‘เฉลิมชัย’ระบุ 23-24 พ.ค. รู้มติ ปชป. ร่วมรัฐบาลพปชร.หรือไม่

เมื่อวันที่ 19 พ.ค. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยถึงกรณีคลิปเสียงเมื่อวันที่ 13 เม.ย.2562 ที่ระบุจะหารือหัวหน้าพรรคพรรคประชาธิปัตย์เพื่อร่วมรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐว่า การปราศรัยที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 13 เม.ย. เป็นการแสดงความเห็นส่วนตัว

แต่ล่าสุดเมื่อตนเข้าไปทำหน้าที่ในองค์กรของพรรค ก็ต้องยอมรับมติขององค์กร เช่นเดียวกับส.ส.และกรรมการบริหารพรรคทุกคนก็มีสิทธิแสดงความเห็น ส่วนมติพรรคจะออกมาในทิศทางใดต้องรอการตัดสินใจร่วมกัน มติออกมาอย่างไรก็ต้องยอมรับ และตนยืนยันยังใช้สโลแกนคำไหนคำนั้น

ทั้งนี้ จากการรับฟังความเห็นประชาชนในพื้นที่ ส่วนใหญ่เห็นด้วยหากพรรคจะเข้าร่วมรัฐบาล จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจแสดงความเห็นส่วนตัว แต่สุดท้ายตนต้องเคารพมติพรรค ไม่ทำตามคงไม่ได้ ส่วนที่บอกกับประชาชนเมื่อวันที่ 13 เม.ย.ว่าถ้าผิดจากนี้แล้วเลิกกัน เป็นการพูดเพื่อชี้แจงกับประชาชนในพื้นที่ให้มีความเข้าใจจากความรู้สึกส่วนตัว

“ผมพูดตรงๆ ว่าวันนี้ผมสอบไม่ผ่าน ผมสอบตก ถ้าผมผลักดันไม่ได้จะให้ผมทำอย่างไร ผมก็ต้องอยู่เฉยๆ ในวันที่ 13 เม.ย. ผมพูดในวันที่รู้ผลเลือกตั้งของผมแล้ว การพูดในวันนั้น ผมไม่รู้ว่าต่อไปกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะมีใครบ้าง หรือหัวหน้าพรรคเป็นใคร ดังนั้น ควรแยกประเด็นให้ชัดเจน สำหรับมติเพื่อกำหนดทิศทางการทำงานของพรรคเชื่อว่าไม่เกินวันที่ 23-24 พ.ค.นี้ คงไม่ช้าไปกว่านี้”นายเฉลิมชัย กล่าว

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ส่วนการทำหน้าที่เลขาธิการพรรคในขณะที่สมาชิกพรรคหรือผู้เกี่ยวข้องในพรรคมีความเห็นที่หลากหลาย ยืนยันว่าไม่ลำบากใจ ความคิดเห็นแตกต่างกันได้เป็นเรื่องธรรมดา เชื่อว่าทุกคนมีหลักการ ตั้งใจฟื้นฟูพรรค ถ้าทุกคนมองที่องค์กรเป็นหลัก มีเป้าหมายหลัก เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ และทุกอย่างจะชี้ชัดว่าพรรคจะทำงานได้หรือไม่ ส่วนที่วิจารณ์ว่าพรรคจะแตก จะสูญพันธ์ ตนไม่รำคาญเพราะอยู่ในจุดที่จะรับฟังความเห็นทั้งหมด ไม่มีปัญหา

สำหรับการทำหน้าที่เลขาธิการพรรคในระยะ 3–6 เดือน จะต้องมีความเปลี่ยนแปลงในส่วนของแนวทาง วิธีดำเนินการ ต้องมีความชัดเจน ขอเรียนว่าตนเข้ามาเพื่อสลายความขัดแย้งส่วนตัวของคนในพรรค เพราะประชาธิปัตย์เป็นองค์กรใหญ่ ทุกคนมีความรักความผูกพันกับองค์กร ดังนั้น ความขัดแย้งไม่ใช่ปัญหาใหญ่ สิ่งใดที่จะทำให้ประชาธิปัตย์เดินไปข้างหน้าได้ต้องมาพูดคุยกัน สำหรับตนยืนยันจะไม่ทิ้งพรรค ถ้าจะทิ้ง คงไม่อาสาเข้ามาทำงานเป็นเลขาธิการพรรค

“การกำหนดทิศทางการเมืองในอนาคตจะคุยจบภายในองค์กร ทุกคนต้องมีความเข้าใจ พูดคุยกันแบบเปิดอก เชื่อว่าด้วยความเป็นสถาบันหลัก ทุกคนจะทำงานได้ และการตัดสินใจในพรรคไม่เกี่ยวกับปัจจัยอื่นนอกพรรค หรือพรรคอื่น ขอให้ทุกฝ่ายไว้วางใจว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่รักพรรค ต้องการให้พรรคเป็นจุดศูนย์รวมของความร่วมมือ ดังนั้น จึงต้องทำทุกทางเพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วม”นายเฉลิมชัย กล่าว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน