‘ท็อป’แนะทำประชามติก่อนเดินหน้าแก้รธน.-‘ปิยบุตร’ลั่นต้องร่างฉบับใหม่ก่อนไปจบที่ประชามติ
เมื่อวันที่ 11 ส.ค. นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ในฐานะประธานกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ 7 พรรค ฝ่ายค้านเสนอแก้รัฐธรรมนูญโดยตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)มาดำเนินการให้เสร็จใน 240 วันว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เกิดขึ้นมาด้วยการทำประชามติ คิดว่าก่อนที่จะตั้งส.ส.ร.ขึ้นมา เราควรจะทำประชามติก่อนดีกว่า ว่าเห็นควรจะให้มีการแก้ไขหรือไม่ แก้ตรงไหน แก้อย่างไร ถามประชาชนก่อนถ้าทุกคนเห็นตรงกันว่าให้แก้ก็ตั้งส.ส.ร.ขึ้นมา แต่ทำให้เสร็จภายใน 240 วันนั้นคิดว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะด้วยกฎระเบียบและกติกาในปัจจุบันคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องยาก
“พรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ขัดขวางในการแก้รัฐธรรมนูญ เราอยากฟังเสียงประชาชนก่อน เราหนุนให้ทำประชามติก่อนแก้ อยากได้รับประชามติจากคนทั่วไปเทศก่อนว่าโอเคทุกคนเห็นตรงกัน แก้อย่างไร เอาไงเอากัน” นายวราวุธ กล่าว
ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่(อนค.) กล่าวว่า กรณีนายวราวุธ ระบุก่อนจะตั้งส.ส.ร.ตามที่ฝ่านค้านเสนอ ควรทำประชามติถามประชาชนก่อนว่าต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ เรื่องนี้ไม่มีปัญหา เพียงแต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนไว้ว่า ในท้ายที่สุดถ้าแก้รัฐธรรมนูญในเรื่องใหญ่ เช่น แก้วิธีการแก้ หรือแก้เพื่อไปทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ มันต้องไปจบที่ประชามติอยู่ดี ในเบื้องต้นพรรคอนาคตใหม่และพรรคร่วมฝ่ายค้านเพียงต้องการเริ่มต้นแคมเปญขึ้นมาเพื่อหาฉันทามติของสังคมให้ได้ว่าประเทศไทยพร้อมหรือยังที่จะเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ร่วมกัน จึงใช้ชื่อโครงการว่า “ทวงคืนอำนาจการจัดทำรัฐธรรมนูญของประชาชน” หลังจากตั้งแต่ปี 2549 คณะรัฐประหาร 2 ชุดเอาอำนาจเขียนรัฐธรรมนูญไป นี่จึงเป็นการทวงอำนาจกลับมาไว้ที่ประชาชน ส่วนจะเขียนในรูปแบบใดนั้น เป็นเวทีที่เปิดกว้าง สามารถพูดคุยกันได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถูกเสนอเข้าสู่ที่ประชุมร่วมของพรรคฝ่ายค้านแล้วหรือไม่ นายปิยบุตรกล่าวว่า ตอนนี้ที่พรรคฝ่ายค้านเสนอร่วมกัน มีหลักใหญ่คือกำหนดให้มีส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และส.ส.ร.นี้จะไปเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ จากนั้นจึงจัดให้มีประชามติ ส่วนรายละเอียดว่าสมาชิกส.ส.ร.ควรมีกี่คน ประกอบด้วยใครบ้าง หรือมีที่มาอย่างไร เรื่องนี้สามารถพูดคุยปรับเปลี่ยนได้เสมอ แต่อย่างน้อยในการรณรงค์ต้องมีร่างที่หย่อนลงไปในสังคมเพื่อให้ขบคิดกันว่าจะเอาแบบไหน
