง จึงต้องเร่งดีลสำรองไว้ แต่หากประชาธิปัตย์ตกลงและมาทั้งหมด เสียงจัดตั้งรัฐบาลอาจได้เกิน 260 เสียง

ส่วนการจัดสรรโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีนั้น บางกระทรวงที่พรรคมีแนวนโยบายชัดเจนและโปรโมทเป็นนโยบายหลักในการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งพรรคที่จะมาร่วมรัฐบาลพยายามต่อรองเพื่อขอตำแหน่ง โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นกระทรวงหลักที่พรรคพปชร.ต้องการใช้ขับเคลื่อนนโยบาย จึงไม่สามารถแบ่งให้พรรคร่วมรัฐบาลได้ เพราะพรรครับปากกับชาวบ้านไว้ตอนหาเสียงและผลักดันไปแล้วบางส่วนในช่วงรัฐบาล คสช. โดยเฉพาะโครงการข้าวที่อาจขัดแย้งกับนโยบายประกันราคาของพรรคประชาธิปัตย์

โดยนโยบายหลักของพรรค พปชร. เช่น เพิ่มชดเชยค่าเกี่ยวข้าวจาก 12 ไร่ เป็น 20 ไร่ ชดเชยจากไร่ละ 1,500 บาทเป็น 2,000 บาท เกี่ยวปุ๊บรับ 4 หมื่น และเพิ่มค่าเกี่ยวข้าวเพิ่มอีก 3 หมื่น รวมเป็น 7 หมื่นบาท

นอกจากนี้ยังมีนโยบายเกี่ยวกับไร่ยาสูบ อ้อย ปาล์มน้ำมัน รวมถึงนโยบายที่ดินส.ป.ก. ทั้งนี้พรรคพปชร.มองว่าหากไม่ได้ขับเคลื่อนนโยบายเหล่านี้ อาจกระทบถึงกระแสความนิยมและความเชื่อมั่นจากเกษตรกร โดยเฉพาะประชาชนในภาคอีสาน ภาคเหนือและภาคกลางที่เป็นฐานคะแนนหลัก จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน