จากปัญหาไม่ลงรอยในเรื่องการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีในโค้งสุดท้าย โดยรายชื่อของคนในพรรค พลังประชารัฐ (พปชร.) หลุดจากโผ ที่ผู้ใหญ่ในพรรค และ รัฐบาลเคยรับปากไว้ ขณะ ที่ส.ส.และแกนนำในพรรคพปชร.บางส่วนไม่พอใจต่อท่าทีของนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ที่ได้ตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ และ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ที่ได้ตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดศึกแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีขึ้น ตามที่นำเสนอเป็นข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ดร.เสรี วงษ์มณฑา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก แนะ ถ้าจะแก้รัฐธรรมนูญ ให้แก้ สส.เป็นฝ่ายนิติบัญญัติอย่างเดียว ไม่ให้เป็นรัฐมนตรี ให้นายกรัฐมนตรีคัดเลือกรัฐมนตรีจากคนนอกที่ไม่ใช่ สส. พร้อมตอกพวกอยากเป็นรัฐมนตรี ทั้งที่ไม่ได้เก่ง น่ารังเกียจ น่าสมเพช

โดยระบุว่า “ถ้าจะแก้รัฐธรรมนูญ ขอให้แก้ว่าให้ สส.เป็นฝ่ายนิติบัญญัติอย่างเดียว ไม่ให้เป็นรัฐมนตรี เมื่อได้นายกรัฐมนตรีแล้ว ให้นายกรัฐมนตรีคัดเลือกรัฐมนตรีจากคนนอกที่ไม่ใช่ สส. จะได้ไม่มีใครมาอ้างโควต้าว่ากลุ่มของตนมี สส.เท่านั้นเท่านี้ ต้องได้รัฐมนตรีกี่ตำแหน่ง เมื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. เมื่อได้เป็น สส. ก็ถือว่าสมหวังแล้ว จะมาแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีให้ชาวบ้านเขาชิงชังรังเกียจความเห็นแก่ตัวไปทำไม

อยากเป็นรัฐมนตรีกระทรวงนั้นกระทรวงนี้ เพราะอะไร ตัวเองเก่งด้านนั้น มีนโยบายที่ยอดเยี่ยมในการบริหารกระทรวงนั้น หรือมุ่งมาหาผลประโยชน์อะไร เก่งก็ไม่ใช่ มีนโยบายที่ดีก็ไม่ใช่ แล้วทำไมถึงกระสันจะเป็นเจ้ากระทรวงกันหนักกันหนา น่ารังเกียจ น่าเบื่อ น่ารำคาญ น่าสมเพช น่าประณามดูถูกความทะเยอทะยานของคนที่ไม่เจียม ไม่ได้มีความสามารถที่ชัดเจนอะไรเลย แต่อยากเป็นรัฐมนตรี นี่แหละคือเหตุผลที่ประเทศไทยเราจึงไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร

ตัวเองไม่เก่งยังไม่พอ แต่งตั้งพวกพ้องที่ไม่เป็นพอๆ กันมาเป็นทีมงาน เหมือนเตี้ยอุ้มค่อม แล้วจะสร้างผลงานในการพัฒนาประเทศได้อย่างไร จะริเริ่มอะไรได้ จะชี้นำข้าราชการประจำให้เดินถูกทางได้อย่างไร

ใครคิดว่าจะพูดให้ สส.ที่ไม่ได้เก่งอะไร แต่อยากเป็นรัฐมนตรี ให้รู้ตัว และยอมเสียสละเพื่อประเทศชาติ ไม่เรียกร้องการเป็นรัฐมนตรีด้วยระบบโควต้า ได้บ้างคะ ถ้าเราพูดเขาจะฟังเราไหมคะ หรือเขาคิดว่าเขาเก่งพอที่จะเป็นเจ้ากระทรวงได้คะ”


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน