อนค.จัดเวทีปราศรัย วอนคนสามพราน เทคะแนนเกิน 7.5 หมื่น เพิ่มที่นั่งในสภา ผลักรัฐบาล‘บิ๊กตู่’ เป็นเสียงข้างน้อย ‘ธนาธร’ปลุกประชาชนลงคะแนน ไม่ไว้วางใจรัฐบาล 23 ต.ค.

ธนาธร – เมื่อเวลา 18.45 น. วันที่ 29 ก.ย. ที่ตลาดพันล้าน อ.สามพราน จ.นครปฐม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค พร้อมส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ร่วมปราศรัยหาเสียงช่วย นายไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต 5 นครปฐม โดยมีประชาชนสนใจร่วมฟังกว่า 300 คน

นายธนาธร กล่าวว่า การเลือกตั้งซ่อมวันที่ 23 ต.ค. จะเป็นการพิพากษาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ด้วยการลงคะแนนไม่ไว้วางใจโดยประชาชน ที่จะเป็นเสียงสะท้อนว่าเอือมระอากับความลำบากจากการมีนายกฯ ที่ไม่สนใจประชาชน และทำร้ายกระเป๋าสตางค์ของประชาชน

ขอให้ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2557 ที่พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาอยู่ในอำนาจโดยปืนและรถถัง และอยู่ในอำนาจโดยมีมาตรา 44 จากนั้นเข้าสู่อำนาจเป็นนายกฯ สมัยที่สอง ด้วยรัฐธรรมนูญที่เขียนเอง มีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ใช้เวลาประกาศผลนานถึง 44 วัน เพื่อคำนวณสูตรส.ส.ที่ทำให้ 7 พรรคที่ร่วมกันต่อต้านการสืบทอดอำนาจ คสช.เป็นเสียงข้างน้อย จากที่ควรได้ 253 เสียง เหลือเพียง 246 เสียง

นายธนาธร กล่าวว่า การที่ไม่ได้มาจากประชาชนทำให้การบริหารงานตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาหลังการเลือกตั้ง เห็นว่าประเทศไทยไม่มีอะไรดีขึ้น ทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ มีจำนวนคนลงทะเบียนว่างงานเพิ่มมากขึ้น บ้านเมืองมีแต่ข่าวอาชญากรรม ฆ่าตัวตาย แต่กลับมีการใช้งบประมาณไปในเรื่องอื่นแทน เรารณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อหวังแก้ปัญหา แต่เสียงสะท้อนจากประชาชนกลับบอกว่าให้ไล่พล.อ.ประยุทธ์ ออกไปจะดีกว่า

“ยืนยันว่าการตั้งพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้หวังผลประโยชน์เพื่อโกงกินหวังอำนาจ หรือหวังให้แกนนำพรรคร่ำรวยจากภาษีประชาชน หากพบว่ามี ผมจะไล่ออกจากพรรค และสัญญาว่าจะไม่มีเกิดขึ้นแน่นอน แต่เราต้องการลดอำนาจจากส่วนกลางลง และให้ต่างจังหวัดไปจัดสรรด้วยตัวเอง ให้มีการปฏิรูปกองทัพ ไม่ให้ประเทศไทยมีรัฐประหาร ต้องการสร้างรัฐสวัสดิการ ให้ผู้มีอำนาจรัฐสวัสดิการรับใช้ประชาชน เพราะถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงกับการเมืองที่สกปรก จึงขอแรงให้ประชาชนร่วมกันแสดงพลังเพื่อเปลี่ยนแปลงในวันที่ 23 ต.ค.นี้” นายธนาธร กล่าว

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน
ด้านนายปิยบุตร กล่าวว่า การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้มีความสำคัญ 3 ข้อต่อพรรคอนาคตใหม่ คือ 1.มีส.ส.เพิ่มอีกหนึ่งคน และสร้างความเชื่อมั่นต่อสังคมว่า พรรคเราจะไม่ถูกยุบแน่นอนและยังอยู่ต่อ ถ้าใครมาพูดว่าเราจะถูกยุบคือโกหก และยังสำคัญต่อการทำงานในสภาของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ถูกสูตรพิสดารคำนวณเหลือ 246 เสียง เป็นเสียงข้างน้อย และเกิดกรณีนายธนาธร ไม่ได้เข้าสภาและนางจุมพิตา จันทรขจร ประสบอุบัติเหตุ เหลือ 244 เสียง ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลเหลือ 249 เสียง ทำให้สูสีกัน

2.หากได้ส.ส.เพิ่มอีกหนึ่งที่นั่ง จะได้ลุ้นในการลงมติในญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาประกาศคำสั่ง คสช. เพื่อสะสางการใช้อำนาจ คสช. รวมทั้งญัตติตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นต้น และ

3.ถ้าเราได้เสียงเพิ่มขึ้น จะทำให้รัฐบาลนี้กลายเป็นเสียงข้างน้อย จากการเลือกตั้งซ่อมในทุกพื้นที่ที่จะส่งผลต่อการเปลี่ยนข้างรัฐบาล โดยมีพื้นที่สามพรานเป็นจุดเริ่มต้น ถ้าเรามีเสียงในสภาเกิน 250 เสียง นายธนาธร ก็มีลุ้นที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ประชาชนที่ไม่ต้องการพล.อ.ประยุทธ์ ก็มีสิทธิ์ได้ลุ้นในครั้งนี้

ใครที่หวังว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา จะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ออกไป แต่ยังกลับเข้ามาด้วยเสียงโหวตจากส.ว.ร่วมด้วย 500 เสียงนั้น ขอให้ให้เก็บความแค้น ความเสียใจ ความหงุดหงิดใจ จากปัญหาเศรษฐกิจปากท้องที่ไม่ดีเอาไว้ แล้วไปแสดงพลังในวันที่ 23 ต.ค.นี้ เพราะทุกเสียงที่ให้เราจะเปลี่ยนรัฐบาลนี้ให้เป็นเสียงข้างน้อย และจะทำให้ธนาธร กลับมาเป็นนายกฯได้” นายปิยบุตร กล่าว

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่ไม่ต้องการชนะแน่นอน แต่ต้องการชนะให้เด็ดขาดแถม 75,000 คะแนน และไม่กังวลหากการเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม จึงขอให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งให้มาก เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์ และขอให้ช่วยเฝ้าระวังการนับคะแนนในหน่วยเลือกตั้ง ไม่ให้เกิดปรากฏการณ์บัตรผี บัตรงอก บัตรเขย่ง ไฟดับ ปล้นเสียงของประชาชนไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน