เพื่อไทย ลุยซักฟอกรัฐบาล ปมถวายสัตย์ต่อ ชี้คนละส่วนกับผู้ตรวจฯ ยื่นส่งศาล รธน. ด้านอนาคตใหม่ ยกเทียบ สมัย “นายกฯบรรหาร”

เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 27 ส.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค นายโภคิน พลกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ร่วมแถลงข่าวภายหลังการประชุมวิปพรรคเพื่อไทย

นายโภคิน พลกุล กล่าวถึงกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณของนายกรัฐมนตรี ว่า พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเป็นสิ่งดีที่จะมีองค์กรมาชี้ขาดเรื่องนี้ต่อไป เพื่อจะได้รับความกระจ่าง ทั้งนี้ หากศาลรัฐธรรมนูญไม่รับพิจารณา เรื่องก็จะค้างลอยๆ อยู่แบบนี้ ประเทศก็จะขาดความเชื่อมั่น

นายสุทิน คลังแสง กล่าวว่า ยิ่งเห็นการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินในวันนี้ เราเห็นถึงข้อกฎหมายที่สลับซับซ้อน ซึ่งจะเข้าถึงข้อเท็จจริงและหาข้อยุติได้ไม่ง่าย ดังนั้น กระบวนการที่จะหาทางออกได้ดีที่สุด คือช่องทางในสภาฯ โดยการใช้มาตรา 152 ซึ่งเราจะเดินหน้าต่อ

 

ทั้งนี้ เมื่อเรื่องไปถึงศาลแล้ว กระบวนการยุติธรรมก็ทำไป สภาฯ ก็ทำไป ดีเสียอีกที่จะได้ข้อชัดเจนที่สมบูรณ์ แบบทำเทียบเคียงกันไป นอกจากนี้การใช้มาตรา 152 ยังจะทำให้เราสามารถเสนอแนะแนวทางการปฏิบัติให้แก่สภาฯ ได้ด้วย

ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ กล่าวว่า สำหรับกรอบเวลาในการอภิปรายนั้น ขึ้นอยู่กับประเด็นและข้อเท็จจริงในการอภิปราย ซึ่งจะต้องไปเจรจากับวิปรัฐอีกครั้งหนึ่ง

อนาคตใหม่ ก็เอาด้วย!

วันเดียวกัน ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) แถลงถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ครม.เข้ารับพระราชดำรัส พร้อมลายพระราชหัตถ์ ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์เพื่อน้อมรับเป็นสิริมงคลว่า

กรณีนี้ขอยืนยันตามความเห็นของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ว่าไม่ใช่การถวายสัตย์ปฏิญาณครั้งใหม่ เพราะการถวายสัตย์มีไปเมื่อวันที่ 16 ก.ค. เมื่อถวายสัตย์เสร็จแล้ว โดยทั่วไปพระมหากษัตริย์จะมีพระราชดำรัสเพื่ออำนวยพร หรือให้กำลังใจแก่รัฐมนตรีในการปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายบริหารต่อไป ในอดีต ครม.ได้นำพระราชดำรัสเหล่านี้มาเป็นแนวปฏิบัติบริหารประเทศ

โดยนายวิษณุ เขียนไว้ว่า ในสมัยนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกฯ ได้ขอพระบรมราชานุญาตนำพระราชดำรัสมาตีพิมพ์เป็นลายลักษณ์อักษรเข้ากรอบรูปสวยงามแจก ครม.ทุกคน เพื่อให้เป็นเครื่องเตือนใจในการทำงาน แต่ครั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ ทำนั้นเป็นครั้งแรกที่จัดพิธีดังกล่าว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ถือว่าไม่ใช่การถวายสัตย์ใหม่

ดังนั้น ต้องมาพิจารณาว่าการถวายสัตย์ของพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.นั้น สมบูรณ์หรือไม่ ในข้อความต่างๆ ยืนยันว่าไม่ครบ ตัวพล.อ.ประยุทธ์ก็ยังไม่เคยบอกว่าพูดครบถ้วนทุกคำตามรัฐธรรมนูญในมาตรา 161 จึงเป็นปัญหาต่อเนื่องต่อไป ปัญหานี้ยังได้รับการยืนยันจากผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

ในคำร้องที่มีผู้ร้องว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ถวายสัตย์ไม่ครบ ถือเป็นการกระทำที่ใช้อำนาจโดยมิชอบ และน่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ ส่งผลกระทบสิทธิ์ของเขา ต่อเนื่องไปยังมติครม.ที่ออกมา หรือการแต่งตั้งข้าราชการต่างๆ สมบูรณ์หรือไม่ และยังไม่มีองค์กรอิสระใดวินิจฉัยยืนยันเรื่องนี้ สุดท้ายจึงต้องรอดูว่าจะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร

นายปิยบุตร กล่าวต่อไปว่า ขณะเดียวกันเรายื่นญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ซึ่งอยู่ระหว่างรอการบรรจุวาระ คิดว่าประชาชนอึดอัดใจว่าทำไมเรื่องนี้ไม่จบเสียที กินเวลามาเป็นเดือน ตนอยากจบเรื่องนี้ใจจะขาด แต่คนที่จะจบได้คือพล.อ.ประยุทธ์ ตนเป็นคนแรกที่ทักท้วงในสภาตั้งแต่วันแถลงนโยบาย แต่ตัวนายกฯ ไม่ยอมแก้ปัญหานี้ ไม่ตอบ ไม่พูดว่าครบหรือไม่ครบ ไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น ใช้วิธีเงียบ

ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้หวังล้มรัฐบาล แต่ต้องการความแน่นอน ชัดเจน เพื่อให้ครม.ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบตามรัฐธรรมนูญ ใครที่บอกให้จบเรื่องนี้แล้วไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจดีกว่า ช่วยไปบอกพล.อ.ประยุทธ์ ให้จบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ถ้าแก้ปัญหาแต่แรกเรื่องไม่บานปลายมาขนาดนี้

เมื่อถามว่าหลังผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ยังจะเดินหน้าอภิปรายตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการหารือกับพรรคเพื่อไทย เนื่องจากสัปดาห์นี้ไม่มีการประชุมสภา

แต่อนาคตใหม่ยืนยันว่า แม้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว แต่สภายังพิจารณาญัตติดังกล่าวได้โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ศาลมีคำวินิจฉัยออกมาก่อน ซึ่งเป็นไปตามหลักการแบ่งแยกอำนาจ ระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการ รัฐสภากับศาลรัฐธรรมนูญมีศักดิ์และสิทธิ์เท่ากัน ไม่มีใครด้อยไปกว่าใคร


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน