“ไพบูลย์” ติง ฝ่ายค้านระวังสุ่มเสี่ยง อ้างหากมีการร้องอีก เชื่อศาล รธน. ไม่เปลี่ยนแปลงคำสั่งตัวเอง ด้าน “ชวน”ยันอีกรอบ คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญไม่มีผลผูกพันองค์กร ตาม รธน.

ต่อมาเวลา 13.12 น. นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่า เท่าที่ฟังการอภิปรายของฝ่ายค้านมาไม่ใช่การตั้งคำถาม แต่เป็นการอภิปรายลักษณะตรวจสอบการทำหน้าที่ของรัฐมนตรี และคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญแม้จะไม่ใช่คำวินิจฉัยที่มีผลผูกพันโดยตรง

แต่ก็มีสาระสำคัญที่ต้องรับฟัง โดยระบุว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับขอบเขตพระราชอำนาจโดยเฉพาะ ไม่สามารถมีฝ่ายใดก้าวล่วงได้ เนื่องจากเป็นไปตามพระบรมราชวินิจฉัยแล้ว ที่ให้นายกรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน และพระราชทานพระราชดำรัส ซึ่งเป็นการไว้วางพระทัยแล้ว ดังนั้นญัตติการอภิปรายที่เกิดขึ้นนี้จึงถือเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ

นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยไว้ว่า ไม่มีองค์กรใดตามรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีนี้ได้ จึงขอแสดงความเป็นห่วงฝ่ายค้านที่กำลังอภิปรายตรวจสอบ อาจเข้าข่ายกระทำการโดยไม่มีอำนาจและอาจเป็นเหตุให้ถูกยื่นเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และถอดถอนจากตำแหน่งได้ แม้ฝ่ายค้านจะพยายามยื่นเรื่องตรวจสอบไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.)และเรื่องไปถึงศาลฎีกา

แต่สุดท้ายเรื่องก็อาจจะกลับไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะไม่เปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยของตัวเอง ที่ระบุว่าไม่มีองค์กรใดตามรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยเรื่องนี้ได้ ซึ่งสภาฯก็เป็นหนึ่งในองค์กรตามรัฐธรรมนูญ แม้พรรคฝ่ายค้านเป็นส่วนสำคัญในการตรวจสอบการทำงาน แต่ที่ต้องทวงติงเพราะอยากเห็นการอภิปรายเป็นไปในแนวทางที่ควรจะเป็น ไม่มีการกระทำอะไรที่อาจจะสุ่มเสี่ยง

ทั้งนี้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ชี้แจงโดยย้ำกับที่ประชุมว่าให้อภิปรายในประเด็นตามญัตติที่เสนอ คือ การซักถามข้อเท็จจริงและให้ข้อเสนอแนะ ซึ่งข้อบังคับการประชุมสภาฯกำหนดรายละเอียดไว้ ยืนยันว่าสภาฯ สามารถเดินหน้าพิจารณาญัตติดังกล่าว ตามมาตรา 152 ได้

เพราะคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญพร้อมคำอธิบายประกอบนั้นไม่มีผลผูกพันต่อองค์กรใดตามรัฐธรรมนูญ ส่วนกรณีที่ ส.ส. อภิปรายทำนองขับไล่ หรืออภิปรายเกินเลย ขอให้ยึดตามประเด็นที่ญัตติเสนอตามมาตรา 152 และยึดตามข้อบังคับ รวมถึงไม่อภิปรายซ้ำประเด็นเพื่อประหยัดเวลา


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน