เปิดใจ ‘เสี่ยโต้ง’ หนึ่งเดียวในสภา กล้างดออกเสียงให้ประยุทธ์ สวนมติพรรคภูมิใจไทย ลั่น ‘ยังไงผมก็ไม่เอา’

จากมติสมาชิกรัฐสภา 500 ต่อ 244 เสียง ในช่วงค่ำคืนวันที่ 5 มิถุนายน ส่งผลให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกฯ ในสมัยที่ 2 อย่างราบรื่น โดยเสียงพรรคร่วมรัฐบาลพลังประชารัฐลงมติ สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์อย่างพร้องเพียง ไม่เว้นแม้แต่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงส.ว. 250 คน ที่มาจากการแต่งตั้ง ขณะเดียวกันก็ “ไม่มีงูเห่า” จากซีกพรรคต่อต้านการสืบทอดอำนาจทั้ง 7 พรรค อย่างที่มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้เลยแม้แต่รายเดียว เรียกได้ว่า “ทั้งสองฝ่าย” ไม่มีแตกแถว

เว้นแต่เสียงฮือฮาจากกรณีส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย “เสี่ยโต้ง” สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ที่แหกมติพรรค ไม่สนับนุนพล.อ.ประยุทธ์ กลับเป็นนายกฯ ด้วยการขาน “งดออกเสียง”

การประกาศงดออกเสียงครั้งนี้ มีเหตุผลอันใด?

ครั้งหนึ่ง มติชนออนไลน์ เคยสัมภาษณ์ “เสี่ยโต้ง” สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ภูมิใจไทยผู้นี้ ซึ่งหากเราย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ เป็นอดีตส.ส.ศรีสะเกษ พรรคชาติไทย แต่ถูกดอง 5 ปี ไว้ในบ้านเลขที่ 109 เนื่องจากพรรคถูกยุบ ถือเป็นคนเลือดใหม่ เลือดแท้ของพรรคชาติไทย เคยถูกวางตัวไว้ในฐานะเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นขุนพลคู่ใจ ร่วมหัวจมท้ายกับ “วราวุธ ศิลปอาชา” บุตรชายหัวแก้วหัวแก้วหัวแหวนของนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ ผู้ล่วงลับ ที่เคยได้รับคาดหมายจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ในการเลือกตั้งครั้งแรกหลังรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มีผลบังคับใช้

แต่ก็อย่างที่ทราบ เมื่อทำทีมไปได้พักใหญ่ๆ ได้เกิดความเป็นเปลี่ยนแปลงภายในพรรคชาติไทยพัฒนา จนกระทั่ง “เสี่ยโต้ง” อึดอัด กระทั่งขอยื่นใบลาออกจากพรรคทั้งน้ำตา ก่อนที่ “เสี่ยตือ”สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล จะโพสต์เฟซบุ๊กอำลาพรรค จากนั้น “ภราดร-กรวีร์” พี่น้องตระกูลปริศนานันทกุล ก็ได้ตามผู้เป็นพ่อออกมา

ในวันที่ “โต้ง สิริพงศ์” ย้ายเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทยหมาดๆ ได้เปิดใจกับ “มติชน” ถึง 3 เหตุผลว่า ทำไมถึงมาอยู่พรรคนี้?

1.เป็นพรรคขนาดกลาง

2.เป็นพรรคที่ใกล้เคียงกับภูมิประเทศบ้านเกิดของตน คือภาคอีสานตอนล่าง

3.ชอบความแมน ความลุย พูดไม่เก่ง แต่ทำเยอะ ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นผู้ทาบทามให้เขาย้ายมาร่วมพรรค ผ่านทางคุณพ่อ นายฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษ

ส่วนที่หลายคนคาดว่าเหตุที่ย้ายมาพรรคภูมิใจไทย เพราะประเมินแล้วว่ามีโอกาสสูงในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลในอนาคตนั้น เขารีบสวนทันทีว่า “คงไม่ล่ะครับ ถ้าอยากเป็นรัฐบาลชัวร์ๆ ผมไปลงพรรคพลังประชารัฐไม่ดีกว่าหรือ”

“ผมเติบโตในยุคที่ประชาธิปไตยเต็มใบ แต่พรรคการเมืองเสียงข้างมากในเวลานั้น บอกว่าทุกคนที่ไม่สนับสนุนพรรคถือเป็นศัตรู และจะไม่ได้รับการสนับสนุน เช่น ถูกขึ้นบัญชีรายชื่อว่าเป็นผู้มีอิทธิพล ใครโหวตสวนมติพรรค จะไม่ถูกส่งลงสมัคร ขณะที่การอยู่พรรคขนาดกลาง กลับทำให้ได้เป็นตัวของตัวเอง”

“ผมควรอยู่ข้างไหน ข้างที่เรียกตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย แต่แท้จริงเป็นเผด็จการ หรือข้างที่เป็นเผด็จการเพื่ออ้างความถูกต้อง แต่สุดท้ายตัวเองก็ทุจริต แล้วใครอยู่ข้างประชาชน ผมศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย ฉะนั้นรูปแบบใดที่เป็นเผด็จการ ทั้งเผด็จการทหาร หรือเผด็จการประชาธิปไตย ผมก็ไม่นิยม” นายสิริพงศ์ ระบุ

ถามย้ำว่า ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคที่ถูกมองว่าพร้อมร่วมทุกรัฐบาล หากวันหนึ่งคนส่วนใหญ่ในพรรคเห็นพ้องจะร่วมทางกับพรรคพลังประชารัฐ ทั้งที่ไม่ใช่พรรคที่มีคะแนนอันดับ 1 “สิริพงศ์” ที่ออกตัวว่าศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยจะทำอย่างไร ?

“ผมไม่เอา ถ้าผมไม่โหวตแตกจากพรรค ผมก็ลาป่วย เพราะผมชัดเจนไม่เอารัฐบาลเสียงข้างน้อย”

และนี่คือ คำตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำของ “เสี่ยโต้ง” สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ที่ได้ประกาศชัดและยืนยันจุดยืนมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง 24 มีนาคม

(ขอบคุณคลิปจากเรื่องเล่าเช้านี้)


ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน