นคร เย้ย เฉลิมชัย ฝันไกลไปหลังประกาศดัน จุรินทร์ เป็นนายกฯ เหน็บพาพรรคไปให้รอดยังลำบาก

วันที่ 30 มิ.ย. นาย นคร มาฉิม อดีตผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการจัดสัมมนา ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ที่จ.ประจวบคีรีขันธ์เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยนาย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ประกาศว่าพรรคปชป. จะขับเคลื่อนตามอุดมการณ์ของพรรค ไปสู่ความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาประชาชน

หลังได้รับการจัดสรรรัฐมนตรีตามกระทรวงหลัก ได้แก่ เกษตรฯ พาณิชย์ และการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่า หากรัฐมนตรีของพรรค ปชป.7 คน บริหารงานในกระทรวงได้อย่างแท้จริงก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ควรจะรับรู้ไว้ด้วยว่านายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ว่าที่รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ ไม่แฮปปี้ที่รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจจากพรรค ปชป.และภูมิใจไทย ไม่ได้เป็นพรรคพวกหรือลูกน้องของตัวเอง

ขณะเดียวกันนายจุรินทร์ก็คงจะเข้าใจว่าขณะนี้เกิดความระส่ำระสายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งจะกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ส่งผลให้การทำงานของรัฐมนตรีและรัฐบาลมีปัญหา ทั้งนี้ นโยบายของพรรค ปชป.ที่เคยหาเสียงไว้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะได้รับการยอมรับจากพล.อ.ประยุทธ์และ ส.ว.หรือไม่ หรือพรรค ปชป.ไม่ถือเป็นสาระสำคัญ สักแต่อ้างพอเป็นพิธีให้ดูดี แต่ไม่เคยจริงจัง เหมือนกับที่เคยบอกว่าไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ให้สืบทอดอำนาจ แต่สุดท้ายกลับมาสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์สืบทอดอำนาจ

นายนคร กล่าวถึงคำประกาศของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ปชป.ที่ว่ามีความฝันจะพยายามอย่างถึงที่สุด เพื่อให้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายกฯ คนต่อไปว่า ตนได้ฟังแล้วก็รู้สึกทึ่งมาก ก็ขอเป็นกำลังใจให้ แต่อย่าลืมว่าภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 และสภาพการเมืองที่พรรค ปชป.เข้าไปร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ที่กำลังสืบทอดอำนาจเผด็จการคสช.นั้น พรรค ปชป.จะทำอะไรได้

นายเฉลิมชัยรู้ไหมว่า ครม.ประยุทธ์จะอยู่ไปถึง 6 เดือนหรือเปล่า กล้าเดิมพันกันไหมว่า ถ้าพรรค ปชป.ได้ ส.ส.ต่ำกว่า 53 เสียง หัวหน้าพรรคจะลาออกเหมือนกับที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยประกาศมาแล้ว

ลำพังแค่จะพาพรรคให้รอดยังลำบาก ฝันไกลไปหรือเปล่าถึงอนาคตที่จะให้หัวหน้าพรรคเป็นนายกฯ เลย เอาแค่จะแก้สัญญาประชาคมที่เคยให้ไว้ว่าท่านจะไม่สนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ สืบทอดอำนาจที่ให้ไว้ต่อประชาชน พวกท่านยังไม่ทำตามที่สัญญาไว้เลย

ปชป.ไม่มีขัดแย้งรวมพลังอเวนเจอร์ส์

ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ บีช รีสอร์ทแอนด์วิลล่า หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลสรุปการสัมมนาส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ว่า เป็นไปเพื่อให้ทุกคนรับรู้ยุทธศาสตร์ของพรรคที่จะขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วย 3 กลไกหลัก คือ กลไกของรัฐมนตรีสังกัดพรรค กลไกของส.ส.พรรค และ กลไกของกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.)

ซึ่งรวมถึงสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ทั้งนี้ยืนยันว่า พรรคมีความเป็นเอกภาพ ไม่มีการแบ่งกลุ่มแบ่งฝ่าย ซึ่งการจัดสัมมนา 3 วัน2 คืนที่ผ่านมานี้ สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าพรรคประชาธิปัตย์รวมกันเป็นหนึ่งสามารถทำงานด้วยกันเป็นทีมอเวนเจอร์ประชาธิปัตย์

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า หลังมีพระบรมราชองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรายชื่อรัฐมนตรี แล้ว ในส่วนของพรรคจะมีการประชุมรัฐมนตรีของพรรคทุกเย็นวันจันทร์ เพื่อตรวจการบ้าน และซักซ้อมความเข้าใจก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในวันอังคาร ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์จะเดินสายลงพื้นที่ทั่วประเทศเพื่อรับฟังปัญหาโดยเฉพาะ เรื่องเศรษฐกิจปากท้องและสินค้าเกษตร

พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฐานรากที่เป็นปัจจัยสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ในการตัดสินใจร่วมรัฐบาล เช่น ในวันที่ 1 ก.ค.ตนและคณะจะเดินทางไปพบกับกลุ่มสมาคมชาวไร่มันสำปะหลัง ผู้ประกอบการธุรกิจ และผู้ส่งออกมันสำปะหลัง จาก 45 จังหวัด ที่จังหวัดนครราชสีมา จากนั้นในวันที่ 5 ก.ค.นี้ จะเดินทางไปจังหวัดลำพูน เพื่อพบกับเกษตรกรชาวสวนลำไย ซึ่งจะมีการพูดคุยรับฟังปัญหาและหาแนวทางในการแก้ปัญหา

มั่นใจเสถียรภาพรัฐบาลเดินหน้าได้

“ยอมรับว่า รัฐบาลชุดนี้จะไม่มีช่วงเวลาฮันนีมูน เพราะ ประชาชนคาดหวังให้เข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าที่ผ่านมาเศรษฐกิจของประเทศไม่ดี เพียงแต่ยังลงไปไม่ถึงเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งรัฐบาลชุดใหม่ต้องเร่งแก้ปัญหา โดยเฉพาะ เกษตรกร ชาวประมง และ กลุ่มผู้ด้อยโอกาส ส่วนเศรษฐกิจภาพรวม เชื่อว่าประชาชนอยากเห็นความชัดเจนของนโยบายในการแก้ปัญหา”นายจุรินทร์ กล่าว

เมื่อถามถึงเสถียรภาพของรัฐบาลที่ขณะนี้พรรคพลังประชารัฐ(พปชร) ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาล มีความขัดแย้งเกิดขึ้นภายใน จะสามารถบริหารงานได้ราบรื่นหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นเป็นหน้าที่ของแต่ละพรรค ที่ต้องไปบริหารจัดการ แต่เชื่อว่าเสถียรภาพของรัฐบาลยังเดินหน้าได้ เพราะ ปัจจัยเรื่องเสถียรภาพมี 2 ด้านประกอบด้วย ปัจจัยเชิงปริมาณ ซึ่งรัฐบาลจะมีเสถียรภาพได้ต้องมีเกินกึ่งหนึ่ง

ภาพรวมตอนนี้ ตัวเลขเกินกึ่งหนึ่งอยู่แล้ว ส่วนปัจจัยเชิงคุณภาพ สำคัญไม่น้อยกว่าตัวเลข ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล หากประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนก็จะช่วยเสริมเสถียรภาพของรัฐบาลให้มีความมั่นคงได้ ซึ่งทุกอย่างต้องรอพิสูจน์การทำงานหลังเข้าทำหน้าที่

นอกจากนี้ ในระบบรัฐสภาก็มีการถ่วงดุลอยู่แล้ว ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ไม่มีช่วงเวลาที่ชัดเจน แต่ฝ่ายค้านทำได้ตลอดทั้งในระบอบรัฐสภา และนอกสมัยประชุม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน