เมื่อเวลา 13.50 วันที่ 21 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีที่มีราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร เรื่องการขยายเวลาการออกหมายเรียกเก็บภาษีตามมาตรา 19 แห่งประมวลรัษฎากร ว่า ถือเป็นเรื่องเดิม ส่วนเรื่องใหม่ภาษีหุ้นชินคอร์ป ของนายทักษัณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถือว่าเป็นคนละกรณีกัน ดังนั้นอย่าเอาอันเก่ามาพันกับอันใหม่ ทั้งนี้จะสามารถทำได้หรือไม่ ก็ให้ไปว่ากันในกระบวนการยุติธรรม

ตนให้ความเป็นธรรมตรงนี้ และต้องนึกถึงรัฐบาลด้วย เพราะเรื่องบางอย่างยังไม่ชัดเจน ซึ่งหากทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้ แต่เมื่อเกิดความคลุมเครือรัฐบาลก็ต้องทำไปก่อน จากนั้นก็ต่อสู้คดีเอา เพราะถ้าทำได้แต่ไม่ทำ ก็จะผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 รัฐบาลก็โดนไปด้วย การไม่ปฏิบัตินั้นมีความเสี่ยงต่อกฎหมาย โดยรัฐบาลระมัดระวังอย่างเต็มที่ เหมือนกันที่ก่อนหน้านี้ ที่รัฐบาลใช้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ใน พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ในคดีรับจำนำข้าว ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องทำ หากไม่ทำก็ผิด 157 ทั้งนี้ ตนไม่ต้องการรังแกใครทั้งสิ้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ให้กรมสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีของนักการเมือง 60 ราย ว่า ได้มีการตรวจสอบภาษีนักการเมืองที่มีรายได้เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว ซึ่งรัฐบาลนี้ก็โดนตรวจสอบ โดยเมื่อก่อนเข้ามา ระหว่างรับตำแหน่ง และเมื่อออกไปก็มีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ตามระเบียบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ล่าสุดที่ สตง.บอกว่าจะตรวจสอบนั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะต้องเดือนร้อน

เพราะจะสอบเฉพาะผู้ที่มีรายได้ไม่ปกติ มีอำนาจสามารถทำได้ในระยะเวลา 5 ปี อย่ากล่าวหาว่าเป็นการรังแกใคร เพราะได้มีการแยกแยะ แต่เมื่อสื่อออกมาอาจจะเข้าใจไม่ทั่วกัน จากการที่ตนได้ตรวจสอบจากฝ่ายกฎหมายพบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถตรวจสอบใครก็ได้ เมื่อพ้นหน้าที่ไปแล้ว ภายในระยะเวลา 5 ปี โดยจะตรวจสอบเกี่ยวกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นมีการเสียภาษีอย่างถูกต้องหรือไม่ แต่ขอให้ทำให้เกิดความชัดเจนขึ้น อย่าให้เกิดความวุ่นวายกันไปหมด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน