“วิลาศ” ยุให้ยุบ ป.ป.ช. หลัง การันตีนาฬิกายืมเพื่อน ไม่ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สิน อัดที่ผ่านมาไม่เคยทำคดีใหญ่ๆได้เลย แนะใช้ศาลอาญาคดีทุจริต ทำแทน

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส. กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น (ป.ป.ช.) ชี้แจงในการสัมมนาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ใหม่ ถึงกรณีการยืมทรัพย์สินมีค่า เช่นนาฬิกาหรูของเพื่อนว่าไม่จำเป็นต้องชี้แจงบัญชีทรัพย์สิน หนี้สินต่อป.ป.ช. ว่า

ถ้าตีความตามคำพูดของเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ถือว่าต่อไปนี้การยืมทรัพย์สินมีค่าเช่นนาฬิกาหรูหรือรถหรูของเพื่อนมาใช้ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ก็ถือว่าไม่ผิด แต่ปัญหามีอยู่ว่าปัจจุบันป.ป.ช.มีหน้าที่หลัก 2 หน้าที่คือ

  • 1.การตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่น และ
  • 2.การตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน หนี้สินของข้าราชการและนักการเมืองว่ามีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติหรือไม่

ซึ่งเดิมการตรวจสอบคดีทุจริตมักร้องที่ป.ป.ช.แต่ภายหลังมีศาลอาญาคดีทุจริตขึ้นมาแล้วส่วนใหญ่ก็ไปร้องคดีทุจริตที่ศาลอาญาคดีทุจริต และอีกทั้งช่วง 8 ปีที่ผ่านมา การทำคดีตรวจสอบทุจริตคอร์รัปชั่นของป.ป.ช.ล่าช้ามากและต่ำกว่ามาตรฐานขององค์กรเดิมที่ชุดอื่นทำไว้ จึงมีข้อเสนอว่าต่อไปนี้ในคดีทุจริตควรส่งให้ศาลอาญาทุจริตดูแลรับผิดชอบหรือไม่ โดยต้องแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ประชาชนสามารถร้องต่อศาลคดีทุจริตได้ โดยต้องแก้นิยามคำว่า”ผู้เสียหาย”ให้มีความหมายกว้างขวางมากขึ้นเพื่อที่จะให้ประชาชนสามารถมีสิทธิ์ฟ้องร้องในคดีทุจริตนั้นๆได้

นายวิลาศกล่าวต่อว่า เมื่อมาเจอคำตอบของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ในเรื่องการให้ ส.ส.นักการเมืองและข้าราชการต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สินหรือไม่โดยเฉพาะกรณีการยืมทรัพย์สินมีค่าของเพื่อนโดยระบุว่าไม่ต้องยื่นชี้แจงต่อป.ป.ช.ก็ถือว่าจบเรื่องเลย เพราะต่อไปนี้ป.ป.ช.ก็ไม่สามารถตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน หนี้สินของใครได้ หากบุคคลนั้น อ้างว่าทรัพย์สินที่ตรวจพบเป็นการยืมเพื่อนมา เท่ากับตั้งบรรทัดฐานไว้แล้วในที่สุดก็ตรวจสอบเอาผิดใครไม่ได้ในเรื่องการใช้ช่องทางทุจริต หากเป็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้อง มีป.ป.ช.อีกต่อไป เพราะถือว่าไม่มีหน้าที่และไม่จำเป็นต้องตรวจสอบในเรื่องบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อไปแล้ว

“หากเปรียบเทียบกับในอดีตกรณีของพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่พบว่ามีเงินงอกบัญชี 50 ล้านบาท แต่กลับถูกป.ป.ช.ชี้ว่ามีความผิดต้องเว้นวรรคทางการเมือง หากเปรียบกับกรณีนาฬิกาหรูรวมกันหลาย 10 เรือน มีมูลค่านับ 100 ล้านบาท แต่ ป.ป.ช. กับยื้อคดีแล้วบอกไม่ผิด ถือเป็นการตั้งบรรทัดฐานใหม่ที่มีผลในการทำลายองค์กรตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญอย่าง ป.ป.ช. ลงไปอย่างน่าเสียดาย

ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องมีองค์กรอย่าง ป.ป.ช. อีกต่อไป เพราะนับย้อนไป 5 – 10 ปีมานี้ป.ป.ช. ไม่เคยตรวจสอบคดีใหญ่ใดๆได้เลย เช่นกรณีสินบนบริษัทโรลส์รอยซ์ การซื้อเครื่องบินของการบินไทย กรณีซีทีเอ็กซ์ 9000 หรือแม้กระทั่งกรณีการซื้อเรือเหาะของกองทัพบก ที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านบาท แต่กลับไม่สามารถใช้การได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องการันตีผลงานของป.ป.ช.ว่าควรมีต่อไปหรือไม่ สำหรับผมเห็นว่าหากเป็นเช่นนี้ก็ควรยุบองค์กรทิ้งเพื่อไม่ต้องเปลืองภาษีงบประมาณแผ่นดินอีกต่อไป” นายวิลาศกล่าว


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน