ประมวลภาพ พรรคร่วมฯ แห่ยินดี “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯคนใหม่ คนที่ 29 ลำดับที่ 30 ของประเทศไทย ในรอบ 5 ปี

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล มีพิธีรับพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยเมื่อเวลา 13.35 น. นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้เชิญพระบรมราชโองการมายังห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีหัวหน้าพรรคและตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาล ร่วมเป็นเกียรติ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำพิธีรับพระบรมราชโองการ โดยมีนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา ร่วมในพิธี

จากนั้นนายกรัฐมนตรี เดินมายังห้องสีม่วง ในตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีหัวหน้าพรรคและตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาล ร่วมเป็นเกียรติก่อนที่จะกล่าวสำนึกในพระมหากรุณาที่คุณว่า

“ในวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับเป็นเกียรติยศและเป็นสิริมงคลอย่างสูงสุดแก่ชีวิตอย่างหาที่สุดมิได้ ผมและครอบครัวรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นล้นพ้น และขอเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ทั้งจักปฏิบัติงานสนองพระราชปณิธานตามพระปฐมบรมราชโองการ

ผมขอยืนยันว่าจะทุ่มเททำงานตามมาตรฐานจริยธรรมด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โดยยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ จะเพียรพยายามมุ่งมั่นทำงาน พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นของทุกกลุ่มทุกฝ่าย ทุกสาขาอาชีพ ทุกช่วงวัย ในการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศในทุกด้าน ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม การต่างประเทศ กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน ลดความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้ สร้างความเข้มแข็ง ยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่เป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ

ด้วยการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ เป็นไปตามพระราชบัญญัติการเงินการคลัง และเอกชนมีส่วนร่วม ตลอดจนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้สอดคล้องกับปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ เปิดโอกาสให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงโลกยุคดิจิทัลและเทคโนโลยี สร้างสรรค์สังคมให้มีความรัก ความสามัคคี ปรองดอง สมานฉันท์ เกื้อกูลกันในทุกโอกาสเพื่อความกินดี อยู่ดี และความมั่นคงปลอดภัยของประชาชน พร้อมจะปกป้องรักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิแห่งสถาบันชาติ ศาสนา ตลอดจนจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่รักยิ่งของประชาชนชาวไทย

ผมขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาที่ทำหน้าที่อย่างเต็มความรู้ความสามารถ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ และให้โอกาสผมได้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีอีกวาระหนึ่งเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างที่ทุกท่านได้ตั้งใจไว้

ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวไทย ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานทุกภาคส่วน ที่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการบริหารราชการแผ่นดินตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะเป็นพลังที่คอยเกื้อหนุน และร่วมแรงร่วมใจกับรัฐบาล เพื่อนำพาประเทศไทยของเราให้มีความสงบร่มเย็น มั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืนตลอดไป”

ทั้งนี้ เมื่อเช้านี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการประชุม ครม.ว่า สำหรับการรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่นายกฯจะรับพระบรมราชโองการภายในทำเนียบฯ หากไม่นับพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์อดีตนายกฯ ซึ่งไม่ได้เข้ามาในสถานการณ์ปกติ เนื่องด้วยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯต่อเนื่องหลังจากที่เป็นมาแล้ว จึงใช้ทำเนียบฯ เป็นสถานที่รับพระบรมราชโองการได้ ต่างจากอดีตนายกฯคนอื่น ที่ต้องรับพระบรมราชโองการนอกทำเนียบฯ เช่น พล.อ.สุจินดา คราประยูร ซึ่งรับพระบรมราชโองการที่บ้านพัก ส่วนการเชิญพรรคร่วมรัฐบาลมาร่วมในพิธีด้วยนั้น ถือเป็นเรื่องปกติ

แต่บางสมัยตั้งโต๊ะรอแล้วก็ไม่ได้รับ เช่น สมัยที่นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกฯ ซึ่งผมเป็นรองเลขาธิการครม.พอดี ผมไปรออยู่ที่หนึ่งคือ ที่บ้านของพล.อ.อ.สมบุญ ระหงษ์ ตั้งโต๊ะรออย่างดี รออยู่ว่าทำไมยังไม่มา จึงรู้ภายหลังว่าขบวนการของนายอาทิตย์ อุไรรัตน์ ประธานรัฐสภาตอนนั้น ได้ไปตั้งทัพอยู่ที่โรงแรมสยามอินเตอร์คอนฯ เรานึกว่าอยู่นอกเส้นทางก็เลยกลับ แล้วเลขาธิการครม.บอกผมเมื่อกี้ที่เราเอาดอกไม้ไปแสดงความยินดีนั้น ขอให้เอากลับมา ผมก็แหวกคนไปดูกระเช้า คิดว่าคงเอากลับมาไม่ได้ เลยดึงนามบัตรเลขาธิการครม.กลับมาแทน จึงเป็นกระเช้านิรนามไป” นายวิษณุ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน