ทวี สอดส่อง เยี่ยมเหยื่อระเบิด ชี้ปล่อยให้หลักฐานพูด คนมีอำนาจไม่ควรวิเคราะห์
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านและการมีส่วนร่วมของประชาชน พร้อมด้วยทีมโฆษกและตัวแทนของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน เช่น นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานและโฆษกคณะกรรมการ เดินทางมายังโรงพยาบาลสิรินธร เข้าเยี่ยมนางสุนทร รอดเสียงล้ำ อายุ 55 ปี และนางสาวคิสนา ผ่องใจดี อายุ 46 เจ้าหน้าที่รักษาความสะอาดเขตสวนหลวง ผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดป่วนเมือง ภายในซอยพระรามเก้า 57/1
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านและการมีส่วนร่วมของประชาชน ขอแสดงความห่วงใย และขอให้ทุกคนปลอดภัย หายจากอาการบาดเจ็บโดยเร็ว และ ขอบคุณโรงพยาบาล แพทย์ผู้ทำการรักษา ที่ดูแลคนบาดเจ็บอย่างใกล้ชิด
พ.ต.อ.ทวี กล่าวถึงความคืบหน้าคดี โดยเห็นว่า ทุกครั้งที่มีคดีความมั่นคง อยากให้พยานหลักฐานเป็นผู้พูด ไม่ควรมาวิเคราะห์ เพราะพยานหลักฐานจะเป็นข้อเท็จจริงที่เป็นจริง จึงเรียกร้องไม่อยากให้ตำรวจทำงานล่าช้า จะเป็นความขัดแย้งอื่นๆจนกลายเป็นการใส่ร้ายการเมือง ส่วนตัวในฐานะเป็นอดีตตำรวจ มั่นใจในการทำหน้าที่ของ ผบ.ตร.ที่เป็นตำรวจอาชีพ จะไม่นำพยานหลักฐานมาพูดจนนำไปสู่ความแตกแยก จึงอยากให้กำลังใจตำรวจด้วย
ส่วนกรณีที่ 3 วันที่ผ่านมาไม่มีความคืบหน้าคดี และญาติผู้ต้องสงสัยเข้าไม่ถึงกระบวนการยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เห็นใจทั้งฝ่ายญาติและผู้ปกครอง และเข้าใจการทำหน้าที่ของตำรวจ ที่ต้องหาพยานหลักฐาน แต่ปัจจุบัน การสื่อสารบ้านเมืองไปได้ไกล ทุกฝ่ายยึดหลักกฎหมายและนิติธรรม ผู้เสียหายควรได้รับโอกาสการมีทนายความ ได้เยี่ยมเยี่ยน จึงต้องบอกว่าอยู่ที่ไหน ส่วนตัวไม่ขอก้าวล่วงการสืบสวนของตำรวจ แต่อยากให้นำเรื่องสิทธิมนุษยชนมาพิจารณาด้วย
ส่วน การเชื่อมโยงในจังหวัดชายแดนภาคใต้และการเมือง ยังไม่ขอให้ความเห็น
พ.ต.อ.ทวี เห็นว่า สำหรับภาพวงจรปิดที่ออกมาไม่ใช่ตำรวจอย่างเดียวที่รู้ พ่อแม่จะรู้ดีด้วย ซึ่ง บ้านเมืองพัฒนา จากอดีตจับคนร้ายได้จากแหล่งข่าว ปัจจุบันจับทางเทคโนโลยี จึงต้องพิสูจน์ เพราะการละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องใหญ่กว่าการเป็นพระเอก
ขณะที่นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ขอประณามผู้ที่ก่อเหตุการณ์ความไม่สงบในครั้งนี้ ที่เอาความสูญเสีย บาดเจ็บ ของประชาชนเป็นเหยื่อของการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่เร่งคลี่คลายคดี และยกระดับมาตรฐานการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน
