พท.แฉ ‘หมอระวี’ ปลอมเอกสารนัดประชุม ขยายสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า ชงปปช.ฟัน!

วันที่ 24 ก.ค. นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาการ ขยายสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า (บีทีเอส) แถลงชี้แจงกรณีนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และโฆษกกรรมาธิการ กล่าวหาตนเองแก้ไขมติที่ประชุมจากการเชิญตัวแทน 3 หน่วยงาน เข้าชี้แจง เหลือเพียง 1 หน่วยงานคือสหภาพการทางพิเศษแห่งประเทศไทย

จนเป็นเหตุให้การประชุมล่มเมื่อวานนี้ ว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากที่ประชุมมีมติให้เชิญตัวแทน 3 หน่วยงานอยู่แล้ว ประกอบตัวตัวแทนคณะกรรมการบริหารการทางพิเศษแห่งประเทศไทย , ประธานสหภาพการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และตัวแทนบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ไม่ได้มีการแก้ไขมติโดยไม่แจ้งต่อที่ประชุม

แต่ทราบว่าการประชุมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาช่วงบ่ายมีหลายพรรคการเมืองต้องประชุมพรรค อาจทำให้ไม่สะดวกประชุมได้ อีกทั้งเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ตัวแทนทั้ง 3 องค์กรมาชี้แจงพร้อมกัน เพราะมีการตกลงกันแล้วว่าควรจะสลับกันให้ตัวแทนแต่ละฝ่ายมาให้ความเห็น ทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการต่อสัมปทาน รองประธานกรรมาธิการทั้ง 3 คน จึงหารือและตกลงกันว่า ควรแยกวันให้แต่ละองค์กรแยกชี้แจง

จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบถึงการเรียงลำดับเวลาใหม่ โดยให้ประธานสหภาพการทางพิเศษแห่งประเทศไทยชี้แจงเมื่อวานนี้ ส่วนวันนี้เป็นคิวของตัวแทนคณะกรรมการบริหารการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และครั้งต่อไปเป็นคิวของบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM)

นพ.ระวี กล่าวว่า จากการประชุมวันนี้ตัวแทนคณะกรรมการบริหารการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากเวลาไม่พอ จึงต้องให้มีการชี้แจงต่ออีกสัปดาห์หน้า จึงเป็นการเน้นย้ำว่าการชี้แจงจำเป็นต้องจัดสรรเวลาแยกกัน ไม่สามารถชี้แจงพร้อมกันทั้งหมดได้

ย้ำว่าไม่ได้แก้ไขมติที่ประชุมตามที่นายยุทธพงษ์กล่าวหา ยืนยันว่าปัญหาความขัดแย้งเหล่านี้เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่กระทบต่อการศึกษาของคณะกรรมาธิการ และขอให้นายยุทธพงษ์แสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่ได้กล่าวหา แต่นายยุทธพงษ์กลับท้าให้ฟ้องร้อง

ฟ้องป.ป.ช.สอบจริยธรรม!

ด้านนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ฐานะโฆษกกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า (บีทีเอส) กล่าวโต้ถึงประเด็นนี้ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่อาคารรัฐสภา เกียกกาย ทางคณะกรรมาธิการได้เชิญการทางพิเศษแห่งประเทศไทยมาชี้แจงเกี่ยวกับการต่ออายุสัมปทานทางด่วน 30 ปี รายละเอียดคือ

มูลค่าการสัมปทานทางด่วนในครั้งนี้วันนี้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ชี้แจงว่ามีมูลค่ากว่า 137,517 ล้านบาท เป็นข้อพิพาทที่ฟ้องแล้วมูลค่าเพียง 4,318 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกแสนกว่าล้าน เป็นข้อพิพาทที่อยู่ระหว่างพิพาท

นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ทางการทางพิเศษแห่งประเทศไทยมาชี้แจงประเด็นคือ มูลค่าข้อพิพาทระหว่างบริษัททางด่วน BEM กับการทางทั้งหมด 137,517 ล้านบาท หลังจากเจรจากันก็ได้ข้อยุติผลการเจรจาที่ 58,873 ล้านบาท จึงเป็นที่มาที่บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ขอต่อสัญญาไปอีก 30 ปี

ในสัญญา 30 ปี แบ่งเป็นทางด่วน 3 ส่วน คือ ABC คือทางด่วนขั้นที่สอง D ส่วนต่อพระรามเก้า ไปสุวรรณภูมิไปมอร์เตอร์เวย์ และ C คือ จากแจ้งวัฒนะไปบางปะอิน ในรายละเอียดแต่ละส่วนสัญญาหมดไม่พร้อมกัน แล้วเงื่อนไขที่ระบุในการเจรจา 1. คือทางบริษัทต้องจ้างพนักงานของการทางพิเศษ จนกว่าจะเกษียณหรือหมดหน้าที่

2.จะต้องยกเลิกการให้สิทธิกับ BEM ในการที่จะเช่าพื้นที่ใต้ทางด่วน เรื่องสำคัญคือ ถ้าไม่เจรจากันก็ให้ฟ้องร้องกัน แต่ว่ามี 1 คดีที่ศาลปกครองสูงสุดตัดสินแล้วคือ 4,318 ล้าน ส่วนนี้ทางการทางพิเศษต้องจ่าย ซึ่งเป็นยอดที่ใกล้เคียงกับเงินที่การทางฯ มี หากจ่ายก็หมดเลย กมธ. จึงเสนอให้การทางฯ กลับไปพิจารณาหาแนวทางที่จะบรรเทาความเสียหายนี้

ดังนั้นจึงจะเชิญการทางฯ มีพูดคุยอีกครั้งในวันอังคาร ที่ 30 ก.ค. เวลา 9.00 น. และวันพุธ ที่ 31 ก.ค. จะเชิญนายประสงค์ สีสุกใส รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ รักษาการแทนประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ และคณะกรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ

“ส่วนเรื่องส่วนตัวตนกับหมอระวี ที่มีการแก้ไขรายงานการประชุมเรื่องเมื่อวานนี้ที่แถลงไป ตนจะร้องกับ ป.ป.ช. เพื่อสอบสวนหมอระวีและคณะ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 219 ว่าด้วยเรื่องหมวดจริยธรรม กระทำการทำให้เกิดความเสียหายจนกมธ.ไม่สามารถประชุมต่อได้ จะได้พิสูจน์ว่าตนกับหมอระวีใครของจริงของปลอม”

ภายในสัปดาห์หน้า ตนจะยื่นเรื่องการปลอมแปลงแก้ไขมติที่ประชุม ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สอบสวนหมอระวีและพวก เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างในการทำผิดกฎหมาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน